รู้จักนักสืบตัวตึง ‘สารวัตรแจ๊ะ’ กับเอกลักษณ์ ‘หมวกไหมพรม’ ที่มักปรากฎตัวในหลายคดีดัง

พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ "สารวัตรแจ๊ะ" กับ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ "ผู้การจ๋อ"

ถ้าใครติดตามข่าวอาชญากรรมเมืองกรุงจะเห็นหนึ่งในตำรวจจับกุมคนร้าย บุคลิกโดดเด่นสะดุดตา ใส่หมวกไหมพรม สวมแว่นตาและแมสก์ กางเกงยีนส์ทรงกระบอก ขาดๆ ทับด้วยแจ๊กเก็ต บก.สืบนครบาล ตัวย่อภาษาอังกฤษ IDMB เรียกว่าสไตล์ฮิปฮอปเซอร์ๆ แต่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความทะมัดทะแมง อ่านหมายจับอย่างฉะฉาน

คะเนด้วยสายตาแล้วน่าจะเป็นวัยรุ่นอยู่

ทำให้อยากรู้ว่าเป็นใคร?…

นายตำรวจผู้นั้นคือ พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น. นรต.รุ่น 69 หรือ “สารวัตรแจ๊ะ”

เป็นตำรวจดาวรุ่งนักสืบอนาคตไกล ผ่านประสบการณ์ร่วมทำคดีสำคัญๆ มามากมาย

แคแร็กเตอร์เห็นชัด คลุมหมวกไหมพรมบนศีรษะ เป็นหมวกที่ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. หรือผู้การจ๋อ เป็นทั้งผู้บังคับบัญชา และเป็นทั้งอาจารย์ ให้มาเมื่อ 6 ปีที่แล้ว จากนั้นได้สวมตลอดเวลาทำงาน และเพื่อปิดบังอำพรางตัวเวลาลงพื้นที่สืบคดีไม่อยากให้ใครจำหน้าได้ ไม่อยากให้ใครรู้ว่าเป็นใคร เพราะนอกเวลาปฏิบัติงานกลับไปอยู่บ้านใช้ชีวิตปกติเหมือนคนทั่วไป

อ่านมาถึงตรงนี้พอจะจับทางได้ว่า “สารวัตรแจ๊ะ” เป็นศิษย์เอกของ “ผู้การจ๋อ” ได้รับการถ่ายทอดดีเอ็นเอนักสืบ

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์

พล.ต.ต.ธีรเดช ฉายา “โคนัน นครบาล” จากสื่อมวลชนปี 2566 เล่าว่าการเพาะเมล็ดพันธุ์นักสืบที่ดีและมีคุณภาพในการปฏิบัติหน้าที่ด้านงานสืบสวนจากดีเอ็นเอที่แท้จะมีวิธีคัดเลือกข้าราชการตำรวจระดับชั้นยศที่เหมาะสม ตั้งแต่ ร.ต.ท. ถึง ร.ต.อ. อายุในช่วงไม่เกิน 40 ปี ต้องผ่านงานสอบสวนจากพื้นที่ปฏิบัติมาก่อน

ซึ่งเป็นโมเดลเลือดนักสืบก่อนคัดตัวจากโครงการ 30 นักสืบที่ดีที่สุดของกรมตำรวจในสมัยปี 2539 ที่ พล.ต.ท.โสภณ วาราชนนท์ เป็นอดีต ผบช.น. โดยมี พ.ต.ท.ปรีชา ธิมามนตรี พ.ต.ท.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ยศขณะนั้นเป็นหัวหน้าครูฝึก และมีเมล็ดพันธุ์ที่ปลูก เช่น ร.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ร.ต.อ.ทินกร รังมาตย์ ร.ต.ท.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ร.ต.ท.วิชัย สนสกุล ร.ต.ท.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข เป็นต้น

ปัจจุบัน บก.สส.บช.น. หรือสืบสวนนครบาลที่เรียกกันติดปาก จะพิจารณาคัดเลือกข้าราชการตำรวจที่ไม่ได้ถูกเกณฑ์มาแล้วผ่านการฝึกฝนจากหลักสูตรสืบสวนคดีอาญา ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)

โดยหลักสูตรดังกล่าวอบรมมาโดยตลอดจนถึงปัจจุบันรุ่น 113 อบรมตลอดระยะเวลา 4 เดือน

ฝึกทั้งภาคปฏิบัติ ลงภาคสนามกับนักสืบนครบาลจำนวน 14 วัน ครูฝึกและครูพี่เลี้ยงจะดูทัศนคติของแต่ละคน ความตั้งใจ มีใจรักด้านงานสืบสวนอย่างแท้จริงหรือไม่ ตั้งแต่ก้าวแรก

