ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 9 - 15 กันยายน 2559 |
---|---|
คอลัมน์ | คนของโลก |
เผยแพร่ |
เดวิด บราวน์ ผู้บัญชาการตำรวจเมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา ที่กลายเป็นจุดสนใจจากการตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่มีสไนเปอร์หรือมือปืนซุ่มยิงสังหารเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต ในเมืองดัลลัสเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เป็นการแก้แค้นต่อเหตุการณ์ตำรวจยิงคนผิวสี 2 กรณีก่อนหน้านั้น ประกาศว่าจะเกษียณอายุราชการเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
บราวน์จะก้าวลงจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันที่ 22 ตุลาคม เป็นการยุติช่วงเวลา 33 ปีที่ได้เห็นเขาปรากฏขึ้นมาเป็นสัญลักษณ์ของชาติ ในช่วงที่ดัลลัสโซซัดโซเซจากเหตุโศกนาฏกรรมร้ายแรงครั้งนั้น
บราวน์ถูกผลักดันเข้าสู่สายตาของสาธารณชนหลังจากที่สไนเปอร์รายหนึ่งซุ่มยิงสังหารเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิตไป 5 นาย ได้รับบาดเจ็บอีก 7 นาย เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคมที่ผ่านมา ระหว่างการชุมนุมประท้วงอย่างสันติเพื่อแสดงความไม่พอใจต่อเหตุการณ์ตำรวจยิงคนผิวสี 2 กรณีก่อนหน้านั้น ในรอบสัปดาห์เดียวกัน
ซึ่งบราวน์ได้รับคำชมในเรื่องการรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง
ในการกล่าวแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนหลังเหตุการณ์ดังกล่าว บราวน์ ที่เป็นคนผิวสี ตอบคำถามของผู้สื่อข่าวที่ถามว่า ประชาชนจะสามารถให้ความช่วยเหลือดัลลัสได้อย่างไรบ้าง
“รับใช้ชุมชนของคุณ” บราวน์ตอบ และว่า “พวกเรากำลังรับสมัครบุคลากรเพิ่ม ออกมาจากการประท้วงนั้นและมายื่นใบสมัคร”
หลังจากการเรียกร้องครั้งนั้น มีรายงานว่าสำนักงานตำรวจดัลลัสได้รับใบสมัครขอเข้ารับราชการเป็นตำรวจเพิ่มมากขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อนถึง 344 เปอร์เซ็นต์
ไม่นานนักหลังจากที่บราวน์ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจดัลลัสเมื่อปี 2010 เดวิด บราวน์ จูเนียร์ ลูกชายวัย 27 ปี ของเขายิงเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งและชายอีกคนเสียชีวิตในขณะที่เมายา ก่อนที่จะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงเสียชีวิต
ในการประกาศ “การตัดสินใจที่ยากลำบาก” ที่จะวางมือ บราวน์กล่าวว่า เขามาเป็นตำรวจเพื่อแก้ปัญหาการระบาดอย่างแพร่หลายของ “แครก โคเคน” หรือ โคเคนบริสุทธิ์ ในยุคทศวรรษที่ 1980
“ผมต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหา” เขากล่าวไว้ในแถลงการณ์ที่เป็นอีกครั้งหนึ่งซึ่งเขาชื่นชมเจ้าหน้าที่ตำรวจ 5 นายที่เสียชีวิตในเหตุการณ์เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
“ความทรงจำของพวกเขาจะอยู่กับเราตลอดไป ผมรู้ว่าผู้คนในดัลลัสจะไม่มีวันลืมการเสียสละอย่างสูงสุดที่พวกเขาแสดงออกมาบนถนนในเมืองของเราในค่ำคืนอันแสนน่ากลัวนั้น”
เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 5 นาย ถูกซุ่มยิงสังหารโดย นายมิกาห์ ซาเวียร์ จอห์นสัน ทหารผ่านศึกผิวสีที่ยอมรับว่าต้องการฆ่าตำรวจเพื่อเป็นการแก้แค้นต่อเหตุการณ์ที่ตำรวจใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุต่อชาวแอฟริกันอเมริกัน โดยจอห์นสัน เสียชีวิตหลังยิงต่อสู้ปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
สหรัฐอเมริกาตกอยู่ในสถานการณ์ตื่นตระหนกนานหลายสัปดาห์ตลอดเดือนกรกฎาคมหลังเหตุการณ์ดังกล่าวในเมืองดัลลัส และเหตุการณ์คล้ายๆ กันในเมืองแบตันรูจ รัฐลุยเซียนา ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 นายถูกยิงเสียชีวิตโดยอดีตทหารผ่านศึกของกองทัพรายหนึ่ง
การโจมตีทั้ง 2 ครั้งเกิดขึ้นท่ามกลางคลื่นแห่งความโกรธแค้นในเรื่องการใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุ โดยเฉพาะการยิงสังหารชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันในรัฐมินนิโซตาและรัฐลุยเซียนา ซึ่งเหยื่อหลายรายที่เสียชีวิตนั้น นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนระบุว่า เป็นรูปแบบของการปฏิบัติโดยใช้ความรุนแรงของตำรวจที่มีต่อคนดำ
เรื่องราวส่วนตัวของบราวน์เองเป็นบทสรุปถึงความตึงเครียดอันน่าเจ็บปวดที่รายล้อมวงการตำรวจ การรักษาความสงบเรียบร้อย เชื้อชาติและความรุนแรงที่เกิดจากปืนในอเมริกา