วางบิล เรืองชัย ทรัพย์นิรันดร์ / สู่ร่มกาสาวพัสตร์ คืนแรกแห่งสมณเพศ

วางบิล/เรืองชัย ทรัพย์นิรันดร์

สู่ร่มกาสาวพัสตร์ คืนแรกแห่งสมณเพศ

ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมพยายามหลายอย่างที่จะพิสูจน์ว่า ผมคือคนที่คุณรักอย่างแท้จริง ผมแสดงธาตุแท้ของตัวเองออกมาอย่างไม่ปิดบัง ให้คุณรับรู้และเห็นถึงตัวตนของผม ไม่ใช่เห็นอย่างฉาบฉวย เพื่อคุณจะได้ตัดสินใจว่าควรจะรับรักผมหรือไม่ เช่นเดียวกับคุณเองไม่เคยปกปิดความเป็นมาของตัวเอง

เมยที่รัก อุปสรรคย่อมเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ สองปีที่ผ่านมายืนยันได้อย่างดี ทั้งคุณและผม พยายามหาวิธีให้คุณพ่อคุณแม่คุณเข้าใจผม แต่คงเป็นเพราะผู้ชายคนนั้นทำให้คุณต้องผิดหวัง กับความเป็นคนหัวเก่าของคุณพ่อคุณแม่ของคุณที่ไม่ต้องการให้ลูกสาวเลือกคู่ครองเอง ซึ่งเห็นได้จากพี่สาวของคุณสมหวังกับคู่ครองที่คุณพ่อคุณแม่เลือกให้

แต่ระหว่างคุณกับพี่สาวมันผิดกันไกล คุณมีความเป็นตัวเอง ตัดสินใจเอง เมื่อต้องมาพบกับความผิดหวังจึงเสียใจเป็นธรรมดา

อุปสรรคอีกอย่าง คือตัวผมเอง ทั้งฐานะกับหน้าที่การงาน คงไม่ทำให้คุณพ่อคุณแม่ของคุณเข้าใจได้หรอกว่า ผมคือคนที่ท่านไว้วางใจให้คุณคบกับผม แม้ผมรับว่าจะแก้ไขจนถึงที่สุด ซึ่งคงไม่ยากอะไรนัก แต่จนแล้วจนรอด ผมยังไม่เคยพบคุณพ่อคุณแม่คุณสักครั้ง เฉียดไปเฉียดมาอยู่นั่น จนถึงวันนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างสายเกินไปแล้ว

เมยครับ ผมขอบอกคุณตามตรงว่า ผมเองไม่ใช่คนใจแข็งอย่างที่คุณเห็นดอก ยังเป็นคนอ่อนไหวง่ายที่สุด ยิ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับจิตใจโดยตรง ผมรับรู้ได้เร็วกว่าใครทั้งยังคงทนอยู่นานเท่านาน แต่กับกรณีของคุณ เมื่อผมไตร่ตรองด้วยเหตุผลหลายประการ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นเกิดจากการกระทำของตัวเองทั้งสิ้น ทั้งเป็นคนเริ่มต้น สานต่อ และทึกทักเอาเอง โถมเข้าไปจนสุดตัว โดยไม่คำนึงถึงเหตุผลหรือเหตุการณ์อย่างใดทั้งสิ้นที่แปรเปลี่ยนไป

เมื่อผมมาทบทวนเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนเมื่อถึงวันที่คุณบอกผมเรื่องนี้ ยิ่งเห็นได้ชัดว่าเรื่องทั้งหมดผมเองต่างหากที่ไม่ยอมมองตัวเอง ไม่ยอมให้คุณพูดถึงปัญหาอื่น มีแต่บอกว่าไม่ว่ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้นผมจะเป็นผู้แก้ไขปัญหานั้นจนได้ ไม่มีอะไรเหลือบ่ากว่าแรงไปได้ ผมคิดอย่างนั้นจริงๆ แต่ผมลืมไปถึงภาวะจิตใจของคุณ ลืมให้โอกาสคุณ

อย่างไรก็ตาม ผมขอบอกคุณอีกครั้งว่า คุณเป็นผู้หญิงที่ผมรัก พร้อมจะแต่งงานด้วย ผมผ่านเรื่องอย่างนี้มาพอสมควร บางครั้งผมไม่ได้รักเขา บางทีเขาไม่ได้รักผม อย่างที่เคยเล่าให้คุณฟังบ้างแล้ว ผมเลยเอ้อระเหยมาได้ถึงวันนี้ จนมาได้พบกับคุณ จึงคิดลงหลักปักฐานเสียที แล้วให้มีอันเป็นไป ผมรู้ดีว่าคุณไม่ได้รักผม คุณเพียงแต่ชอบผม คงเป็นเพราะผมเข้าใจและรักคุณ เมื่อมีอันเป็นเช่นนี้ ผมเองไม่สามารถประคับประคองใจให้คงทนต่อไปได้ เหมือนกับคิดว่าจะทำได้

นี่คือเหตุผลที่ตัดสินใจบวช อย่างน้อยเพื่อกันตัวกันใจออกห่างจากบางสิ่งบางอย่าง เข้าหาที่สงบสักพัก คงประมาณ 2 เดือน เข้าใจว่าคงพอทำให้ใจสงบได้

