LEAVE THE WORLD BEHIND | ‘โลกล่มสลาย’

นพมาส แววหงส์

Leave the World Behind เป็นหนังที่สร้างจากนวนิยายชื่อเดียวกันโดย Rumaan Alam ซึ่งเล่าถึงครอบครัวต่างขั้วสองครอบครัวที่ถูกบีบให้มาอยู่ร่วมบ้านกันด้วยความระแวงกันและกัน ท่ามกลางโลกทั้งโลกที่กำลังโดนถล่มให้ล่มสลายลงต่อหน้าต่อตา

อแมนดา (จูเลีย โรเบิร์ตส์) เป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทซึ่งตัดสินใจกะทันหันฉับพลันเพราะเกิดเบื่อขี้หน้าผู้คนในโลกขึ้นมา และพาครอบครัวสี่คน พร้อมสามีและลูกชายลูกสาว ขับรถจากที่พักอาศัยในมหานครหลบหน้าผู้คนไปพักร้อนในบ้านพักตากอากาศหรูหราพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกในถิ่นเศรษฐีที่ลองไอส์แลนด์ผ่านทางแอร์บีเอ็นบี

เคลย์ (อีธาน ฮอว์ก) สามีของเธอ เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยและเป็นคนง่ายๆ สบายๆ พร้อมจะไว้เนื้อเชื่อใจผู้คนมากกว่าผู้เป็นภรรยา

ในวันออกเดินทาง ทุกคนยังเอาโลกส่วนตัวของตัวเองติดไปด้วยจากการติดต่อเชื่อมโยงผ่านมือถือ และอาลัยอาวรณ์กับการต้องละทิ้งการสื่อสารกับโลกไป

วันเวลาว่ายน้ำ นอนเล่นบนหาดทราย เจอกับเรื่องน่าตกใจที่ไม่คาดคิด คือ เรือบรรทุกน้ำมันลำมหึมาแล่นรี่ตรงเข้าเกยฝั่งชายหาดตรงที่พวกเขานอนอยู่

และเทคโนโลยีเกิดล่ม ไม่มีสัญญาณติดต่อทางโทรศัพท์ ไม่มีสัญญาณทีวีที่จะเปิดดูข่าวสารความเป็นไปของโลกภายนอก

อแมนดาหาคำตอบสำหรับเหตุการณ์ประหลาดชวนฉงนที่เกิดขึ้นไม่ได้ เช่นดังที่คนสมัยปัจจุบันจะทำทุกครั้ง คือเปิดดูรายงานข่าวว่ามีอะไรเกิดขึ้นในโลกและด้วยเหตุผลกลใด รวมทั้งติดตามความคืบหน้าของเหตุการณ์

แต่ครอบครัวนี้ก็ตกอยู่ในความมืดและดูเหมือนจะถูกตัดขาดจากโลกภายนอก

ซ้ำร้าย กลางดึกของคืนนั้น ระหว่างที่ลูกสองคนนอนหลับสนิท ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น

เคลย์ฉวยอะไรติดมือไปป้องกันตัว เมื่อเปิดประตูรับคนแปลกหน้ายามวิกาล

ซึ่งปรากฏเป็นชายหญิงผิวดำแต่งกายชุดราตรีสโมสรเต็มยศ ซึ่งแนะนำตัวเองว่าชื่อ จี.เอช. หรือจอร์จ (มาเฮอร์ชาลา อาลี) และลูกสาว รูธ (ไมฮาลา) เป็นเจ้าของบ้านหลังนั้น ซึ่งไม่อยากกลับไปห้องพักบนตึกสูงในนิวยอร์กซิตี้ เพราะไฟดับทั่วไปหมด และลิฟต์คงไม่ทำงาน

จอร์จขอมาพักในบ้านของเขาเองที่ลองไอส์แลนด์นี้ โดยจะคืนเงินค่าเช่าส่วนหนึ่งให้

และในที่สุดก็ยอมรอมชอมกันได้ โดยให้จอร์จกับรูธพักในห้องนอนชั้นใต้ดิน ท่ามกลางความหวาดระแวงไม่ไว้วางใจระหว่างครอบครัวต่างสีผิวทั้งสองครอบครัวนี้

จากสัญญาณกะปริบกะปรอยทางมือถือ อแมนดาได้รู้ว่าเกิดการโจมตีในโลกไซเบอร์ สัญญาณการสื่อสารล่มสลาย รวมทั้งการทำงานของดาวเทียมสื่อสารด้วย และนั่นเป็นเหตุให้เรือบรรทุกน้ำมันแล่นรี่เข้าชนฝั่ง

รวมทั้งต่อมา เกิดเครื่องบินตกในที่ต่างๆ การโจมตีอเมริกาด้วยใบปลิวโฆษณาชวนเชื่อ รถยนต์ที่ขับเคลื่อนเองพุ่งเข้าชนกันขวางการสัญจรบนท้องถนน ฯลฯ

