นิกสัน เยือนจีน เส้นแบ่ง สุจิตต์ วงษ์เทศ โง่ เง่า เต่า ตุ่น

บทความพิเศษ

 

นิกสัน เยือนจีน

เส้นแบ่ง สุจิตต์ วงษ์เทศ

โง่ เง่า เต่า ตุ่น

 

สุจิตต์ วงษ์เทศ เริ่มบทแรกของหนังสือ เมด อิน U.S.A. ภาค “โง่ เง่า เต่า ตุ่น” ด้วยข่าวสารดำรงอยู่เหมือนกับเป็น “โจทย์”

อิทะกะ-นิวยอร์ก 15 กรกฎาคม 2514

ตอนกลางคืน ประธานาธิบดี (ริชาร์ด เอ็ม.) นิกสัน แห่งสหรัฐอเมริกา ออกแถลงการณ์ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ทั่วประเทศว่า

จะเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนตามคำเชิญ

และตามที่ นายเฮนรี่ คิสซิงเจอร์ ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติ ได้เดินทางไปปักกิ่งเพื่อติดต่อกับผู้นำจีนแผ่นดินใหญ่รับหมายเชิญมาให้

ประธานาธิบดีนิกสัน กล่าวว่า

จะเดินทางไปปักกิ่งในราวไม่เกินเดือนพฤษภาคมปีหน้า (2515)

การออกพูดจาปราศรัยของประธานาธิบดีนิกสันครั้งนี้กระทำอย่างรวดเร็ว และใช้เวลาเพียงชั่วอึดใจเดียว

ก็ปราศรัยเสร็จเรียบร้อย

ปฏิกิริยา คนไทย

อิทะกะ คอร์แนล

แถลงการณ์เยือน “สาธารณรัฐประชาชนจีน” ของประธานาธิบดีริชาร์ด เอ็ม. นิกสัน แห่งสหรัฐอเมริกาไม่เพียงแต่ก่อให้เกิด “ปฏิกิริยา” จากนักเรียนคนหนึ่ง

ถึงขนาดร้องออกมาว่า “สะใจจริงๆ พับผ่าเถอะ”

ตามมาด้วยคำอธิบายเสริมต่อว่า “ผมอยากดูหน้าไอเพือกนั้นนักว่า มันจะตีหน้าอย่างไร”

“คุณหมายถึงพวกผู้แทนที่เร่งเร้าให้รัฐบาลไทยเจรจากับจีนแดงใช่ไหม”

“อย่าแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นหน่อยเลยน่า” เขาตอบออกมาด้วยท่าทีเคร่งขรึม เอาจริงเอาจัง

“ผู้นำของเราคงวิ่งวุ่นกันละคราวนี้” นั่นคือบทสรุป

แม้จะเป็นบทสรุปจากนักเรียนไทยคนหนึ่งซึ่งกำลังทำปริญญาเอกทางประวัติศาสตร์ แต่ก็แทนความรู้สึกของคนไทยได้เป็นอย่างดี

ในจำนวนนี้รวมถึง สุจิตต์ วงษ์เทศ ด้วย

 

ไล่เรียง นักเรียนไทย

คำถาม สุจิตต์ วงษ์เทศ

เนื่องจากฉากแห่ง “โง่ เง่า เต่า ตุ่น” เริ่มขึ้นจากห้องรับแขกบ้านเลขที่ 306 ถนนสจ๊วต อิทะกะ นิวยอร์ก 14850

เนื่องจากภายในห้องรับแขกนั้นมี “ตัวละคร” อยู่หลายตัวละคร

ไม่ว่าจะเป็น 1 ตะกั่ว นักเรียนไทยที่กำลังทำปริญญาโททางกฎหมายอยู่ที่ฟลอริดา

1 พันธุ์อนันต์ ที่กำลังทำปริญญาเอกทางประวัติศาสตร์

1 ทหารคนหนึ่งซึ่งกำลังทำปริญญาโทอยู่แถวโคโลราโด 1 ละอ่อนซึ่งกำลังทำปริญญาโททางการพัฒนาชนบท 1 นักเรียนไทยเจ้าของบ้านซึ่งกำลังทำปริญญาและถูกสมมุติให้เป็นทหารอีกคนหนึ่ง

