หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (๒๐๙)

ฟ้า พูลวรลักษณ์

บทความพิเศษ | ฟ้า พูลวรลักษณ์

 

หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (๒๐๙)

 

ในประวัติศาสตร์ของจีน มีกษัตริย์ทั้งหมด ๕๕๙ องค์ หนึ่งในสามในนั้น คือ ๑๘๓ องค์ ถูกฆ่าตาย ประวัติศาสตร์จีน ที่จริงแล้วคือชีวประวัติของพวกเขาห้าร้อยกว่าคนนี้

พวกเขาหากเทียบไป ช่างน้อยนิดเดียว เป็นเพียงกระผีกริ้นของมนุษย์นับร้อยล้านพันล้าน

สำหรับคนจีน ฮ่องเต้เหล่านั้นจะตายจะอยู่ จะเสพสุข หรือทนทุกข์ทรมาน ก็มีความหมายน้อยนิดเดียว

แต่ประวัติศาสตร์จะดำรงอยู่ได้ ต้องมีเหตุผล ในความผิดของมัน ก็มีความถูก ประวัติศาสตร์ดำรงอยู่ได้ในราชสำนัก มีเพียงราชสำนักเท่านั้นที่มีทรัพยากรมากพอ จะเขียนและเก็บรักษาสิ่งนี้ได้

บุญเท่าไรแล้ว ที่ประวัติศาสตร์จีนอย่างน้อย ก็มีความเที่ยงตรงสูงเอาการ ไม่ได้ถูกขู่เข็ญ ทำร้าย บิดพลิ้ว บิดเบือนจนหาความจริงใดไม่ได้

มันเนื่องมาจากวัฒนธรรมอันยาวนาน และอุดมคติของสำนักขงจื๊อที่เฝ้ารักษาสิ่งนี้ไว้

 

ประวัติศาสตร์สามารถถูกบิดเบือน ในส่วนเล็กๆ มันโดนขโมย โดน Delete หรือโดนปลอมแปลง

คุณอาจมองไม่เห็นหรือไม่ได้สังเกต แต่ฉันมองเห็นโดยรอบ และตกตะลึง

ทำไมมนุษย์ช่างบิดเบือนความจริงได้ถึงระดับนี้ เช่น บรูซ ลี

ตอนเขาตาย ฉันจำได้แม่นยำจากการอ่านข่าวพาดหัวบนหน้าหนังสือพิมพ์ ว่าเขาตายบนอกสาว หรืออย่างน้อยมีเรื่องชู้สาวมาเกี่ยวข้องด้วย เขาไม่ใช่พระอริยเจ้า

แต่เวลาผ่านไปไม่ถึงห้าสิบปี ฉันค้นหาข้อมูลเหล่านั้นไม่เจอแล้ว เวลาไปอ่านข่าวการตายของเขา พบแต่ว่าเขาตายอย่างเรียบร้อย เย็นวันนั้นเขาบ่นปวดหัว เขากินยาแล้วล้มตัวลงงีบหลับ ต่อมาเพื่อนของเขามาตามตัวเขาไปงานเลี้ยง พบว่าไม่สามารถปลุกเขาได้ เขานอนหลับตลอดกาล

นี้คือการโดนขโมยข้อมูลนิดๆ แบบไม่รู้สึกตน คือเขาตายแบบดี เหมือนโดน whitewashed

ChatGPT ยืนยันว่า เขาตายแบบนี้ ให้เรายอมรับ สิ่งที่ถูกยอมรับอย่างเป็นมาตรฐาน

เท่ากับว่า การสร้างภาพ ได้แข็งแกร่งขึ้นอีกชั้นหนึ่ง

เพราะความเห็นต่าง จะโดนกำราบ บอกว่าเป็นข่าวลือ เชื่อไม่ได้

หนังสือพิมพ์พวกนั้น เป็นเจ้ากรมข่าวลือ รายงานจากการแพทย์ คือของจริง

หากเชื่อตามนี้ บรูซ ลี คือชายคนดี ที่รักลูกรักเมีย ไม่เสเพลไปไหนเลย

แต่ความเป็นจริงไม่ใช่ เขาเป็นมนุษย์ธรรมดา ไม่ได้เลวร้าย แต่ในอาชีพของเขา เขาสามารถหาเศษหาเลยได้ง่าย เขามีเสน่ห์ ผู้หญิงมากมายหลงใหลในตัวเขา

เขาไม่ได้เจ้าชู้ผิดมนุษย์ แค่ว่า เขาเป็นปุถุชนคนหนึ่ง

ทำไมต้องสร้างภาพ ให้เขาเป็น Superman

แล้วความเป็นปุถุชน หายไปไหน

 

