จัตวา กลิ่นสุนทร : หนีไม่พ้นจะต้องเข้ามาเกี่ยวข้อง กับ (บรรดา) ช่าง การซ่อมแซม ก่อสร้าง? (6)

การก่อสร้างดำเนินไปอย่างสม่ำเสมอชนิดไม่มีวันหยุดทั้งๆ ที่ราคาที่ดิน และราคาค่าก่อสร้างพุ่งสูงขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ สำหรับราคาที่ดินพูดได้เลยว่าขึ้นแล้วขึ้นเลยไม่มีลง ใครที่คิดว่าจะรอเวลาให้ถอยลงมาคงต้องลืมไปได้

จากท้องร่องสวนลุ่มต่ำมีเพียงถนนซอยกว้างไม่ถึงหกเมตรตัดผ่าน ซึ่งได้เปลี่ยนสองข้างทางเข้าออกเป็นตึกแถวที่เรียกกันว่าอาคารพาณิชย์ตลอดซอย เมื่อมีผู้เข้าพักอาศัยเพื่อทำการค้าเพิ่มขึ้น ยานพาหนะโดยเฉพาะรถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ ก็ติดตามมา

ถนนซอยของพื้นที่ฝั่งธนบุรีเดิมจึงแออัด การเดินทางเข้าออกยากลำบากยิ่ง ซึ่งคงหมดหนทางแก้ไขแม้จะมีถนนตัดผ่านเพิ่มขึ้นอีกมาก รวมทั้งการขนส่งมวลชน รถเมล์ รถไฟฟ้าทั้งหลาย ซึ่งกว่าจะเสร็จเต็มโครงการคงอีกนานปี

สภาพของ “กรุงเทพฯ” ตามถนนซอยจึงคับแคบแออัดทั่วไปทั้งหมด อาคารชุดที่พักอาศัยใหญ่ๆ สูงๆ ส่วนมากจะอยู่ริมถนนใหญ่ และตามแนวรถไฟฟ้า

อย่างที่บอกว่าบริษัทผู้ประกอบการด้านอสังหาริมทรัพย์ส่วนมากจะเป็นประเภทหูทิพย์ตาทิพย์สามารถล่วงรู้ล่วงหน้าว่าเส้นทางไหนจะมีการก่อสร้างรถไฟฟ้า ก่อสร้างถนนใหญ่ๆ จึงได้ล่วงหน้าไปกว้านซื้อที่ดินไว้ก่อน

 

ปัญหาการล่วงรู้ข้อมูลทางราชการมีมานาน จนถึงทุกวันนี้ก็ยังคงมีให้เห็นเสมอๆ

ไม่ต้องอะไรมาก แค่เพียงมีการเวนคืนที่ดินในซอยเล็กๆ กว่าเจ้าของที่ดินซึ่งมีบ้านพักอาอาศัยอยู่บนที่ดินผืนนั้นจะรู้ว่า กรุงเทพมหานครออกกฤษฎีกาเวนคืน กลับได้รับจดหมายจากทนายความซึ่งแนะนำตัวเองว่าเป็นผู้มีประสบการณ์เชี่ยวชาญเรื่องดำเนินการช่วยเหลือเพื่อต่อรองผลประโยชน์จากรัฐก่อนแล้ว

เมื่อสืบสาวราวเรื่องจนได้ข้อมูลชัดเจนว่าจะมีการเวนคืนที่ดินผ่านบ้านพักของตัวเองอย่างเงียบเชียบ ก็ได้พยายามเจาะลึกต่อไปอีกว่ามันเหมาะสม อะไร หรือไม่ อย่างไร?

กทม. จะเอาไปทำอะไรกันแน่ ซึ่งพิจารณาโครงสร้างทางกายภาพ และประโยชน์ที่จะเกิดจากความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่เส้นทางแล้วมีแต่ความสงสัยเป็นอย่างยิ่งว่าทำไมมันถึงต้องมาเอาตรงนี้?

ทำการหาข้อมูลเพิ่มขึ้นจึงพอจะทราบได้ไม่ยากนักว่าที่ดินที่จะถูกเวนคืนนี้บังเอิญไปปิดทางเข้าออกที่ดินผืนใหญ่ลึกเข้าไป ซึ่งอันที่จริงแต่เดิมมันเป็นผืนเดียวกัน เจ้าของผู้ได้รับมรดกมาก็เกี่ยวดองเป็นเครือญาติ เป็นผู้ขายเปลี่ยนมือไปสู่นักลงทุนตามตรอกซอกซอยซึ่งเที่ยวกว้านซื้อที่ดินราคาถูก หรือบางทีก็ตาบอด โดยเขามั่นใจในศักยภาพของตนเองว่าจะสามารถหา “ถนนออก” ได้เนื่องจากทุนทรัพย์เป็นตัวทำให้เกิดอิทธิพลในการครอบงำเจ้าหน้าที่รัฐที่กระหายหิวได้เสมอ

