33 ปี ชีวิตสีกากี (54) | ฝึกเดินป่า ขนาดร่างกายฝึกมาอย่างดียังลำบาก

พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์

อากาศที่เชียงใหม่ กลางคืนจะหนาวจนต้องสวมเสื้อ Jacket field ซึ่งช่วยกันหนาวได้ดี แต่กลางวันอากาศร้อนมาก

ครูฝึกได้นำนักเรียนนายร้อยตำรวจชั้นปีที่ 3 ออกจากค่ายดารารัศมี เข้าไปในป่าห่างจากค่ายกว่า 10 กิโลเมตร เพื่อเรียนการรบในป่า เป็นเรื่องของการซุ่มโจมตี

ครูฝึกที่มาฝึกสอนล้วนมีประสบการณ์ผ่านการรบ บางคนเคยถูกปิดล้อมอยู่ที่อุ้มผาง จังหวัดตาก สถานการณ์เวลานั้น มีการปะทะกันบ่อยมาก และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนบาดเจ็บและเสียชีวิตหลายครั้ง และมีการฝึกนอกค่าย ทั้งเรื่องการพราง, การลาดตระเวน, การยิง และฝึกการข้ามลำห้วยด้วยทุ่น ฝึกการปะทะหน้า, ข้าง, หลัง การโจมตีที่หมาย

ในวันนั้นก่อนไปฝึกนอกสถานที่ พ.ต.อ.พัฒนเดช บุนนาค ผู้กำกับการตำรวจตระเวนชายแดนเขต 5 สอนในห้องเรียน และยังมีการฝึกปิดล้อมหมู่บ้าน ฝึกการโจมตีแบบโฉบฉวย ทั้งเรียนเพิ่มเติมเรื่องวัตถุระเบิด, การกู้, การวางทุ่นระเบิดและกับระเบิด มีการสาธิตการช่วยเหลือคนเจ็บทาง ฮ.

ตอนกลางคืน ร.ต.ต.พงษ์ศักดิ์ นาควิจิตร, ร.ต.ต.ฉัตรชัย ทัพภะสุต ซึ่งจบรุ่น 32 กับ ร.ต.ต.นิรัตน์ ปิ่นแจ้ง รุ่น 31 และเป็นตำรวจ ตชด. ได้มาเล่าประสบการณ์การปะทะกับ ผกค.ให้รุ่นน้องฟัง

ผู้บังคับกองร้อย ยังไม่อนุญาตให้ปล่อยนักเรียนนายร้อยตำรวจเข้าไปในตัวเมือง ดังนั้น จึงมีบางคนเสี่ยงหลบหนีออกจากกองร้อยไปเที่ยวที่ตลาดอำเภอแม่ริมในตอนกลางคืน

ผมได้กินข้าวซอย อาหารของชาวเหนือ ได้พบเห็นชาวเหนือ อัธยาศัยดี หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ผิวพรรณดี กิริยาดูนุ่มนวล

 

ในขณะที่ผู้บังคับกองร้อย ไม่ยอมปล่อยให้เข้าตัวเมืองเชียงใหม่ ดังนั้น วันอาทิตย์จึงมีโอกาสเดินเที่ยวในค่าย และมีหน่วยบินตำรวจตั้งอยู่ ทุกวันจะมีเฮลิคอปเตอร์บินขึ้นลงทั้งวัน

วันนี้มีเวลาว่าง เลยได้รับอนุญาตจากพี่นักบิน ให้นั่งเฮลิคอปเตอร์ บินขึ้นไปดูวิวเมืองเชียงใหม่