ฮ่องเต้ห้าร้อยกว่าชีวิตนี้ ไม่สำคัญ แต่อำนาจของพวกเขาสำคัญ มันคือหัวใจของความเปลี่ยนแปลง ที่สืบเนื่องมาเรื่อยจนถึงปัจจุบัน ที่เราอ่านชีวประวัติของพวกเขา แต่เสียงจริงคืออำนาจ ที่ซ่อนอยู่ด้านหลัง และอำนาจ มีชีวิตที่เรียบง่าย ซ้ำซาก แต่ดุดัน เกรี้ยวกราด

บิ๊กตู่ยืนยิ้มเผล่ แต่ที่จริงเราไม่ได้สนใจบิ๊กตู่ เราสนใจอำนาจของเขา

เราสามารถแทนที่บิ๊กตู่ ด้วยเศรษฐา ทวีสิน อนุทิน ชาญวีรกูล พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หรือใครก็ได้

การเมือง คือเรื่องราวการช่วงชิงอำนาจ

เหมือนเราดูกลุ่มคนแย่งชิงกินดวงอาทิตย์ แต่ละคนเอาช้อนตักพลังงานจากดวงอาทิตย์ ใครจะได้มากกว่า

ในหมู่นักปราชญ์นิติรัฐ คนที่โดดเด่นที่สุดคือ ฮั้งฮุยจื้อ (280 BC-233 BC) เขาเป็นคนที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง และความคิดของเขาก็ลึกซึ้ง เหนือล้ำกว่าคนในยุค

แต่เขาถูกด่าว่า และดูถูก แต่กระนั้นก็ไม่อาจถูกลืมเลือนไปได้ ด้วยเพราะไม่เคยมีรัฐใดปกครองโดยลัทธิขงจื๊อโดยปราศจากนิติรัฐได้

 

ฮั้งฮุยจื้อผู้นี้ เป็นคนติดอ่าง ทำให้เขาไม่สามารถถกเถียงกับผู้อื่น หากแต่เขาเขียนหนังสือเก่งมาก และจิ๋นซีฮ่องเต้สมัยยังเป็นเจ้ารัฐ เคยอ่านหนังสือของเขาแล้วหลงใหลเป็นอันมาก

กาลต่อมาได้เจอตัว ได้สนทนาด้วย ก็โดนขุนนางคนสนิท ที่อิจฉาเขา ให้ร้ายต่างๆ จนเขาต้องติดคุก และโดนทำร้าย ด้วยการถูกบีบบังคับให้กินยาพิษ จนเสียชีวิต เรียกได้ว่าจุดจบของเขารันทด

เขาบอกว่าคนโบราณ ผู้ชายไม่ทำนา เพราะผลหมากรากไม้พอกิน ผู้หญิงไม่ถักทอ เพราะหนังสัตว์พอใส่ ไม่ต้องทำงานมากก็พอกิน ประชากรน้อย จึงมีเหลือ ผู้คนจึงไม่แก่งแย่ง จะให้รางวัลมากก็ไม่มีผล จะลงโทษมากก็ไม่มีประโยชน์ ประชากรจึงปกครองกันเอง

แต่มนุษย์ทุกวันนี้ หนึ่งคนมีลูกห้าคน ก็ไม่ถือว่าเยอะ ลูกแต่ละคนออกหลานอีกห้าคน พ่อยังไม่ตายจึงมีหลานยี่สิบห้าคน ประชากรจึงเยอะและของใช้น้อย ทำงานหนักแต่ก็ยังไม่พอกิน ผู้คนจึงแก่งแย่งกัน ต่อให้เพิ่มการให้รางวัลและเพิ่มบทลงโทษ สังคมก็ยังวุ่นวายอยู่ดี

๑๐

มนุษย์ทุกวันนี้ของเขาหมายถึง ช่วงเวลาก่อนคริสต์ศักราช สองพันกว่าปีก่อนแล้ว แสดงว่าเขามองเห็นปัญหาที่ลึกซึ้ง เรียบง่าย ตรงประเด็น และเป็นจริงยิ่งขึ้นไปอีก

เมื่อมาถึงวันนี้ นี้แหละคือปัญหาที่แท้จริงของมนุษย์

 

๑๑

นักคิดสำนักขงจื๊อ กล่าวสรรเสริญกษัตริย์โบราณไว้อย่างเลอเลิศ ว่ามีคุณธรรมอย่างไร เป็นปราชญ์เมธีไฉน แต่ฮั้งฮุยจื้อกล่าวถึงพวกเขาว่าเป็นเพียงคนที่ตอบโจทย์ของยุคสมัย ซึ่งมักเป็นวิธีการที่แปลกใหม่ในยุคนั้น

เช่นเขาบอกว่าในยุคโบราณนานมากแล้ว ผู้คนเบาบางและสิงสาราสัตว์มีเยอะ ผู้คนไม่อาจเอาชนะสัตว์เหล่านี้

