หมูเถื่อนสะเทือนถึง DSI ทำไม?! หมูไทยแพงกว่าหมูอเมริกาใต้

(Photo by Lillian SUWANRUMPHA / AFP)

เรื่องหมูๆ ที่ดูจะไม่หมูตามชื่อ เมื่อเปลี่ยนรัฐบาล ปัญหาหมูที่ซุกซ่อนอยู่ใต้พรม กลายเป็นเรื่องร้อนแรงทันที

เริ่มด้วยกรมศุลกากรส่งไม้ต่อให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI รับโอน “คดีหมูเถื่อน” ไว้ในการดูแล ทั้งสืบสวน-สอบสวนเชิงลึกเชิงกว้าง จากเอกสารนำเข้าที่ได้จากกรมศุลกากร จนนำไปสู่การเปิดตู้คอนเทนเนอร์จำนวน 161 ตู้ หน้าท่าเรือแหลมฉบังของ 11 สายเรือ

จาก 161 ตู้ ขยายผลย้อนกลับไปจน DSI พบหลักฐานระหว่างปี 2564 ถึง 2566 มีหมูเถื่อนลักลอบนำเข้าโดย 18 สายเรือ รวมทั้งสิ้น 2,385 ใบขนสินค้า คิดเป็นน้ำหนักหมู 76,000 ตัน ซึ่งเกินกว่าครึ่งถูกกระจายไปทั่วประเทศแล้ว

76,000 ตัน เท่ากับ 76 ล้านกิโลกรัม! DSI สืบสวนสอบสวนทั้งลึกทั้งกว้าง เฉี่ยวชนกระทบ “ตอใหญ่” เข้า จนเก้าอี้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษของท่าน พ.ต.ต. สุริยา สิงหกมล หักชนิดแหลกเป็นจุณ จนทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องปฏิเสธกันเป็นพัลวัน

แต่เก้าอี้อธิบดีกรมศุลกากรยังสุขสบายทั้งที่กรมศุลกากรที่เป็นต้นตอของปัญหา “หมูเถื่อน”

 

ขอย้อนรอยอดีตกลับไปในปี 2564 หากท่านผู้อ่านยังจำกันได้ ช่วงปี 2564-2565 ประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค รวมถึงประเทศจีน ประสบปัญหาโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (African Swine Fever : ASF) ซึ่งไทยยันสุดความสามารถแต่ก็ยันไม่อยู่ โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรระบาดในท้ายที่สุด ทำให้ปริมาณอุปทาน (Supply) หรือปริมาณหมูที่ผลิตได้ในประเทศลดลงอย่างรวดเร็ว จนราคาหมูพุ่งสูงขึ้นทะลุ 200 บาทต่อกิโลกรัม

ซึ่งโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรนี้ หากฟาร์มไหนโดนเข้าไป เจ้าของฟาร์มน้ำตาร่วง ต้องปิดฟาร์มเคลียร์ทุกอย่างอย่างน้อย 12 สัปดาห์ จึงจะสามารถเริ่มต้นใหม่ได้ เป็นโรคระบาดที่ร้ายกาจมาก หลายฟาร์มเจ๊งถึงขึ้นล้มละลาย เป็นหนี้เป็นสินสิ้นเนื้อประดาตัว

ส่วนฟาร์มไหนรอด จะขยายการเลี้ยงในช่วงเวลาหมูแพงก็ไม่ง่าย เพราะการเลี้ยงหมูตั้งแต่เริ่มจนถึงระยะพอจะขายได้ก็ใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 4-6 เดือนเลยทีเดียว

วิกฤตราคาหมูแพงจึงคงอยู่เป็นระยะเวลานาน บวกกับนโยบายรัฐบาลช่วงนั้นไม่ต้องการซ้ำเติมผู้เลี้ยงหมูจึงคงมาตรการห้ามนำเข้าหมูตามเดิม ไม่ผ่อนปรนแม้แต่น้อย

ผู้บริโภคจึงเป็นคนจ่ายซื้อหมูราคาแพงเพื่อช่วยเหลือเจ้าของฟาร์มหมู ซึ่งนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นเชิญชวนให้หันมากินไก่แทนหมู!!!

 

ประเด็นหมูๆ นี้ ในทางเศรษฐศาสตร์เรียกวัฏจักรนี้ว่า “วัฏจักรหมู” หรือ “Hog Cycle” หรือ “Pork Cycle” พบโดยการสังเกตของนักเศรษฐศาสตร์ชาวอเมริกัน นามว่า Mordecai Ezekiel ในปี ค.ศ.1925

พบว่าในตลาดสุกรของสหรัฐอเมริกา ราคาหมูจะมีความผันผวนขึ้นลง ราคาไม่คงที่เป็นเส้นตรงในจุดดุลยภาพ (Equilibrium) ดั่งที่เชื่อกันตามทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ที่ราคาจะวิ่งไปหาจุดดุลยภาพ แต่กลับพบว่าบางช่วงเวลาราคาหมูสูงกว่าราคาที่ควรจะเป็น บางช่วงเวลาราคาตกต่ำกว่าราคาที่เหมาะสม และปรากฏการณ์นี้ก็เกิดขึ้นวนเวียนซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นวัฏจักรไปเรื่อยๆ