นั่ง ฮ.ครั้งนี้ นิ่มมาก นั่งสบายกว่าเครื่องบินคาริบู ที่ใช้ฝึกกระโดดร่มที่หัวหินเมื่อปีก่อน ต่างกันมาก และเป็นการนั่ง ฮ.เป็นครั้งแรกในชีวิต ถ้าจะเปรียบกับการนั่งรถยนต์ ฮ.ที่นั่งเหมือนนั่งรถยนต์ญี่ปุ่น ส่วนคาริบู เวลาอยู่บนเครื่องสั่นสะเทือนเหมือนนั่งรถสิบล้อ ฮ.ที่นั่งเขาเรียกว่า Long Ranger มีนักบิน 2 คน คนโดยสาร 3 ที่นั่ง

พี่นักบิน 2 คนใจดี เป็นอดีตนักเรียนนายร้อยตำรวจอบรมพิเศษรุ่น 9 และ 8 มาก่อน วันนี้พี่นักบินได้บินพาไปเที่ยวดูมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่รู้จักในชื่อ มช. มองทางอากาศในมุมสูงสวยมาก ถนนเป็นเส้นทางสูงๆ ต่ำๆ สวยงาม มองเห็นภูเขาที่ชาวเหนือเรียกว่า ดอย สูงบ้างต่ำบ้างสลับซับซ้อนอยู่ทั่วพื้นที่ที่มองลงมา แล้วผ่านแม่โจ้

พี่นักบินทั้ง 2 คนเป็นนักบินฝึกบินเพิ่งจบมาใหม่ๆ จึงยังไม่กล้าบินสูงมากนัก ดังนั้น จึงได้แต่มองไปยังดอยสุเทพ ที่พี่นักบินชี้ชวนให้ดู มองห่างไกลลิบๆ มีเมฆปกคลุมเต็มไปหมด และพี่นักบินบอกว่า วันนี้สภาพอากาศปิด จึงไม่สามารถนำ ฮ.บินขึ้นไปได้

เมื่อบินมาถึงสนามบินเชียงใหม่ พี่นักบินได้นำ ฮ.จอดแวะเพื่อเติมน้ำมัน จึงได้มีโอกาสเดินเที่ยวที่ท่าอากาศยาน และได้กินข้าวกับพี่นักบิน

วันนั้นผมได้มากับเพื่อนอีก 2 คน และเป็นเวลาที่เครื่องบินเดินอากาศไทย บินมาจากกรุงเทพฯ เป็นเครื่องบินโบอิ้ง 737 ทั้งลำมีแต่ฝรั่งเต็มไปหมด เดินเที่ยวได้สักพัก ก็เติมน้ำมันเสร็จ น้ำมันที่ใช้เติม ฮ.เป็นน้ำมันก๊าด เติมเต็มถัง 320 ลิตร เวลานั้นน้ำมันราคาลิตรละ 10 บาท ถ้าเติมเต็มถังจะบินได้นานประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆ คิดแล้วบินแต่ละครั้งเปลืองเงินน่าดู

เมื่อบินออกจากสนามบิน ก็บินตรงกลับเข้าค่ายดารารัศมี เวลานั้นยังไม่อยากจะลงจาก ฮ.เลย เพราะเพลินได้ชมทิวทัศน์ที่งดงามของเชียงใหม่

ภายหลังมีเพื่อนๆ มาคอยเข้าคิวขึ้น ฮ.เต็มไปหมด แต่เมื่อผู้บังคับหมวดที่ทำหน้าที่ปกครองมาพบเข้า ก็มีคำสั่งห้ามขึ้น ฮ. เพราะไม่มีใครรับผิดชอบ ถ้าหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา สรุปแล้วก็ไม่มีใครได้ขึ้นนั่ง ฮ.อีกเลย

 

สําหรับโปรแกรมการฝึก มีการไปฝึกนอกค่ายสลับกับการเรียนในห้องเรียน พล.ต.ต.วิชัย วิชัยธนพัฒน์ ผู้บังคับการ และ พ.ต.อ.เจิดจำรัส จิตต์การุณราษฎร์ รองผู้บังคับการมาสอนภาคเช้าและภาคบ่าย

