สวัสดีเตโช! ‘โกลเด้นบอย’ กัมปูเจีย!

อภิญญา ตะวันออก

สวัสดีปีใหม่ 2567/2024 ยินดีต้อนรับปีแห่งความเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะตามมา “อัญเจียแขฺมร์” ขออวยพรให้ทุกๆ ท่านมีความสุขสมหวังในชีวิต

และทุกๆ ปีที่ผ่านมา เชื่อไหมว่าฉันเองอยากจะทำเนื้อหาแนวข้อดี-ข้อเด่นในช่วงท้ายปีของกัมพูชา ซึ่งกลับพบว่าตลอด 30 ปีที่ผ่านมาของระบอบฮุนเซน สื่อกัมพูชาไม่เคยสรุปรายงานทำนองนี้ แม้แต่เรื่องเด่นๆ ทางวัฒนธรรม ชาวกัมพูชาก็ยังขาดการเรียนรู้ โดยเฉพาะในรูปแบบซอฟต์เพาเวอร์ เช่นที่เกิดขึ้นในบางประเทศ

กระทั่งเกิดกรณีสหรัฐอเมริกาส่งคืนพ่อ “โกลเด้นบอย” โบราณวัตถุคืนให้แก่ประเทศไทย

พลัน ประติมากรรมลอยตัวที่เชื่อว่าน่าจะเป็นรูปปั้นพระเจ้าชัยวรรมันที่ 6 แห่งยุคพิมาย ก็กลายเป็นเรื่อง “นิเยีย” พูดถึงกันมากในกัมพูชา

และทำให้เรารำลึกได้ว่า หลายปีที่ผ่านมา สหรัฐได้ทยอยคืนโบราณวัตถุมากมายหลายรายการแก่กัมพูชาที่เก่าแก่ตั้งแต่ยุคเกาะแกร์ถึงปาปวน ที่ทางการกัมพูชาให้ความสำคัญในการทำพิธีเฉลิมฉลองหรือบวงสรวงสักการะ ซึ่งถือเป็นพิธีกรรมสำคัญของผู้นำ

มากกว่าเผยแพร่ข่าวสารหรือสาระความรู้แก่ประชาชนต่อสมบัติชาติที่ถูกโจรกรรม ต่างจากกรณี “โกลเด้นบอย” ที่สหรัฐกำลังส่งคืนแก่ทางการไทย โดยยังไม่ทันที่โกลเด้นบอยจะมาถึงด้วยซ้ำ แต่ข่าวสารเชิงลึกเชิงตื้นหรือการเผยแพร่ข้อมูลในรูปแบบต่างๆ ก็ถูกตีฆ้องร้องป่าวอย่างไม่จำกัดเฉพาะภาครัฐหรือแวดวงวิชาการ

ดังนี้ โกลเด้นบอย 1 ใน 2 ชิ้นของประติมากรรมสำริดขนาด 105 ซ.ม. จึงกลายเป็น “ของขวัญ” ปีใหม่จากสหรัฐที่คนไทยปลาบปลื้ม แลยุ่งขิงอยู่กับการสร้างเนื้อหาในโลกโซเชียลซึ่งมีทั้งปั่นทั้งสร้างกระแส และสร้างความขุ่นเคืองใจไม่น้อยแก่ชาวเขมร

นี่คือความต่างในมุมมอง 2 สร๊ก ไทย-กัมพูชา ที่ถูกนำมาขยายให้เห็นถึงปัญหาระหว่างประชาชนสองประเทศนี้ ขณะที่อีกด้านหนึ่งของนักวิชาการด้านโบราณคดี คล้ายจะมีความร่วมมือกัน!

แต่กระนั้นก็มีข่าวเล่าลือว่า สมเด็จผู้นำกัมพูชาไม่สบอารมณ์เลยที่แคมโบเดียไม่ได้คืนโกลเด้นบอย?

 

จริงๆ แล้ว ฉันเห็นพ้องกับความบังเอิญที่โกลเด้นบอยถูกพิสูจน์และส่งคืนกลับไทยว่าคล้ายจะเป็นความโชคดีหลังจากที่กัมพูชาได้บุกเบิกต่อสู้มากับการทวงคืนโบราณวัตถุจำนวนมากที่ถูกการโจรกรรมในสมัยสงครามเวียดนาม และการส่งคืนอีกล็อตใหญ่หลายรายการในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาคือ ยุคปาปวน

แต่แล้ว โกลเด้นบอยก็ถูกพิสูจน์ซากอย่างน่าเอ็นดูว่าไม่ใช่สมบัติชาติกัมพูชา ซึ่งนั่นไม่ใช่แบบเขมร โดยไม่ว่าจะเป็นยุคพิมายต้นทางของฝ่ายไทย ซึ่งดูจะไม่กระตือรือร้นอะไรในการทวงคืนที่ผ่านมา

แต่นั่นล่ะ แม้ยุคปาปวนกัมพูชาจะสุดวิจิตรสวยงามในจำนวน 14 ชิ้นทั้งสิ้นนั้น แต่พลันทันทีที่โกลเด้นบอยกะไหล่ทองปรากฏองค์เท่านั้น ปรากฏการณ์การ “เคลม” นอกรอบก็เกิดขึ้นอีกคราในโลกโซเชียล

แล้วสมเด็จฮุน เซน ผู้นำกัมพูชาล่ะ? มีอาการแบบไหน ไยจึงถึงกับมีเสียงเล่าลือว่าเขาเสีย “ทรง” เมื่อต้องชวดโกลเด้นบอยไปรอบนี้

ทำไมผู้นำเขมรจึงตกตื่นเรื่องนี้?

