ความเชื่อ

พิชัย แก้ววิชิต

ผมนั่งดูภาพนี้อยู่หลายครั้งกับและพยายามนึกคิดนานพอสมควร หากถ้าจะต้องเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับภาพนี้ เรื่องราวของภาพควรจะเป็นอย่างไร

โปรดเชื่อเถอะครับว่า ถึงในตอนนี้ ในขณะที่ยังกดแป้นพิมพ์ ผมก็ยังหาเรื่องราวใดๆ ผูกไว้ให้กับภาพนี้ไม่ได้อยู่ดี แม้ในความคิดจะเสนอให้เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับสรวงสวรรค์ อย่างเช่น สงครามเทวดา หรืออาจเป็นนางฟ้าตกสวรรค์ สิ่งศักด์สิทธิ์ หรืออิทธิปาฏิหาริย์ต่างๆ นานา ก็น่าจะดูดี

แต่ในความรู้สึกของตัวเองกลับบอกว่า ผมไม่น่าจะใช้จินตนาการเล่าเรื่องแนวนี้ได้ดีเลิศขนาดนั้น ทักษะไม่น่าจะคู่ควรกับภาพประกอบของตัวเอง

และนี่ล่ะครับ บรรยากาศการทำงานของผม

 

“บางครั้งตนก็ไม่ใช่ที่พึ่งแห่งตน เพราะตนยังทะเลาะกับตนอยู่นั่นเอง” แล้วจะเล่าเรื่องอะไร ในแบบไหนให้เข้ากับภาพ

หรืออาจกลับมาที่ต้นตอ ที่มาที่ไปของการได้ภาพนี้มา ตอนนั่งกินไอติมมะพร้าวสดที่ใส่ทุกอย่างในราคาถ้วยเล็ก แล้วเล่าต่อไปว่า ขณะที่กำลังฟินในรสชาติ สายตาก็หันไปมองเห็นเข้ากับหลังคาวัด และมองออกไปอีกนิดหน่อย บนยอดตึกแห่งหนึ่งที่อยู่ถัดออกไป ได้มองเห็นรูปปั้นนางฟ้าชูไม้ชูมือ ราวกับกำลังขยับปีกบิน หรืออาจกำลังเรียกหาใครสักคนจากบนฟ้า และอาจตั้งชื่อเรื่องให้กับภาพนี้ว่า “ไอติมกะทิสด”

และแน่นอนว่า ความรู้สึกของตัวเองย่อมยอมไม่ได้กับความคิดแบบนี้ ความรู้สึกอาจกล่าวคำสบประมาทตัวผมเบาๆ “หลังปีใหม่มานี้อาการไม่ค่อยดีนะ”

ผมก้มมองภาพในมือถืออีกครั้ง พร้อมกับถอนหายใจยาวๆ และยาวๆ อีกครั้ง จนความเชื่อมั่นในตัวเองสั้นลง สั้นลงเรื่อยๆ

แต่เดี๋ยวก่อน!! ผมเพิ่งพิมพ์คำว่า “ความเชื่อ”

ใช่ๆ “ความเชื่อ”

อีกหนึ่งความเชื่อที่จะขาดหายไปไม่ได้ คือการ “เชื่อใจตัวเอง” กับ “ความเชื่อที่จะไม่ทำให้ตัวเองต้องทรมาน” “ความเชื่อที่จะไม่ทำร้ายคนรอบข้าง” “ความเชื่อที่จะไม่เป็นพิษต่อสังคมที่เราอยู่” เพียงแค่นี้ “เราก็จะมีความเชื่อมั่นเป็นของตัวเอง” / เทคนิค : F8 1/800s ISO200 / สถานที่ : วัดขุนจันทร์ ย่านตลาดพลู กรุงเทพฯ

“บนยอดสุดของการกระทำคือความเชื่อ”

จะเชื่อในแบบไหน หรืออย่างไร ก็สุดทางของแต่ละคน กับหลายสิ่งที่ได้กำหนดกฎเกณฑ์ให้ชีวิต ก็ย่อมต้องมีความเชื่อเป็นตัวนำความเป็นอยู่ของชีวิต หากนึกย้อนถอยหลังกลับไป นับร้อยปี พันปี หรือจะหมื่นปี ก็คงไม่ช่วงเวลาใดเคยเว้นว่าง จากสิ่งที่เรียกว่า “ความเชื่อ”

รูปแบบสังคม ถูกควบคุมแตกต่างกันออกไป ในยุคที่ผีและสิ่งลี้ลับเป็นตัวกำหนดการกระทำของผู้คน

และด้วยความกลัวจึงทำให้ต้องเชื่อ และน้อยคนนักที่กล้าพอจะล่วงละเมิดกฎ กติกา มารยาททางสังคม “ความเชื่อในแบบผี” ที่ได้วางไว้ให้ผู้คนได้อยู่ร่วมกัน เป็นความเชื่อที่อยู่ได้ด้วยความกลัว ความเกรงในอำนาจจากสิ่งลี้ลับ และอื่นๆ อีกมากมาย

ความ “ความเชื่อจากหลักศาสนา” กับคำสอนที่ชี้ทางให้ประพฤติตน เป็นคนดี ฝึกจิต อบรมใจ ด้วยความเชื่อในวิถีทางแห่งการความสงบ แม้ทางวิทยาศาสตร์

“ความเชื่อในหลักความจริงของธรรมชาติ” ความเชื่อในเหตุและปัจจัยของการเกิดขึ้นของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ผ่านการพิสูจน์ และอธิบายความตามการทดลอง ด้วยหลักการของการทำงานและทฤษฎี

และอีกหนึ่งความเชื่อที่จะขาดหายไปไม่ได้ คือการ “เชื่อใจตัวเอง” กับ “ความเชื่อที่จะไม่ทำให้ตัวเองต้องทรมาน” “ความเชื่อที่จะไม่ทำร้ายคนรอบข้าง” “ความเชื่อที่จะไม่เป็นพิษต่อสังคมที่เราอยู่”

เพียงแค่นี้ เราก็จะมี “ความเชื่อมั่นเป็นของตัวเอง”

ขอบคุณมากมายครับ •

 

เอกภาพ | พิชัย แก้ววิชิต