มีปราชญ์เอาไม้มาทำรัง ป้องกันได้ ผู้คนจึงยกให้เขาเป็นกษัตริย์ เรียกว่า อู่เช้าสี

ต่อมาผู้คนกินผลไม้ดิบและเนื้อสัตว์ดิบ เหม็นคาวและทำร้ายกระเพาะ ผู้คนไม่น้อยต้องล้มป่วย จึงมีปราชญ์คิดค้นไฟขึ้นมาทำอาหาร ประชาชนพอใจมาก ให้เขาเป็นกษัตริย์ เรียกเขาว่า ซุ้ยนั่งสี

แผ่นดินจีนยุคโบราณตอนกลาง มีน้ำท่วมเสมอ จึงมีปราชญ์มาแก้ปัญหาเรื่องน้ำท่วม ก็ได้เป็นกษัตริย์ ได้แก่ เงี้ยว ซุ่ง อู้

เขาเล่าเรื่องราวในอดีตยาวนาน แต่ก็เป็นไปอย่างมีเหตุผล ไม่มากไปไม่น้อยไป ทีละภาคทีละส่วน ทำให้เรามองเห็นภาพของมนุษย์ที่แท้จริง แม้ในวันนี้

 

๑๒

เขาเป็นคนทันสมัย แต่สองพันกว่าปีมาแล้ว มีจุดอ่อนอันหนึ่ง คือมันเป็นยุคของสมบูรณาญาสิทธิราชย์

การจะแก้ปัญหาความขัดแย้งของสังคม ของชนชั้น มันทำไม่ได้ นิติรัฐของเขาจึงทำไม่ได้จริง ได้แค่บางส่วน ส่วนที่เหลือมักจะถูกนำมาเป็นเครื่องมือของทรราช

เขาก้าวหน้า แต่ไม่อาจข้ามระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์

มาสมมุติเล่นๆ ว่า เขานำเสนอระบอบประชาธิปไตย หรือระบอบคอมมิวนิสต์ เป็นไปได้ไหม

คำตอบคือเป็นไปไม่ได้ ที่ดีที่สุดคือระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ที่มีฮ่องเต้ที่หัวก้าวหน้า ต่อเนื่องกันสักสองร้อยปี หมายถึงมีฮ่องเต้หัวก้าวหน้า สัก ๔ องค์ แต่ละองค์ปกครองอย่างยาวนานสัก ๕๐ ปี หากเป็นจริง เมืองจีนนี้จะก้าวหน้าอย่างไร้เทียมทาน และนิติรัฐนี้จะเป็นจริง

แต่นี้เป็นการคิดเล่นๆ ความเป็นจริงจะหาฮ่องเต้ที่เก่งกล้า อายุยืน ต่อเนื่องกันถึงสามสี่องค์ หาได้ที่ไหน มีแค่หนึ่งองค์ก็โชคดีมากแล้ว

๑๓

ทั้งนี้ เพราะเขาได้แยกแยะว่า

นักกฎหมาย

ข้าราชการที่มีอำนาจ คนสนิท คนประจบสอพลอ

คนสองกลุ่มนี้จะขัดแย้งกันอย่างรุนแรง และในยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ นักกฎหมายจะแพ้ราบ ด้วยกำลังจะแตกต่างกันมาก ต่างกันร้อยเท่า ต่างกันพันเท่า

๑๔

ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ไม่มีใครจะล้มล้างคนกลางเหล่านี้ได้ เพียงแต่ลัทธิขงจื๊อ ด้วยคุณธรรม ความซื่อสัตย์ จงรักภักดี มารยาทอันดีงาม สิ่งปลอมๆ เหล่านั้น กลับพอจะรับมือคนกลางได้ในระดับหนึ่ง

ดังนั้น ประเทศจีนจึงปกครองด้วยลัทธิขงจื๊อบวกนิติรัฐ พอไปได้ในระดับหนึ่ง แต่นิติรัฐจริงๆ ไม่เคยมีอยู่

 

๑๕

มองใกล้ เขาแลเห็น คนฟุ่มเฟือยแต่เกียจคร้านจะยากจน คนประหยัดแต่ขยันจะร่ำรวย

มองไกล เขาแลเห็นชนชั้น สิ่งนี้ละเอียดอ่อน และมองได้ยาก เหมือนคุณต้องเป็นดาวเทียม วิ่งอยู่บนฟ้า จึงมองเห็น

แต่สองสิ่งนี้จะปรากฏในงานเขียนของเขา เขาพูดถึงชนชั้น แต่ไม่ได้เรียกตรงๆ เพราะยังไม่มีศัพท์คำนี้

ศัพท์ที่ยังไม่มี เป็นความลึกซึ้งที่สุดของยุคสมัย

เขาประณามคนที่ยกย่องโบราณ ว่าหลอกลวง คนโบราณไม่ได้ดีงามดั่งนั้น ใครที่เชื่อเช่นนั้น หากไม่โง่เขลา ก็คือคนหลอกลวง

คนที่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองไม่มีประสบการณ์ คือคนโง่

ทำไม่ได้ แต่ยังยืนยันจะทำ คือหลอกลวง