และ 1 ย่อมเป็น สุจิตต์ วงษ์เทศ นักหนังสือพิมพ์จากกรุงเทพฯ

เมื่อเป็นนักหนังสือพิมพ์ในสังกัด “สยามรัฐ” และมีรากฐานมาจากคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร

การตั้งคำถามจึงย่อมสะท้อนความรู้สึกของ สุจิตต์ วงษ์เทศ ได้อย่างดี

 

คำถาม ต่อทหาร

สไตล์ คนเรายังโง่

สมมุติว่าคุณอยู่กรุงเทพฯ นะคุณทหาร และคุณได้ข่าวว่านิกสันประกาศจะไปจีนแดงอย่างนี้คุณจะมีความรู้สึกอย่างไร

และในฐานะที่คุณทหาร เอ. เป็นทหารบก

และในฐานะที่คุณทหาร บี. เป็นทหารอากาศ

คุณบอกผมได้ไหมว่าบรรดาคณะทหารจะมีความรู้สึกอย่างไร

กู (สุจิตต์ วงษ์เทศ) ถามขึ้นมาอย่างเป็นงานเป็นการ และถามอย่างจริงๆ จังๆ ไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม และไม่เกรงว่าทหารบีซีแซดที่ไหนจะพิโรธโกรธเคืองทั้งสิ้นทั้งนั้น

ความรู้สึกของกูวุ่นวายสับสนอยู่บ้าง เพราะไม่เคยมีความรู้ประการใดเลยเกี่ยวกับเรื่องของจีนแผ่นดินใหญ่

จากหนังสือพิมพ์ที่กรุงเทพฯ ก็เคยอ่านบ้างเป็นบางครั้งบางคราวย่อยๆ เกี่ยวกับเมาเซตุง ซึ่งก็ไม่ได้รู้อะไรมากไปกว่ารู้ว่าเรา (หมายถึงคนไทยทุกคน) จะต้องต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์โดยเฉพาะอย่างยิ่งจีนแดง

และถ้าหากว่าจะว่ากันโดยสัตย์จริง กูก็ต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์ไปโดยไม่รู้สึกตัว

รู้แต่ว่ามันทำลาย ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ของเรา

หลายครั้งที่มีคนถามว่าพอจะรู้จักทฤษฎีต่างๆ เกี่ยวกับ คาร์ล มาร์กซ์ เลนิน อะไรเหล่านี้บ้างไหม

ก็ตอบทุกครั้งว่า ไม่รู้

และในที่สุดเขาก็สรุปว่า เพราะฉะนั้น ก็ไม่ต้องพูดกันเรื่องลัทธิคอมมิวนิสต์ ซึ่งจริงอย่างที่เขาว่าเพราะกูก็ไม่ได้พูด ไม่ได้คุย ไม่ได้รู้ในเรื่องเหล่านี้เลย ครั้นเมื่อมาอยู่ในอเมริกาอย่างนี้และกำลังอยู่ในเหตุการณ์อย่างนี้ก็ย่อมงงงวยขวยเขิน

ที่จะคิด ที่จะแสดงความเห็นเป็นธรรมดา

 

เมื่อทหาร หงุดหงิด

คำถาม ไม่มีคำตอบ

ใครที่อ่าน เมด อิน U.S.A. มาอย่างต่อเนื่องย่อมรู้ว่า “ตะกั่ว” เป็นใคร ย่อมรู้ว่า “คุณละอ่อน” เป็นใคร ยิ่ง “พันธุ์อนันต์” ยิ่งมีความแจ่มชัด

ไม่ว่า “ทหาร เอ.” ไม่ว่า “ทหาร บี.” ก็แทบมิได้เป็นความเร้นลับ

บทบาทของ “ตะกั่ว” บทบาทของ “พันธุ์อนันต์” บทบาทของ “คุณละอ่อน” เหมือนจะเป็นคนตั้งคำถาม

ขณะที่บทบาทของ “ทหาร” เหมือนกับจะเป็น “คนตอบ”