ในห้องเรียนยังมี พ.ต.อ. (พิเศษ) พรศักดิ์ สุขเกษม รองผู้บังคับการมาสอนด้วย และในเวลาต่อมาได้เปลี่ยนนามสกุลเป็น ดุรงควิบูลย์ และเป็นผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

สัปดาห์สุดท้ายจะต้องขึ้นดอย ซึ่งจะต้องไปฝึกในป่าที่ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ บนเขาสูงพร้อมกับเป้เครื่องสนามและปืนยาวที่หนักมาก

จังหวะเวลานั้น ตำรวจตระเวนชายแดนที่ปะทะกับ ผกค.ได้รับบาดเจ็บ 1 คนและเสียชีวิต 1 คน ถูกนำตัวส่งมาทาง ฮ. สถานการณ์จึงยังไม่สงบเลย และมีข่าวอยู่เนืองๆ ว่า รุ่นของผมเมื่อจบออกไปอาจจะต้องไปเป็น ตชด.ทั้งรุ่น

และมีชั่วโมงที่นายทหารอากาศมาสอนกรรมวิธีในการขอสนับสนุนทางอากาศยุทธวิธี โดย น.ท.ณพฤกษ์ มัณทรจิตร จากกองบิน 41 พร้อมทั้งสาธิตการยิงของเครื่องบินทั้ง 2 แบบ คือ การยิงแบบจิกหัว โดย OV.10 และการยิงแบบบินวน ต่อมาได้เข้าชมกองบิน 41 อีกด้วย

ในคืนวันลอยกระทง พระจันทร์เต็มดวง นักเรียนนายร้อยตำรวจชั้นปีที่ 3 ก็ได้มีโอกาสเดินทางเข้าไปในเมืองเชียงใหม่ ไปสัมผัสบรรยากาศที่จะต้องเก็บไว้ให้ต้องระลึกถึง เมื่อได้เห็นชาวเมืองเหนือออกมาร่วมเทศกาลที่สำคัญอย่างเนื่องแน่น มีขบวนประกวดกระทงและมีนางนพมาศนั่งในกระทง สวยงามมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งขบวนของวิทยาลัยพายัพ งดงามสะดุดตา

งานลอยกระทงในคืนนั้น ประธานคือ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช และ พล.อ.เสริม ณ นคร ทุกคนมีความสนุกสนานกันมาก และผมกับเพื่อนๆ มี นรต.สราวุธ เอี่ยมสำราญ, นรต.ชาติพงษ์ วามะสิงห์, นรต.วีระเดช รัตนโชติทีปกร, นรต.วิศรุต ไวคกุล ไปต่อที่ไนท์บาซาร์

 

กว่าจะกลับมาค่ายก็ดึกมากแล้ว

วันที่ 25 พฤศจิกายน 2523 พวกผมชั้นปีที่ 3 ได้เข้าป่าที่ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ครูฝึกได้กำหนดเส้นทางการเดินที่ต้องเดินบนยอดดอยสูงชัน พบชาวบ้านปลูกข้าวเชิงดอย หมู่บ้านชาวเขา ซึ่งเดินไกลมาก และเดินตลอดเวลา บางครั้งต้องถามเส้นทางจากชาวบ้าน จนมีคำพูดติดตลกว่า ยังอีกไกลมั้ย ไม่ไกลหรอกแค่กิโลเดียว กิโลเดียวนี่เดินกันลิ้นห้อยเลย

จึงเป็นที่มาของคำว่า กิโลแม้ว หรือไกลมั้ย ไม่ไกลเลย แค่ไก่ขัน ได้ยินคำพูดเหล่านี้ มันทำให้มีกำลังใจในการเดินป่า แต่พร้อมด้วยสัมภาระเป้เครื่องสนามและอาวุธปืนยาว ปลยบ.88 มันทำให้การเดินมันหนักไปเรื่อยๆ