สาเหตุคือ หมูมีระยะเวลาในการเลี้ยงจนถึงวัยที่จะขายได้ใช้เวลาเลี้ยงดูหลายเดือน ในช่วงที่หมูราคาแพง คือ ปริมาณหมูที่ผลิตได้ (อุปทาน หรือ Supply) มีปริมาณน้อยกว่า ความต้องการบริโภคเนื้อหมู (อุปสงค์ หรือ Demand) ราคาจึงปรับตัวสูงขึ้น

เมื่อราคาหมูปรับตัวสูงขึ้น เกษตรกรเห็นว่าหมูราคาดี ก็หันมาเลี้ยงหมูกันมากขึ้น เพราะคิดว่าราคาหมูจะดีเช่นนั้นไปเรื่อยๆ ปริมาณหมูที่ผลิตได้ (อุปทาน หรือ Supply) จึงมีปริมาณมากกว่า ความต้องการบริโภคเนื้อหมู (อุปสงค์ หรือ Demand) ราคาก็ปรับตัวลดลง

เมื่อราคาปรับตัวลดลง เกษตรกรบางรายเห็นว่าราคาไม่ดีแล้วก็เลิกเลี้ยงหมู ปริมาณหมูในท้องตลาดก็ลดลงตามไปด้วย

วนเวียนเป็นวัฏจักรเช่นนี้ คล้ายวงเวียนชีวิต เป็นเกร็ดทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์ที่หยิบยกมาเล่าสู่กันฟัง

 

กลับมาที่เรื่องการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนกันต่อ

กรมศุลกากรมีการลงทุนระบบตรวจสอบ เครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ รวมถึงระบบเอ็กซเรย์ตู้ทุกตู้ แทบจะใช้ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence หรือ AI) ช่วยตรวจสอบว่าของที่สำแดงตรงตามใบขนสินค้าหรือไม่ แต่ก็ยังเล็ดลอดเข้ามาได้ ผู้นำเข้าไม่ธรรมดาจริงๆ

ขอตั้งข้อสังเกตมุมการเมืองไว้เพียงเท่านี้

ในแง่มุมเศรษฐศาสตร์ ราคาหมูจากละตินอเมริการาคาถูกกว่าหมูไทยประมาณ 30-35 บาทต่อกิโลกรัม จึงเย้ายวนให้ผู้ลักลอบนำเข้าอยากเสี่ยงโชคลักลอบนำเข้าอยู่ตลอดเวลา แม้หักค่าขนส่งแล้วราคาก็ยังถูกกว่าหมูในประเทศกว่า 20%

สาเหตุที่หมูไทยแพงกว่าหมูอเมริกาใต้ เพราะข้าวโพดไทยซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการเลี้ยงหมูแพงกว่าข้าวโพดอเมริกา ซึ่งข้าวโพดเป็นต้นทุนหลักในการเลี้ยงหมู แถมรัฐบาลคุ้มครองผู้ปลูกข้าวโพดทุกยุคทุกสมัย มีเปิดให้ผู้นำเข้าทั่วไปนำเข้าได้ช่วงสั้นๆ เพียง 3 เดือน (พฤษภาคมถึงกรกฎาคม 2565) เท่านั้น เนื่องจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทำให้ยูเครนผู้ส่งออกข้าวโพดอันดับ 4 ของโลกไม่สามารถผลิตและส่งออกได้ตามปกติ ทำให้ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้น

ปริมาณหมูจำนวน 76 ล้านกิโลกรัมที่หลุดลอดเข้ามาได้ คูณ 30 บาท เท่ากับ 2.2 พันล้านบาทที่หมุนเวียนในวงจรอุบาทว์ เหนี่ยวนำให้เกิดการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนอย่างโจ๋งครึ่ม เย้ยฟ้าท้าดิน ไม่อายผีสางเทวดาเลย

 

ตัดภาพมาที่ร้านขายส่งขายปลีกรายใหญ่มากของไทย ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษสะกิดเข้านั้น ออกมาแก้ข่าวว่าไม่มีส่วนรู้เห็นใดๆ ทั้งสิ้นเกี่ยวกับ “หมูเถื่อน” 45,000 ตันที่กระจายไปทั่วประเทศแต่อย่างใด

“เขา” บอกว่าไม่รู้ไม่เห็น ท่านผู้อ่านก็อย่าสงสัย “เขา” เลย “เขา” คงไม่รู้ไม่เห็นจริงๆ เวลา “เขา” ซื้อหมู “เขา” คงไม่ได้ไปดูฟาร์มที่เลี้ยงก่อนซื้อจริ๊งจริงนะ

ฝ่ายจัดซื้อคงซื้อโดยไม่รู้ว่าเลี้ยงจากฟาร์มไหน เลี้ยงอย่างไร มีมาตรฐานไหม จนหุ้น “เขา” ร่วงต่ำสุดในรอบ 10 ปี จากเรื่องหมูๆ นี้แหละ พาตลาดหุ้นไทยดิ่งไปด้วยกันทั้งตลาด เดือดร้อนนักลงทุนไทยกันไปหมด

เสียดาย คอนเสิร์ตแบบเบิร์ดเบิร์ดโชว์ ครั้งที่ 12 ตอน multibird จักรวาลธงชัย ไม่มีเพลงอมพระมาพูด!