รถยุโรปตัวกลั่นมาไทยปี 2024 มหาศึก ‘เบนซ์-บีเอ็มฯ-วอลโว่’

สันติ จิรพรพนิต

เข้าสู่ตอนสุดท้ายแล้วครับกับซีรีส์รถใหม่ปี 2024

จากก่อนหน้านี้เสนอกลุ่มรถไฟฟ้าจากจีน และรถเครื่องยนต์ทางเลือกจากค่ายญี่ปุ่น

ฉบับนี้พาไปเจอกับกลุ่มรถยุโรปตัวกลั่น ที่จะมาวาดลวดลายในไทยปี 2024

ยกมา 3 ค่ายหลักๆ ที่ถือว่าเป็นเจ้าตลาดของไทย ประกอบด้วย

เมอร์เซเดส-เบนซ์, บีเอ็มดับเบิลยู และวอลโว่

แต่ด้วยเนื้อที่นำเสนอมีจำกัด จึงขอยกมาแบรนด์ละ 1 รุ่น ที่เป็นตัวตึงของค่ายในปีนี้เลย

เป็นตัวแทนเปิด “มหาศึก” ชิงตลาดรถยุโรปในบ้านเรา

ประเดิมกันที่ค่ายดาวสามแฉก “เมอร์เซเดส-เบนซ์” มีรุ่นยอดนิยม “E-Class” เจเนอเรชั่นที่ 11 รหัส W214 ที่จะเปิดตัวในปีนี้

จุดเด่นไม่พ้นการออกแบบภายนอก-ภายใน ที่มีกลิ่นอายของกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าตระกูล “EQ”

โดยมี 2 รุ่นย่อยหลักๆ คือ AMG และรุ่น Exclusive

แตกต่างกันที่ตกแต่งภายนอกโดยเฉพาะกระจังหน้า โดยรุ่น AMG เน้นความปราดเปรียวดูสปอร์ตกว่า

กระจังหน้าทรง 6 เหลี่ยม มีดาวประดับเชื่อมต่อกัน ตรงกลางเป็นโลกโก้ พาดขวางด้วยเส้นโครเมียม

ส่วน Exclusive กระจังเป็นตะแกรงแนวนอน รูปแบบใหม่แต่แฝงความคลาสสิค เหนือกระโปรงหน้าติดตั้งโลโก้แบบลอยตัว ที่เราคุ้นเคย

ชุดโคมไฟหน้าดีไซน์ใหม่

ไฟท้าย LED ดีไซน์เพิ่มลูกเล่นภายในโคมให้ดูมีมิติมากขึ้น โดยเป็นทรงดาวสามแฉก

ตัวถังมีเส้นสายพลิ้วไหว ตามหลักแอโรไดนามิก มือจับประตูใหม่ฝังเรียบไปกับตัวรถ ซึ่งเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรง

หลายอย่างเหล่านี้ช่วยให้ “E-Class” มีค่าสัมประสิทธิ์ต้านทานอากาศเพียง 0.23 Cd ถือว่าต่ำที่สุดในเซ็กเมนต์เดียวกัน

ขณะที่มิติตัวถัง (กว้าง x ยาว x สูง)1,880 x 4,949 x 1,468 ม.ม. ฐานล้อยาว 2,961 ม.ม.

ขยายขึ้นทุกมิติเมื่อเทียบกับรุ่นที่แล้ว

ห้องโดยสารออกแบบหรูหรา ได้กลิ่นอายของรถไฟฟ้าอย่าง EQE และ EQS ไม่ว่าจะเป็นแผงแดชบอร์ด แผงมาตรวัด และหน้าจอกลาง

พวงมาลัย 3 ก้านแบบท้ายตัด พร้อมระบบมัลติฟังก์ชั่น

หน้าปัดดิจิทัลปรับเปลี่ยนรูปแบบ ได้ทั้งแบบคลาสสิค และสปอร์ต

หน้าจอกลางแบบดิจิทัลขนาดใหญ่ เชื่อมต่อได้หลายรูปแบบ

ชุดเครื่องเสียง Burmester ลำโพง 17 ตำแหน่ง

ชุดไฟ Ambient Lighting ตั้งค่าเฉดสีได้

ปุ่มปรับต่างๆ จะเป็นแบบสัมผัสเกือบทั้งหมด

ด้วยความที่มิติให่ขึ้นทำให้ภายในดูกว้างขวางกว่ารุ่นเดิมอย่างรู้สึกได้

ขุมพลังมีหลายรูปแบบให้เลือก

ดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร Mild Hybrid กำลังสูงสุด 197 แรงม้า แรงบิด 440 นิวตัน-เมตร