เป้าหมายที่จะเดินไปคือ บ้านปางห้วยตาด อ.แม่แตง เดินตามทางเกวียนทางรถ ทางก็ขึ้นเขาที่คดเคี้ยวเลี้ยวไปตามสัน เดินจนเหนื่อยก็ไม่ถึงสักที

ผมกับ นรต.สุรชัย เทียนชัย เป็นชุดลาดตระเวนหน้าของหมวด เส้นทางมีแต่ภูเขาไม่มีที่ราบเลย จนผ่านหมู่บ้านชาวเขาเผ่ามูเซอร์ ถามเด็กหนุ่มในหมู่บ้านว่า เส้นทางไปปางเวียงด้ง ไปทางไหน เขาบอกว่าต้องเลี้ยวซ้ายตลอด

เดินมาจนถึงบริษัท ชาระมิงค์ จำกัด ที่ตั้งอยู่ในหุบเขา และชาวบ้านทำไร่ชาตามลาดเขา พื้นที่สวยงามมาก จึงได้ถ่ายรูปกับ นรต.สุรชัย เทียนชัย ไว้เป็นที่ระลึก

และเดินต่อไปจนถึงศูนย์พัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขา จังหวัดเชียงใหม่ ของกรมประชาสงเคราะห์ ซึ่งตั้งอยู่บนยอดดอย มีบ้านพัก มองลงมาเบื้องล่างสวยงามเกินคำบรรยาย

และผมกับเพื่อนได้รอเพื่อนจนเดินทางมาถึง ร.ต.ท.สมมาตร ได้สั่งให้พักค้างแรมที่นี่ เพราะปางเวียงด้ง ยังอยู่อีกไกลมาก จากนั้นจึงมีประกอบอาหารกัน

ผมกับบัดดี้ของผม นรต.สุรชาติ รอดพิทักษ์ ต้องเข้ายามร่วมกันตอนตี 4 เวลานั้นมองลงมาจากยอดดอย เห็นกลุ่มเมฆหมอกปกคลุมหุบเขาเบื้องล่างขาวโพลนเหมือนทะเลน้ำนม คล้ายฉากในเทพนิยาย เห็นไฟกะพริบวิบวับ วิบวับที่ด้านล่างแต่ไกลมาก

อากาศบนยอดดอยยามกลางคืนหนาวเย็นมาก เย็นยะเยือกจับจิตจับใจเลย และเมื่อเริ่มสว่าง พระอาทิตย์กำลังขึ้น หมอกยิ่งหนาทึบ มากขึ้นทุกที มองดูราวกับปุยนุ่น และมองไม่เห็นพื้นข้างล่างแล้ว ที่แห่งนี้มีปลูกต้นไฮเดรนเยียสีฟ้าสดใส ออกดอกเต็มทั่วพื้นที่ งดงามจริงๆ

เมื่อกินข้าวเช้าเสร็จ ก็ออกเดินทางต่อ ยิ่งเดิน เหงื่อก็ออกเปียกเสื้อผ้าชุดฝึก เดินจนหมดแรง นั่งพักแต่เพราะความหนาวเหงื่อที่ออกมากลับเย็นเฉียบพลัน รู้สึกหนาวจนทนไม่ไหว ไม่สามารถที่จะนั่งพักต่อไปได้ และเริ่มเดินลงผ่านทางหน้าผาที่สูงชัน ขณะลงต้องย่อตัวแล้วนั่งบนส้นเท้าเพื่อไถลตัวลงมา ต้องระมัดระวังมาก

เดินทางมาจนถึงศูนย์สงเคราะห์ชาวเขาบ้านตะมาน แวะเติมน้ำและกินข้าวกลางวัน ที่แห่งนี้เป็นที่ทำงานสงเคราะห์ชาวเขาแนะนำชาวบ้านทำการเกษตร