และผลกระทบต่อโลกที่เกิดขึ้นคือความเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อมในโลกที่ปรากฏให้เห็นในพฤติกรรมแปรปรวนของสัตว์ป่า เช่น กวาง นกฟลามิงโก และฝูงนกอพยพ

หนังเดินเรื่องโดยแบ่งเป็นห้าตอน คือ 1.บ้าน 2.(กราฟ) เส้นโค้ง 3.เสียง 4.การท่วมท้น 5.ตอนจบ

ซึ่งเป็นทั้งพล็อตและสัญลักษณ์ไปพร้อมกันในตัว

ดังนั้น หนังเรื่องนี้จึงต้องดูแบบลุ้นระทึกไปพร้อมกับการตีความด้านสัญลักษณ์ไปด้วย ไม่ใช่หนังที่เสนออภิมหาโลกาวินาศตามแบบฉบับหนังมหันตภัยล้างโลกที่ตัวเอกต้องต่อสู้หนีตายจากภัยพิบัติครั้งแล้วครั้งเล่า หรือการเอาตัวรอดของผู้คนที่ยังมีชีวิตอยู่ในโลกภายหลังจากการล่มสลายของอารยธรรมอย่างที่เรารู้จักคุ้นเคย

ปัจจุบันเราอยู่ในโลกที่มีการสื่อสารเป็นชีพจรหรือสัญญาณชีพของสายเลือดที่หล่อเลี้ยงไหลพล่านอยู่ในความเป็นไปของชีวิตประจำวัน

เราจึงต้องตั้งคำถามว่าหากเทคโนโลยีล่มสลายลง จะส่งผลอย่างไรต่อความเป็นไปในชีวิตของผู้คนบ้าง

หนังไม่ได้บอกชัดเจนถึงต้นตอของตัวการในการโจมตีทางไซเบอร์ที่ส่งผลมหาศาลไปทั่วนี้ แต่ให้ข้อสันนิษฐานที่มีมูลไว้

ทางแรกคือการโจมตีจากศัตรูภายนอกอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นรัสเซีย โลกอาหรับ เกาหลี หรือจีน

และอีกทางคือศัตรูภายในที่ต้องการโค่นล้มการปกครอง โดยดำเนินการเป็นขั้นตอนแบบรัฐประศาสนศาสตร์อันลึกล้ำเชี่ยวชาญ ซึ่งตัวละครที่เป็นที่ปรึกษาระดับสูงของประเทศวิเคราะห์ให้เราสำเหนียกรู้ นั่นคือ การโดดเดี่ยว (ทำลายเทคโนโลยีและป้อนข้อมูลผิดๆ ให้) การบรรดาลให้เกิดกลียุคขึ้นพร้อมๆ กัน

และสุดท้ายคือรัฐประหารเข้ามาจัดการสภาพความแตกแยกที่นำไปสู่สงครามกลางเมือง

หนังมีตอนจบแบบเปิดปลาย คือไม่ได้มีข้อสรุปและการขมวดเรื่องที่ชัดเจน จึงขึ้นอยู่กับการตีความ และคนดูที่ดูเพื่อหาจุดลงเอยและความเป็นมาเป็นไปเพื่อให้สบายใจ จึงอาจรู้สึกค้างคา แต่ผู้เขียนคิดว่าหนังลงตัวดีอยู่แล้ว จากความต้องการนำเสนอภาพและการวิพากษ์ผู้คนในโลกยุคปัจจุบัน และภัยมืดของเทคโนโลยีที่อาจปั่นหัวและบงการผู้คนได้โดยไม่รู้ตัว

สรุปสารสาระได้ว่า โลกที่วางเดิมพันชีวิตทั้งหมดไว้กับเทคโนโลยีนั้นอาจพลิกกลับไปสู่ขั้วตรงข้ามได้ในพริบตา ตามการบีบหรือคลายของมือที่อยู่เบื้องหลัง

และโลกธรรมชาติอาจให้คำตอบที่สร้างความสมดุลได้

รวมทั้งการเกื้อกูลกันและกันระหว่างเพื่อนมนุษย์…ซึ่งน่าจะเป็นตอนจบที่ลงเอยด้วยตอนจบของซีรีส์ชุด Friends และเพลงประจำเรื่อง คือ I’ll Be There For You…

ไม่ใช่หนังสนุกเอามันส์อย่างเดียวนะคะ แต่ให้ความคิดดีๆ ด้วย รวมทั้งมีภาพติดตรึงอยู่ในความทรงจำจากองค์ประกอบภาพที่จัดสรรมาอย่างดีด้วย…

แนะนำให้ดูนะคะ เพิ่งออกฉายทางเน็ตฟลิกซ์ต้นเดือนนี้เอง •

LEAVE THE WORLD BEHIND

กำกับการแสดง

Sam Esmail

แสดงนำ

Julia Roberts

Mahershala Ali

Ethan Hawke

Myha’la

Kevin Bacon

ภาพยนตร์ | นพมาส แววหงส์