เบนซิน Plug In Hybrid 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 204 แรงม้าที่ แรงบิด 320 นิวตัน-เมตร

วิ่งไฟฟ้าล้วนไกลสุด 115 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็ม

ใช้ในชีวิตประจำวัน แทบไม่ต้องเปลืองน้ำมันเลยก็ว่าได้

ขณะที่คู่ชนตัวฉกาจจากบีเอ็มดับเบิลยู “BMW 5 Series” ก็มาเปิดตัวในปีนี้เช่นเดียวกัน

รุ่นล่าสุดเป็นเจเนอเรชั่นที่ 8 ยังคงเอกลักษณ์กระจังหน้าแบบไตคู่ ตัดขอบด้วยโครเมียมรับกับไฟหน้าอย่างลงตัว

มือเปิดประตูย้อนยุคไปใช้แบบก้านยก ดูคลาสสิคไปอีกแบบ

ไฟท้ายขนาดใหญ่

ขอบหน้าต่างตัดด้วยสีเงิน ดูสวยขึ้นกับตัวถังสีเข้ม ล้อแม็กลายสวยดูมีมิติ มากขึ้น

ห้องโดยสารออกแบบใหม่หมด พวงมาลัยทรงสปอร์ต จอหน้าแบบคู่ขนาดใหญ่

มาตรวัดดิจิทัล 12.3 นิ้ว และจอกลางระบบอินโฟเทนเมนต์ขนาด 14.9 นิ้ว

ระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ล่าสุด iDrive 8.5

ขุมพลังมีหลายบล็อก อาทิ เบนซิน 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร เทอร์โบ Mild hybrid กำลังสูงสุด 258 แรงม้า

เครื่องยนต์ 6 สูบ 3.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ Mild hybrid กำลังสูงสุด 380 แรงม้า

ปิดท้ายกับ “Volvo EX90” รถเอสยูวีไฟฟ้าล้วน 7 ที่นั่ง

ด้านหน้าดูเรียบหรูมาก กระจังแบบปิด ไฟหน้าทรงค้อนเทพเจ้าธอร์

ไฟท้ายรูปตัว C

มือจับประตูแบบเรียบไปกับตัวถัง

ภายในเน้นความหรูหรา พวงมาลัยพร้อมระบบมัลติฟังก์ชั่น เรือนไมล์แบบฟูลดิจิทัลขนาดเล็กๆ ตามเทรนด์รถยนต์ไฟฟ้า

ที่ใหญ่จริงคือจอกลางแนวตั้ง 14.5 นิ้ว จอทัชสกรีน จัดวางแบบลอยตัว

รวมฟังก์ชั่นการสั่งการต่างๆ อยู่ในนี้เกือบทั้งหมด

ทำให้ภาพรวมของรถตันนี้ดูโล่งๆ

เบาะแถว 3 พับด้วยระบบไฟฟ้า

มีเทคโนโลยี LIDAR ที่พัฒนาร่วมกับ Luminar Technologies เซ็นเซอร์อัลตร้าโซนิก 16 ตำแหน่ง, เรดาห์ 5 ตำแหน่ง, กล้องความละเอียดสูง 8 ตัว

ตรวจจับคนเดินถนน รัศมีทำการสูงสุด 250 เมตร

ติดตั้งระบบตรวจจับภายในห้องโดยสาร ป้องกันเด็กเล็กหรือสุนัขติดอยู่ในห้องโดยสารขณะจอดกลางแดด

ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าคู่กำลังสูงสุด 414 แรงม้า แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ความจุ 107 kWh

ชาร์จเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรง 250 กิโลวัตต์ จาก 10-80% ได้ภายใน 30 นาที

ชาร์จเต็ม 1 ครั้ง วิ่งระยะไกลสุด 600 กิโลเมตร •

 

ยานยนต์ สุดสัปดาห์ | สันติ จิรพรพนิต

[email protected]