เช่น ความมุ่งมั่นและมีจิตสาธารณะที่พร้อมช่วยเหลือประชาชนผู้เดือดร้อน

สัญชาตญาณของหมาล่าเนื้อ ตามคำสอนอาจารย์ปั๊ด พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข อดีต ผบ.ตร. ครูใหญ่นักสืบ คือมีวินัยสูงมากกว่าตำรวจในเครื่องแบบ มีความอดทน ตลอดจนมีปฏิภาณไหวพริบ ความรู้รอบตัวที่ดี การสังเกตจดจำ

และที่สำคัญคือมีคุณธรรมและศีลธรรม

พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น. นรต.รุ่น 69 หรือ “สารวัตรแจ๊ะ”

พล.ต.ต.ธีรเดช ได้ยกตัวอย่าง พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ ว่าได้พบกับสารวัตรแจ๊ะเมื่อสมัยปี 2560 ตอนนั้นสารวัตรแจ๊ะ ยศ ร.ต.ท. ตำแหน่งรอง สว.สอบสวน สน.โชคชัย มีความสมัครใจขอมาเรียนรู้วิชาสืบสวนจนย้ายมาฝึกต่อที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.)

ตอนสมัย “โคนัน นครบาล” เป็นรอง ผบก.ปส.3 จนเห็นแววการเป็นนักสืบ จึงให้ตามติดไปช่วยไขคดีน้องชมพู่ เด็กหญิงวัย 3 ปีเสียชีวิตที่บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร

ทำให้มีโอกาสสัมผัสแนวทางการทำงานอาจารย์ปั๊ด, อาจารย์นพ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. หรือเชอร์ล็อกนพ และเหล่าบรรดานักสืบชั้นแนวหน้าของ ตร.

ต่อมาตามไปช่วยงานศูนย์ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ PCT ชุดปฏิบัติการที่ 5 ไล่ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั้งในประเทศและประเทศเพื่อนบ้าน

จนโยกย้ายที่ผ่านมา พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. มีคำสั่งให้มาช่วยงาน “ผู้การจ๋อ” เต็มตัวที่สืบนครบาล

ถือเป็นความโชคดีของสารวัตรแจ๊ะ เพราะการเป็นนักสืบต้องมีครูดี ถ้าเจอครูไม่ดี ไม่ใช่ว่าจะไปต่อไม่ได้ แต่จะเสียเวลา

“สารวัตรแจ๊ะ” กับเอกลักษณ์หมวกไหมพรม มักปิดหน้าด้วยแมสก์ หรือผ้าคลุม

สําหรับ “สารวัตรแจ๊ะ” แล้ว ความรู้สึกที่มีต่อ “ผู้การจ๋อ” คือความมั่นคงทางด้านจิตใจ เป็นผู้ถ่ายทอดจิตวิญญาณของ “หมาล่าเนื้อ” ซึ่งถือว่าสำคัญที่สุดของความเป็นนักสืบ เพราะหมาต้องเฝ้าเหยื่อ อย่างอดทนและกัดไม่ปล่อย

“ล้มเหลวได้แต่ไม่เลิก ตามจนกว่าคนร้ายจะหนีไปในนรก” นักสืบหนุ่มกล่าว

สารวัตรมาดเซอร์บอกว่า ตั้งแต่ทำคดีมาไม่เคยมีกรณีไหนที่ลำบากใจ เพราะ “ผู้การจ๋อ” สั่งให้จับลูกเดียวไม่มียกเว้น และไม่เคยกลัวอันตรายที่จะเกิดขึ้น เพราะถ้าตำรวจกลัวโจรแล้วประชาชนจะอยู่กันอย่างไร เพราะฉะนั้น จะรู้สึกกลัวไม่ได้ สิ่งที่ได้รับตอบแทนเวลาจับคนร้ายได้คือความสำเร็จในการทำคดีและคืนความชอบธรรมให้กับผู้เสียหาย

“ตอนเรียนประถม มัธยม ผมติดเกม ผลการเรียนไม่ค่อยดี ไม่ได้เป็นที่ยอมรับ มีความฝันเมื่อตอนเด็กว่าอยากเป็นตำรวจ พอมาเรียนเตรียมทหารก็เคยคิดจะลาออกจะไปแข่งเกม เพราะเรียนเหนื่อย ลำบาก แต่เนื่องจากฝันไว้อยากจะเป็นตำรวจก็เลยต้องอยู่ต่อบรรจุเป็นร้อยเวรสอบสวน สน.โชคชัย ที่แรก พอได้ทำงานแล้วรู้สึกชอบ ผมเป็นคนธรรมดา ไม่ได้เหนือใคร เพียงแต่โชคดีที่มีคนรอบข้างดี มีอาจารย์ดี มีพี่ๆ น้องๆ ดี ครอบครัวซัพพอร์ต การจะทำงานนักสืบต้องทำเป็นทีม ทำคนเดียวไม่ได้” พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ กล่าว

ทุกวันนี้ “สารวัตรแจ๊ะ” นักสืบรุ่นใหม่ มีดีเอ็นเอหมาล่าเนื้อโดยสมบูรณ์ และทำหน้าที่ได้อย่างดี