คุณให้ทั้งหมดกับผมแล้วคุณก็เอากลับคืนไป พร้อมความรักที่ผมมีต่อคุณ

กระนั้นก็ดี หากคุณมีปัญหาขัดข้องหมองใจอะไร ผมยินดีรับฟัง พร้อมให้คำแนะนำปรึกษา เรายังเป็นเพื่อนกันเหมือนที่เริ่มต้น เหมือนเพื่อนผู้ชายอีกคนหนึ่ง ผมคิดอย่างนั้น

ทั้งหมดนี้ ขอให้ถือว่าเป็นเพียงความในใจของผู้ชายคนหนึ่ง เรื่องใดที่ทำให้คุณต้องคิดมากก็ขอโทษ แต่ขอให้รับรู้ไว้อย่างหนึ่งว่า เป็นความต้องการของผมที่จะระบายความในใจให้คุณได้รับรู้ เพราะเหตุผลที่แท้จริงของการบวชครั้งนี้ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าคุณกับผม

เมื่อผมได้บอกคุณมากับจดหมายฉบับนี้ ทำให้รู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง หวังว่าคุณคงเข้าใจอย่างที่เราเคยเข้าใจกัน

อ้อ… ถ้าไม่เป็นการรบกวนเวลาเกินไปนัก ผมอยากให้คุณมาร่วมงานบวชด้วย แล้วอย่าลืมเชิญครูใหญ่กับครูคนอื่นมาด้วยล่ะ

รักคุณ

ปาน

อากาศเริ่มเย็นลง พระปานยังคงนั่งคิดนอนคิดถึงเหตุการณ์ทั้งหลายที่ผ่านเข้ามาในชีวิต คิดถึงเหตุการณ์วันนี้ จากเช้าถึงเที่ยง ยังจำได้ดีตั้งแต่ออกจากบ้าน

คิดอยากสูบบุหรี่ขึ้นมา แต่นึกได้ว่าทิ้งไปตั้งแต่เมื่อแม่เริ่มขลิบผมปอยแรก ทั้งอธิษฐานว่าจะหยุดสูบบุหรี่นับแต่วินาทีนั้นเป็นต้นไป คิดได้อย่างนี้ ความอยากบุหรี่จึงบรรเทาลงไปได้

หลังจากพิธีบวชเสร็จเรียบร้อย เมื่อมาถึงกุฏิ น้าเมือง ผู้ที่พระปานได้อยู่อาศัยมาตั้งแต่เด็ก เลี้ยงดูมาราวกับบิดา เข้ามาถวายอัฐบริขารที่ยังเหลือ และบอกกับพระปานก่อนลากลับว่า

“วัดนี้เป็นสำนักปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน หากมีโอกาสคุณลองศึกษาและปฏิบัติดู ถ้ายังไม่อยากสึกก็บวชไปเรื่อยๆ ก่อน ขาดเหลืออะไรบอกเด็กไป จะจัดหามาให้”

นาฬิกาจากกุฏิข้างเคียงบอกเวลา 4 ทุ่ม รู้สึกง่วง คงเป็นเพราะเหนื่อยมาทั้งวัน แม้ได้พักหลับไปงีบหนึ่งเมื่อเย็น ยังไม่วายง่วง

จัดการปูเสื่อ เอามุ้งมากางผูกเชือกโยงให้พอดีกับตาปูช้างผนังที่มีอยู่เดิม แล้วลงไปอาบน้ำ

เสร็จจากอาบน้ำขึ้นมาบนกุฏิ ด้วยเครื่องแต่งกายที่ยังไม่ค่อยชิน นุ่งสบง ผูกรัดประคด สวมอังสะ ส่วนผ้าจีวรพาดผึ่งไว้กับราว พร้อมผ้าสังฆาฏิ

ก่อนเข้านอน หรือที่เรียกว่า “จำวัด” พระปานจุดธูปเทียนไหว้พระ สวดมนต์ คิดนั่งสมาธิซึ่งเคยฝึกมาบ้างจากการอ่านหนังสือตั้งแต่เด็ก และทำสมาธิติดต่อกันเรื่อยมา มีบางช่วงที่งานชุก และเที่ยวหนัก อาจห่างหายไปบ้าง แต่ไม่เคยลืมวิธีการกำหนดลมหายใจเข้าออก

เมื่อเข้ามุ้ง จึงเริ่มนั่งขัดสมาธิ ขาขวาทับขาซ้าย ฝ่ามือขวาทับฝ่ามือซ้าย กำหนดลมหายใจเข้าลึก แล้วผ่อนออกยาว กำหนดว่าธูปหมดดอก หรือประมาณครึ่งชั่วโมงจึงถอนออกจากการกำหนดลมหายใจ

คืนแรกของชีวิตใต้ร่มกาสาวพัสตร์ พระปานเริ่มปฏิบัติสมาธิเพื่อนำไปสู่วิปัสสนากรรมฐานในห้วงของการบวชทุกย่างก้าวของสมณเพศ ลมหายใจเริ่มสม่ำเสมอ จากจิตที่วอกแวกค่อยๆ สงบลงกระทั่งหลับ