เมื่อกินข้าวเสร็จจึงเดินทางต่อ จนถึงวัดบ้านขาม และเดินมาตามลาดเขาจนถึงแม่น้ำแม่แตง แล้วข้ามลำน้ำที่มีไม้ไผ่ขัดแตะพาด ถึงบ้านกื้ด เป็นหมู่บ้านใหญ่ มีป้ายบอกว่า …บ้านกื้ดเป็นของหมู่เฮา หมู่เฮาจงช่วยกันพัฒนา…จึงเดินตลุยต่อไป

เมื่อผ่านช่องเขา ถูกซุ่มโจมตี 2 ครั้งเดินกันมาไกลด้วยเส้นทางที่ยาวเหยียด ทุกคนอ่อนเปลี้ยไปตามๆ กันเพราะเส้นทางวกวนไปมา เดี๋ยวขึ้นดอย เดี๋ยวลงดอย และเริ่มมืดค่ำลงไปทุกที และทุกคนในหมวดตกลงใจพักบนที่ราบในที่โล่งแจ้ง เริ่มกางเต็นท์ แล้วอาบน้ำที่เย็นเฉียบ หุงหาอาหาร และมีพวกที่ตามมาสมทบอีกจำนวนหนึ่ง

ได้ยินเสียงการถูกโจมตีของหมวดอื่นในยามดึกดื่น

 

รุ่งเช้ากินอาหารเสร็จแพ็กของออกเดินทางต่อและฝึกการเข้าโจมตีแต่ละหมวด ทุกคนต้องรู้ว่ามีหน้าที่อย่างไร เมื่อถูกตีจากฝ่ายตรงข้าม เพราะบางหมวดเดินไปเหยียบกับระเบิด ที่ครูฝึกได้วางดักเอาไว้โดยวิธีการพราง พวกที่เหลือ ต้องทำหน้าที่ของตนอย่างฉับพลัน

ความรู้สึกในขณะนั้นมีความเหน็ดเหนื่อยมาก ขนาดร่างกายได้ผ่านการฝึกมาอย่างหนักแล้วก็ตาม และเมื่อใกล้ค่ำ ก็กางเต็นท์นอนกัน จนเคลิ้มหลับไป ประมาณ 5 ทุ่มครึ่ง ร.ต.อ.ถาวร ภูมิสิงหราช กับ ร.ต.ท.สะอาด กัณหะ สั่งให้ย้ายฐานในเวลากลางคืน ต้องรีบเก็บของกันจ้าละหวั่น โชคดีที่มีแสงจันทร์ในยามเดือนหงายทำให้พอมองเห็น

เดินออกจากฐานที่บ้านช้างใน แล้วผ่านไปตามถนนแม่มาลัย-บ้านกื้ด-บ้านแม่ตะมาน เดินไปตามยอดดอย อากาศในยามค่ำคืนหนาวเหน็บจริงๆ เดินจนเหงื่อเปียกชุ่มไปทั้งตัว แวะพักหลายครั้ง พอแวะพักเหงื่อที่เปียกๆ ยิ่งเย็นจัดเพิ่มความหนาวมากยิ่งขึ้นไปอีก จนนั่งพักไม่ไหว เดินต่อให้หายหนาว และเมื่อไหร่จะถึงที่หมายสักที โค้งแล้วโค้งเล่า ดอยแล้วดอยเล่า

จนกระทั่งประมาณตี 4 ผ่านบ้านหลังหนึ่งมีคนโดนยิงตาย 2 คนเป็นผัวเมียกัน เมียท้องได้ 4 เดือนแล้ว ผัวเป็นคนกรุงเทพฯ เพิ่งจะย้ายมาอยู่ได้แค่ 2 เดือน ก็มีคนตามมายิง พวกผมผ่านบ้านเกิดเหตุไป จนเวลาตี 05.20 น. ก็เดินทางมาถึงปากทางเข้า ตำบลบ้านช้าง-บ้านกื้ดช้าง เรียกว่า บ้านห้วยไร่

และเป็นจุดที่แวะพักเพื่อรับทั้งหมวดกลับ