ย้อนรอยกลับไปยังอดีตพอจะนึกออกว่าถนนส่วนบุคคลซึ่งได้กลายเป็นซอยตันแห่งนี้ได้เคยมีนายหน้าจากเสี่ยเจ้าของที่ดินข้างในมาติดต่อขอซื้อเพื่อจะนำไปยกให้ “กทม. ทำการพัฒนา” เป็นถนนเชื่อมต่อไปยังที่ดินจำนวนมากที่ได้กว้านซื้อไว้ดังกล่าว

บังเอิญเจ้าของที่ดินที่จะต้องถูกใช้เป็นทางผ่านได้เรียนหนังสือมาบ้าง (ถึงแม้บางคนจะกระหายเงินด้วยความโลภและโง่) ยังพอมีสติปัญญาในการคิด เรื่องดังกล่าวมันจึงเป็นไปไม่ได้ ซึ่งก็คิดว่ามันควรจะจบไปแล้วเนื่องจากความเข้าใจและรู้ทัน

แต่กลับกลายเป็นว่าผู้ที่ต้องการผลประโยชน์จำนวนมหาศาลกลับตั้งหน้าตั้งตารอคอยได้เสมอ

 

เวลาผ่านเลยไปเป็นทศวรรษ ที่ดินบริเวณนี้ราคาเปลี่ยนแปลงสูงขึ้นโดยเฉพาะบริเวณที่ติดถนนใหญ่ตามแนวรถไฟฟ้า จึงมีเรื่อง “การเวนคืน” เกิดอย่างไร้เหตุผล

ซึ่งในที่สุดได้มีการคัดค้านต่อสู้ถึงได้รู้ที่มาที่ไปว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร?

เมื่อได้พบพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ กทม. โดยการช่วยเหลือของผู้ใหญ่ระดับ (อดีต) นายกรัฐมนตรี รวมทั้งประธานที่ปรึกษาท่านผู้ว่าฯ กทม. (ซึ่งมาจากการเลือกตั้ง) ขณะนั้น

เจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ของ กทม. คนที่ได้ไปพบพูดคุยว่ากันตามจริงก็พูดจาไม่ค่อยเข้าหูสักเท่าไร การเจรจาตอบคำถามจากความสงสัยไม่ค่อยมีเหตุผลจนสามารถยอมรับได้ ในที่สุดก็หลุดคำพูดออกมาว่า “มีถนนมันก็ดีทั้งนั้นแหละ” จึงโดนสวนกลับว่า “ใช่ เพราะถนนมันไม่ได้ผ่านบ้านคุณ–”

ในที่สุดการเวนคืนที่ดินบริเวณดังกล่าวก็ถูกพับเก็บไปจนกระทั่งกฤษฎีกาหมดอายุ ส่วนผู้ที่รับผิดชอบโดยตรงเวลานั้นเกษียณอายุราชการออกมาเข้าร่วมทีมผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. เมื่อประสบความสำเร็จได้รับการเลือกตั้ง เขาจึงได้เป็นรองผู้ว่าฯ กทม. ด้วยคนหนึ่ง

แต่ต่อมาก็ต้องกระเด็นกระดอนเพราะข้อหาไม่ชอบมาพากล

 

เรื่องนี้ผ่านไปนานปีแล้ว แต่ความสงสัยยังไม่เคยหมดไปเพราะผู้ที่ต่อสู้กับการเวนคืนที่ดินครั้งนั้นยังมีชีวิตอยู่ ในบ้านบนที่ดินผืนเดิม อยากรู้ว่า “ผู้มีอิทธิพลทางด้านการเงินสามารถผลักดันเจ้าหน้าที่ของ กทม. ให้ทำเรื่องการเวนคืนตามความต้องการของเขาได้จริงหรือ”?

ขณะเดียวกันทายาทรุ่นต่อมาของนายทุนเจ้าของที่ดินผู้เก็บกวาดกว้านซื้อตามตรอกซอกซอยก็ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างชัดเจนเพื่อสืบทอดเจตนารมณ์ของบุพการีที่หมดอายุลง

การเผยตัวในอีกราว 2 ทศวรรษต่อมาเป็นการเจาะจงเพื่อเจรจาผ่านญาติพี่น้องซึ่งมีความโลภ แต่โง่ และชั่วร้าย ของหุ้นส่วนชีวิตผู้ซึ่งมีส่วนได้เสียในที่ดิน แต่บังเอิญ (มัน) ตัดสินใจคนเดียวไม่ได้

ครั้งนี้ไม่ได้เป็นการขอซื้อแบบผู้ยิ่งใหญ่ เขามาเจรจาขอใช้ถนนเพื่อการเข้าออกโดยเสนอข้อแลกเปลี่ยนเป็นเงินเพื่อจะได้พัฒนาที่ดินจำนวนมากซึ่งยังคงถูกปิดกั้นอยู่ข้างใน แต่มิได้ถึงกับว่าไม่มีทางออกเสียเลย ยังมีทางออกอีกทางหนึ่งสู่ถนนเจริญนคร ซึ่งคิดว่าคงคับแคบขยายไม่ออก