เป็นคำถามอันแวดล้อมอยู่กับบทบาทของ “สหรัฐอเมริกา” อยู่กับบทบาทของ “จีน” และสัมพันธ์กับสถานะของไทยอย่างใกล้ชิด

ดำเนินไปในลักษณะอันเป็น “ตัวแทน” ในทาง “ความคิด”

“ผมตอบแทนคนอื่นไม่ได้หรอก คุณทองเบิ้ม แต่สำหรับใจผมแล้วไม่พอใจเลยที่นิกสันทำอย่างนี้ ถึงแม้ผมจะรู้ว่าคอมมิวนิสต์มันไม่ได้เป็นยักษ์เป็นมารอย่างที่เคยคิด แต่คอมมิวนิสต์มันก็ไม่เคยหวังดีต่อเมืองไทยเลย”

แม้จะทหาร เอ. จะไม่ยอมรับในความเป็น “ตัวแทน” แต่คำตอบของเขาก็สะท้อนความรู้สึกลึกๆ ของคนไทยได้เป็นอย่างดี

ท่าทีและความรู้สึกของ “ทหาร” จึงสมควรน้อมหูรับฟัง

ขณะเดียวกัน มองจากด้านของ “คุณทองเบิ้ม” มองจากด้านของ สุจิตต์ วงษ์เทศ แต่ละคำพูดของ “คุณละอ่อน” ทรงความหมาย

ต้องอ่าน

 

ละอ่อน สะท้อน

กระแส พลวัต

ยุคสมัยของเรามันเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเหลือเกิน และเป็นการเปลี่ยนแปลงชนิดที่เกือบเรียกได้ว่าหน้ามือเป็นหลังตีน

ขอโทษ ผมอยากจะพูดจริงๆ อย่างนั้น

คุณคิดดูซี่ว่า จู่ๆ คนอย่างเคนเนดี้ก็ถูกยิงตาย จู่ๆ สงครามเวียดนามก็ขยาย จู่ๆ คนก็สามารถขึ้นไปเดินอยู่บนดวงจันทร์ และจู่ๆ อเมริกากับจีนแดงซึ่งเคยเป็นศัตรูกันมายี่สิบกว่าปีก็จะคืนดีกันเพราะไอ้ลูกปิงปองลูกเดียว

ทีนี้ปัญหามันอยู่ตรงที่ว่าเราจะปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันนี้ได้หรือเปล่า

นี่พูดถึงตัวคุณตัวผม

แต่ถ้าหากจะพูดกันกว้างออกไปในนโยบายการเมืองระดับชาติแล้วของเราจะทำอะไรมัดตัวเองลงไปหรือเปล่า และในการมัดนั้นมันมัดมากขนาดไหน หลวมหรือแน่น สามารถที่จะหมุนตัวเอี้ยวตัวเพื่อคลี่คลายอะไรบางอย่างได้หรือไม่

การทรงตัวของเราดีร้ายอย่างไร ในขณะที่โลกกลับตัวเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วอย่างนี้เราจะสามารถเอี้ยวตัวให้เข้ากับกระแสแรงเหวี่ยงของโลกได้หรือไม่

พูดกันให้ชัดลงไปอีกที เรารับนโยบายต่อต้านคอมมิวนิสต์มาจากประเทศมหาอำนาจ จากใครก็ช่างเถอะ และเราก็หยั่งรากลงไปกับนโยบายอันนี้ ชะดีชะร้ายเกิดประเทศมหาอำนาจจะกลับตัวขึ้นมาไม่ต่อต้านกัน จะดีกัน

นี่ซี่เป็นปัญหาว่าเราได้เตรียมพร้อมกับสถานการณ์อันนี้กันหรือเปล่า

 

ใน ความสงสัย

พิศวง งงงวย

ได้ฟังแล้ว สุจิตต์ วงษ์เทศ ขมวดสรุปในพารากราฟต่อมาว่าไม่มีใครสามารถตอบได้ นอกจากจะต้องนั่งอึ้งไปตามความจำเป็น

เช่นนี้เอง เมด อิน U.S.A. จึงมีอีกชื่อว่า “โง่ เง่า เต่า ตุ่น”