ที่ผ่านมา องคาพยพของสมเด็จฮุน เซน มักประกาศเกียรติให้เจ้านายอย่างกลายๆ ว่าเป็นผู้กลับชาติมาเกิด

ซึ่งในความพิลึกพิลั่นทำนองนี้ มีอยู่โดยทั่วไปในสื่อที่ผลิตขึ้นมาเป็นภาพยนตร์

ทว่า โชคดีที่ไม่ค่อยมีคนสนใจ กระนั้นองคาพยพระบอบฮุนเซนก็ยังเสนอผ่านพิธีกรรมต่างๆ โดยเฉพาะ 2-3 ปีที่ผ่านมา

ราวจะกำหนดให้เป็นความเชื่อใหม่ๆ ของชาวกัมพูชา?

ตัวอย่างในปีใหม่เขมรที่ผ่านมา/2566 มีการเฉลิมฉลองที่เมืองนครวัด/เสียมเรียบในชื่อสงกรานต์องกอร์ มีการนำประติมากรรม “มหาภารตะยุทธ์” ชุดเกาะแกร์มาใส่รถแห่สวนสนามเพื่อยกระดับความสำคัญของสมเด็จฮุน เซน ต่อหน้าแขกเหรื่อทูตานุทูตต่างชาติมาเป็นสักขีพยาน

หนึ่งในนั้นคือเอกอัครราชทูตสหรัฐ ที่ครั้งหนึ่ง โบราณวัตถุเหล่านี้เคยไปปรากฏอยู่ในประเทศ

ซึ่งการนำโบราณวัตถุแต่ละชิ้นที่มีอายุเป็นพันปีและมีความโอฬาริกในพิธีกรรมแบบฮินดู มาแสดงแสนยานุภาพต่อผู้นำคนหนึ่งของประเทศเช่นนี้ ถ้าไม่ใช่ “โกลเด้นบอย” กัมพูชาที่กลับชาติมาเกิดแล้ว ก็ไม่ทราบจะเรียกว่าอย่างไร?

นี่ล่ะ โกลเด้นบอยโบเดีย ที่มีมาตั้งแต่สมัยยุคเจ้าแตงหวาน เรื่องที่ชนสามัญกลายเป็นอติเทพ จนเป็นที่มาของการสิ้นสุดยุคกษัตริย์ที่มีสมัญญานามว่า “วรรมัน” ในสมัยยุคกลาง

อย่างที่เล่า สมเด็จพระกรุณานโรดม สีหนุ เอง ครั้งหนึ่งก็เคยทรงสมัญญานามพระองค์เองว่า พระบาทนโรดม สีหนุวรรมัน ซึ่งหมายถึงความยิ่งใหญ่ห้อยท้ายพระนาม แต่ในที่สุดก็ยกเลิกไป

และนี่สินะ คือความทะเยอทะยานที่อยู่ในผู้นำเขมร ไม่ว่ายุคใด?

นั่นคือ การสร้างตัวตนด้วยอัตลักษณ์ต่างๆ ของสมัยยุคกลางอันหมายถึงความ “ยิ่งใหญ่” และยุคของเตโชเสนหรือสมเด็จฮุน เซน นั่นเอง ที่นับวันจะมีเรื่องแนวนี้ ในความหมายโกลเด้นบอย มากกว่าใคร ในแต่ละยุคประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา

ไม่ว่าจะยุคกลาง หรือร่วมสมัยในศตวรรษที่ 21 ที่คนทั่วไปเลิกงมงายเรื่องพวกนี้ แต่ไม่ใช่เขมร หรือองคาพยพของสมเด็จเตโชฮุน เซน

ดังนี้ ความพยายามที่จะสร้างอัตลักษณ์ในรูปแบบกะไหล่ทองของผู้นำกัมพูชาจึงเกี่ยวข้องกับยุคกลางอย่างไม่เว้นวาย

อาทิ เมื่อมีการส่งคืนโบราณวัตถุยุคปาปวนนั้น กัมพูชาก็ได้เฉลิมฉลองยกย่องกษัตริย์ขอมยุคอิสานวรรมัน เพื่อภาพลักษณ์ต่อผู้นำปัจจุบันในความเป็นอติเทพผู้สูงส่ง และเป็นเหมือนตำนานโกลเด้นบอยของกัมพูชาผู้สร้างเมืองยุคใหม่