แต่ถ้าหากเข้าออกได้ทั้งสองทาง มูลค่าที่ดินข้างใน ซึ่งจะได้รับการพัฒนาเป็นอะไรก็ตาม เช่น ที่อยู่อาศัย แม้แต่อาคารสูง ฯลฯ ราคาที่ดิน สิ่งก่อสร้างบริเวณถนนกรุงธนบุรีเชื่อมกับถนนตากสิน และฝั่งกรุงเทพฯ ถนนเจริญนคร และแม่น้ำเจ้าพระยาปัจจุบันนี้ราคาจะสูงมากทีเดียว

เพราะฉะนั้น เขาจึงพยายามขอเจรจาโดยเสนอตัวเลขเป็นสิบล้านบาทพร้อมทั้งการซ่อมแซมพัฒนาถนนเส้นที่เป็นส่วนบุคคลความยาวประมาณสัก 300-400 เมตร ซึ่งมันน่าจะเป็นประโยชน์ฝ่ายของเขามากกว่า แต่อาจสร้างความลำบากเดือดร้อนกับบ้านเรือนสองฝั่งหากทำการยกถนนซึ่งต่ำอยู่นี้ขึ้นอีก เวลาฝนตกน้ำจะท่วมทันที

บอกตามตรงว่าในบรรดาผู้มีส่วนได้เสียส่วนใหญ่ไม่เคยได้คิดถึงสิ่งเหล่านี้ อาจสืบเนื่องมาจากความไม่รู้ไม่เข้าใจเพราะไม่เคยมีส่วนร่วมกับการก่อสร้างอาคารระหว่าง พ่อ แม่ยังมีชีวิตอยู่ เพิ่งมาแสดงตัวทำท่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่เป็นเจ้าของที่กระหายผลประโยชน์ทีหลัง จนถึงเวลานี้

การเจรจาตกลงขอใช้ถนนผ่านเข้าออกไม่ได้พูดคุยกันธรรมดา จะต้องมีสัญญาละเอียดรัดกุม จึงได้แจ้งกับหุ้นส่วนชีวิตเพื่อขอให้ระบุเรื่องการพัฒนาถนนเข้าไปด้วยว่าจะต้องพิจารณาร่วมกัน หรือถ้าระบุลงไปได้ว่าทำอย่างไร? ควรจะเป็นเรื่องดีกว่า สุดท้ายถึงจะตกลงกันได้ที่ราคา 10 ล้านบาท

แต่ด้วยชั้นเชิงเล่ห์เหลี่ยมของฝ่ายมาขออนุญาตใช้ถนนทำให้ต้องล้มเลิกสัญญาในวินาทีสุดท้าย ทั้งที่ได้นัดไปกันพร้อมหน้ายังที่ที่ทำการดินแล้ว

 

ถึงไม่ได้รับส่วนแบ่ง 1 ใน 4 แต่ก็มีแต่ความดีใจเหมือนยกภูเขาออกจากอกที่เหตุการณ์ได้พาไปถึงการล้มเลิกสัญญาซึ่งเกิดจากความเขี้ยวของฝ่ายที่มาขอใช้ถนน ซึ่งถ้าหากมีการเซ็นสัญญา ป่านนี้น่าจะมีแต่ความเดือดร้อนเพราะ “การก่อสร้าง” และ “การพัฒนาถนน”

การเข้าออกของรถบรรทุก รถขนส่งวัสดุก่อสร้างจำนวนมากเพื่อทำการก่อสร้างพัฒนาที่ดินข้างในจำนวนมาก เพื่อราคาที่ดินของพวกเขาจะพุ่งพรวดขึ้นในอัตราสูง ความไม่พอใจเป็นฝ่ายเครือญาติของหุ้นส่วนชีวิตซึ่งทำท่าเหมือนกับได้ทำเงินส่วนแบ่ง 2 ล้านบาทหล่นหายไป ทุกวันนี้ทั้งพ่อกับลูกจึงตั้งตัวเป็นอันธพาลกับญาติพี่น้องโดยเฉพาะที่อ่อนแอกว่า

ความทุกข์เริ่มเข้ามาเยือนเมื่อที่ดินผืนเดียวกันทั้งด้านหน้า ด้านหลังถูกขายเปลี่ยนมือไป ซึ่งแน่เหลือเกินว่าบริเวณริมถนนกรุงธนบุรี ด้านที่ลึกเข้ามาจากสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส (BTS) คงไม่มีใครซื้อที่ดินราคาหลายสิบล้านบาทเพื่อจะก่อสร้างบ้านพักอาศัย นอกจากเพื่อก่อสร้างอาคารพาณิชย์ ซึ่งน่าจะเป็นอพาร์ตเมนต์ ส่วนริมถนนใหญ่นั้นได้แปรสภาพเป็นอาคารสูงแน่นขนัดไปก่อนหน้านานมากแล้ว

การก่อสร้างจึงมีอย่างต่อเนื่องซึ่งยังต้องนำเรื่องต่างๆ ในซอยคับแคบของพื้นที่ “สวนผลไม้เก่าฝั่งธนบุรี” ซึ่งถูกแทนที่โดยคนจากหัวเมืองมากกว่าคนพื้นถิ่น

รวมทั้งเรื่อง “ช่าง การก่อสร้าง” มาเล่าสู่กันฟังต่อไปอีก