จดหมาย

จดหมาย | ฉบับประจำวันที่ 22-28 ธันวาคม 2566

 

• ภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

หลังจากที่มีรัฐบาลชุดใหม่มาเกือบ 4 เดือน

หัวข้อเด่นๆ ที่หยิบยกมาเป็นประเด็นสำคัญๆ ในทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล

คือนโยบายเร่งเครื่องเศรษฐกิจในประเทศ ผ่านการท่องเที่ยว เพิ่มกำลังส่งออก

ส่วนนโยบายการค้าต่างประเทศคงหนีไม่พ้นเรื่อง การเร่งเจรจาเปิดเขตการค้าเสรี (FTA)

ซึ่งในเรื่อง FTA นี้ ภาคประชาสังคมที่จับตาเรื่องนี้มาตลอด คือ BIOTHAI และ FTA WATCH

ตอนนี้กำลังโฟกัสในประเด็นผลกระทบที่เกี่ยวข้องกับอาหารและเครื่องดื่ม

โดยเฉพาะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ว่า นโยบาย FTA จะส่งผลต่อการผลิตและมาตรการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากน้อยแค่ไหน

โดยเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2566 มีเวทีสาธารณะเกี่ยวเรื่องนี้

ซึ่งมีข้อมูลน่าสนใจ

เช่น ปี 2565 มูลค่าตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของโลกมีมูลค่า 1.49 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ แบ่งเป็นเบียร์ 37% ไวน์ 23% Hard seltzer/Sparkling alcohol 12% และสุรากลั่น 10% มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ในไทย การตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์เติบโตสูง เนื่องจากการเร่งเครื่องเศรษฐกิจผ่านการท่องเที่ยว

ช่องทางการจำหน่ายหลากหลายขึ้น

กลุ่มลูกค้าชายหญิงกำลังขยายตัว และไทยคือตลาดที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน

หากไทยเข้าร่วม FTA-EU ที่กำลังเจรจากันอยู่นี้ คาดว่าจะมีมูลค่าการนำเข้าสูงแบบก้าวกระโดด จะขยายไปสู่ฐานลูกค้านักดื่มทั้งเก่าและใหม่

ดร.ภญ.อรทัย วลีวงศ์ จากสำนักงานนโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ (IHPP) นำเสนอผลการศึกษา ในเวทีสาธารณะว่าสิ่งที่จะพบแน่ๆ คือคนไทยจะได้รับสื่อ โฆษณาแอลกอฮอล์จากบริษัทข้ามชาติมากขึ้น

หากไม่มีกฎหมายระหว่างประเทศมากำกับดูแล นักดื่มหน้าใหม่จะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นแน่นอน

ประสบการณ์เรื่องนี้เกิดขึ้นแล้วในเวียดนาม คือ CPTPP และ FTA กับ EU อิทธิพลของบริษัทเบียร์ระดับโลกเข้ามากดดันรัฐบาลที่ออกกฎหมายควบคุมโฆษณา

ด้าน นพ.นิพนธ์ ชินานนท์เวช กรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กล่าวว่า การควบคุมการโฆษณาและการขายออนไลน์สามารถควบคุมได้ยาก และก่อนเข้าร่วม FTA รัฐต้องศึกษาว่าได้รับผลประโยชน์จาก FTA มากน้อยแค่ไหน เมื่อเทียบกับผลกระทบที่จะตามมาจากเรื่องนั้น และรัฐจะตั้งกลไกควบคุมดูแลเรื่องนี้อย่างไรในระยะยาว รัฐต้องดูสมดุลในประเด็นนี้

ด้านธนากร ท้วมเสงี่ยม ผู้ร่วมก่อตั้งประชาชนเบียร์ กล่าวว่า รัฐต้องออกกฎหมายที่เป็นธรรมกับทุกภาคส่วน เพื่อให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรม เพิ่มความหลากหลายให้ผู้บริโภค และมองว่าการโฆษณาต้องมีการควบคุม แต่ต้องไม่คุกคามสิทธิในการแสดงความเห็นของประชาชน

และเพิ่มเติมประเด็นเรื่องของภาษีมองว่าในประเทศไทยมีภาษีที่สูงเกินไป

ผู้ผลิตรายย่อยไม่สามารถแบกรับได้ ทำให้เข้าโอกาสการแข่งขันในตลาดลดลง

หลายชุมชนในประเทศมีศักยภาพในการผลิตสุราและเบียร์ หากรัฐมีการส่งเสริมการผลิต การตลาด ก็จะทำให้เศรษฐกิจระดับชุมชนดีขึ้น