ไม่แปลกที่โครงการขุดคลองแม่โขงจากจังหวัดกันดาลไปยังเขตเมืองกำโปดสู่มหาสมุทรแปซิฟิก หรือ “ฟูนันเตโช” กำลังจะเข้าสู่หมวดการเชื่อมไปสมัยกลางของยุคอิสานวรรมันอันเป็นความเชื่อใหม่ของผู้นำเขมรจะถือกำเนิดขึ้นจากแนวความคิดนี้ที่ริเริ่มโดยเตโชเสน/เซน

ย้อนไปเมื่อหลายปีก่อนที่ “อัญเจียแขฺมร์” จะมีตัวตนในมติชนสุดสัปดาห์ ฉันได้รับคำแนะนำจาก บก.ว่า ต้องเสนอเรื่องราวของฮุน เซน และแต่นั้น สารตั้งต้นของเรื่องราวเด็กหนุ่มวัยสิบสี่ก็ถือกำเนิดขึ้นในชื่อว่า “รถเสน” ตำนานนางสิบสอง (เนียงกงไร ฉ.เขมร)

และนั่นคือ ปฐมบทของฮุน นาล ผู้กลายมาเป็นโกลเด้นบอยคนใหม่ “ฮุน เซน” หรือเตโชเสนในปัจจุบัน

จึงไม่แปลกใช่ไหม ที่ผู้นำเขมรที่ยิ่งใหญ่คนนี้จะถูกสถาปนาให้เป็นองค์อติเทพผู้กลับชาติมาเกิดและเกาะเกี่ยวกับยุคกลางจากสมัยฟูนันถึงอิสานวรรมัน?

โอ พระเจ้า นี่คือตำนานองค์ใหม่ สำหรับความพยายามเชื่อมโยงทั้งปวง ไล่จากยุคพระทอง-นางนาคในสมัยฟูนันถึงอิสานวรรมันในสมัยเจนละ และนั่นล่ะ โกลเด้นบอยองค์นั้น ของกัมพูชา?

 

เราไม่รู้เลยว่า มันคือจริตแบบไหน? ที่ตั้งอยู่ในความเป็นผู้นำเขมรที่ผ่านมา สำหรับตำนานแห่งความทะเยอทะยานของการปกครองประเทศในตัวบุคคลอันมีมาอย่างต่อเนื่อง

โดยส่วนใหญ่เรามักจะพบแต่ผู้นำประเทศที่ล้วนแต่ประสบเคราะห์กรรมจากการถูกกระทำไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง จนเป็นที่มาของการต่อสู้ในเรื่องต่างๆ ทว่า สำหรับผู้นำกัมพูชาแล้ว แนวคิดของตนต่อการพัฒนาบ้านเมืองดูจะเริ่มแตกต่างจากประเทศอื่นๆ

อย่างที่กล่าว กัมพูชามีตำนานเชื่อมโยงกับยุคกลางสมัยต่างๆ มากมาย และปูมจากสมเด็จฮุน เซน เองก็เป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่มากที่สุดกว่ายุคใดในสมัยปัจจุบัน

นี่ไม่ใช่เรื่องที่น่ากระอักกระอ่วนใจอะไรสักหน่อย หากใครก็ตามที่เกิดมาภายใต้ระบอบสมเด็จแห่งกัมพูชาและมีชีวิตร่วมสมัยปัจจุบัน เราจะได้เห็นหลายสิ่งหลายอย่างในบ้านนี้เมืองนี้ที่ถูกสถาปนาขึ้นใหม่ ภายใต้ระบอบอันน่าทึ่งซึ่งความสำเร็จใหม่ๆ จากโครงการที่สร้างขึ้นมาเพื่อเชื่อมโยงเหล่านั้น

เช่นเดียวกับสารตั้งต้นอย่างโบราณวัตถุที่ต่างประเทศส่งคืนให้ ก็ถูกนำไปสร้างเป็นเครื่องมือแห่งความสำเร็จแก่ผู้นำเช่นกัน ไม่ว่าจะเล่นแร่แปรธาตุสร้างบารมีว่ากลับชาติมาเกิดบ้าง หรืออัตลักษณ์อื่นๆ

เช่น สมเด็จเตโซเสนแห่งกัมปูเจีย ผู้ที่เคยประกาศตนเป็นเจ้าชายรถเสนมาตั้งแต่ยังวัยสิบสี่

เขาคือ โกลเด้นบอย ตัวจริงของกัมพูชา ไม่ว่าอติเทพองค์นั้นจะกลับมาจุติหรือไม่!

แต่สำหรับสมเด็จฮุน เซน ผู้กุมอำนาจยาวนานแล้ว

อัญคือ…อัญเจีย ‘วรรมัน-โกลเด้นบอย-เตโช!’ แห่งกัมพูชาตัวจริง!