ขณะที่ ผศ.ดร.อริศรา ร่มเย็น เณรานนท์ จากคณะเศรษศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ นำเสนอผลการศึกษาเรื่องภาษี

ระบุว่า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เป็นสินค้านำเข้าจะมีราคาแพงกว่าสินค้าที่ผลิตในประเทศ

กลไกลภาษีคือแหล่งรายได้ของภาครัฐและศุลกากร ภาษีนำเข้าเป็นเครื่องมือที่รัฐบาลใช้ปกป้องผู้ผลิตในประเทศ รวมถึงใช้ป้องกันสินค้าบางประเภท

หากเข้าร่วมข้อตกลง FTA การแข่งขันจะเต็มศักยภาพมากขึ้น ภาษีการนำเข้าจะต่ำลง ราคาเครื่องดื่มนำเข้าประเภทเบียร์จะลดลง 19% ไวน์ 23% และสุรา 24% และจะเกิดการทดแทนกันทันที

BIOTHAI และ FTA WATCH

 

หยิบเอาเรื่องภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

มาให้อ่านยาวๆ

เพื่อให้เข้ากับกระแส

ที่ “ลวรณ แสงสนิท” ตีฆ้อง

ว่ากรมสรรพสามิตกำลังปรับโครงสร้างภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

ให้มีความเหมาะสม

เพื่อสนับสนุนภาคการท่องเที่ยวของประเทศไทย

คาดว่าจะเสนอให้คณะรัฐมนตรีในเดือนธันวาคมนี้

และมีผลบังคับใช้ในเดือนมกราคม 2567

ซึ่งจะรวมไปถึงสุราชุมชนด้วย

โดยปลัดคลังบอกว่าไทยควรจะต้องมีเครื่องดื่มที่ราคาเหมาะสม

ไม่ใช่ราคาลอยอยู่บนฟ้า ก็ต้องทำให้ราคาสามารถจับต้องได้

แม้จะเป็นคนละเรื่องเดียวกันกับ “เอฟทีเอ”

แต่เรื่องภาษีเหล้า เบียร์ ไวน์ คงเป็นประเด็นให้ต้องจับตาต่อไป

โดยเฉพาะสุราและเบียร์ชุมชน จะได้ประโยชน์แค่ไหน

• ตรึงราคาน้ำมันปีใหม่

ช่วงเทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงนี้

บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ได้เตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการเดินทางท่องเที่ยว และการเดินทางกลับภูมิลำเนาของประชาชน

โดยได้สำรองน้ำมันทั้งที่สถานีบริการ พีทีที สเตชั่น และคลังน้ำมันของ OR ทั่วประเทศให้มีน้ำมันเพียงพอ

และจะไม่ปรับขึ้นราคาน้ำมันเป็นเวลา 10 วัน

ระหว่างวันที่ 24 ธันวาคม 2566-2 มกราคม 2567

ถึงแม้ราคาน้ำมันในตลาดโลกจะปรับตัวสูงขึ้น และหากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลดลง OR ก็จะปรับราคาน้ำมันลงด้วย พร้อมทั้งจัดเตรียมให้ พีทีที สเตชั่น เป็นจุดแวะพักที่จะช่วยเติมเต็มความสุขให้ทั้งผู้คน สังคม และชุมชน ตลอดช่วงเทศกาลปีใหม่นี้

ฝ่ายสื่อสารองค์กร

บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (โออาร์)

 

เพื่อให้ได้ข่าวสารครบถ้วนสมบูรณ์

และเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่จะเดินทางช่วงปีใหม่

ขอแถมด้วยข่าวในทำนองเดียวกันอีกข่าว

เป็นข่าวจากกลุ่มธุรกิจการตลาด บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

ที่แจ้งว่าในช่วงเทศกาลปีใหม่

บางจากขอมอบความสุขเช่นกัน

โดยร่วมลดค่าใช้จ่ายให้ลูกค้าผู้บริโภคด้วยโปรแกรมส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เติมความสุขให้เต็มถัง

ตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม 2566-2 มกราคม 2567 บางจากจะตรึงราคาน้ำมันไม่ปรับขึ้น แม้ว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกจะปรับขึ้น

และหากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับลดลง บางจากจะปรับลดราคาลงด้วย

ทั้งนี้ เพื่อร่วมแบ่งเบาค่าใช้จ่ายให้ผู้ที่เดินทางกลับภูมิลำเนา

และได้ฉลองกับครอบครัว สำหรับเทศกาลแห่งความสุขนี้ •