‘คืนหนาวในสายฝน’

ม.ล.ปริญญากร วรวรรณ

กลางเดือนพฤศจิกายน

ทั้งที่ควรจะเป็นเวลาที่สายลมหนาวเข้าครอบคลุมผืนป่าอย่างสมบูรณ์แล้ว แต่ค่ำบางวัน สายฝนยังโปรยปราย

ท่ามกลางความมืดที่โอบล้อม ปรากฏเป็นแสงสว่าง ซึ่งเกิดจากสายฟ้าแลบเป็นระยะ เม็ดฝนปรอยๆ กระทบผ้ายางเหนือเปล เป็นจังหวะสม่ำเสมอ

เสียงเหยียบกิ่งไม้ เสียงขยับตัวของสัตว์ขนาดใหญ่ ซึ่งแม้เจ้าตัวจะขยับค่อยเพียงไร ในความเงียบ มันก็ดังพอที่จะทำให้ผมรู้สึกตัวตื่น

ผมนอนฟังเสียงเดินเข้ามาใกล้ๆ แคมป์ อยู่ร่วม 20 นาที

นาฬิกาบอกเวลาผ่านเที่ยงคืนมาแล้ว 10 นาที

เสียงเดินเข้ามาหยุด มีเสียงหายใจดังเข้ามาแทนที่ เสียงอยู่ห่างจากเปลไม่เกิน 20 เมตร มีเสียงดังคล้ายเสียงเทน้ำออกจากถังและเขย่าถังน้ำ

ช้างโขลงหนึ่งเข้ามายืนเงียบ เสียงน้ำในท้องดังให้ได้ยินทำให้รู้สึกถึงความใกล้ชิด

มีเสียงเล็กๆ ของลูกช้าง ผมเริ่มกังวล ลูกช้างมักซน ไม่อยู่นิ่ง หากมันเข้ามาในแคมป์ แล้วพี่เลี้ยงตามเข้ามา ในแคมป์คงจะโกลาหล

อีกประการ ดูเหมือนว่า ช้างจะเข้ามาใกล้จนผิดสังเกต ธรรมดาหากช้างผ่านมาหากินใกล้ๆ จะมีเสียงไม้หักดัง เสียงจะเข้ามาใกล้และห่างไปเรื่อยๆ

ครั้งนี้ เจตนาของช้าง ราวกับไม่อยากให้คนในแคมป์รู้ตัว

ผมมองไปทางซ้ายมือ ซึ่งเป็นป่าไผ่ ฟ้าแลบเป็นทางยาว ความสว่างจากสายฟ้า ทำให้มองเห็นเงาตะคุ่มๆ ของร่างทะมึนใกล้มาก กระทั่งรู้สึกได้ว่า ช้างอยู่ห่างแค่ ระยะเอื้อมมือถึง

 

ผมลงจากเปล เดินมาที่กองไฟที่ยังไม่ดับ ผมขึงผ้ายางเหนือกองไฟไว้ตั้งแต่วันมาถึง ผมขยับฟืน เปลวไฟลุก

ผมนั่งบนเก้าอี้ ทุกครั้งที่ฟ้าแลบ ผมมองเห็นเงาตะคุ่มยังสงบนิ่ง

น่าจะเป็นช้างโขลงเดียวกับที่ผมเห็นในตอนเย็น พวกมันลงมากินน้ำ และเล่นน้ำในลำห้วย ห่างจากแคมป์ไปสัก 500 เมตร

ช่วงบ่ายๆ สภาพอากาศอบอ้าว สัตว์ป่าส่วนใหญ่ใช้ลำห้วยสายหลักเป็นที่พึ่งพา

ตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม ฤดูแล้งในป่าก็สิ้นสุด ลมมรสุมจากมหาสมุทรพัดพาไอน้ำเข้ามาในแผ่นดิน ความชื้นในบรรยากาศเพิ่มขึ้น อุณหภูมิร้อนจัดในรอบปี ความร้อนนี้จะพัดพายกไอน้ำและอากาศขึ้นไปในบรรยากาศเบื้องสูงจนกระทั่งไอน้ำรวมตัวตกลงมาเป็นฝน

แค่เพียงฝนแรก ในป่าก็เริ่มเปลี่ยนแปลง ต้นไม้แตกตาจากตุ่มเล็ก ต้นเต็ง ต้นรัง ปรากฏใบเป็นสีเหลือง สีแดงกิ่งไผ่แห้ง มีสีเขียว

สายฝนตกต่อเนื่องและลดลงบ้าง เมื่อถึงเดือนพฤศจิกายน

ถึงเวลานี้ ระดับน้ำในลำห้วยเริ่มคลายความขุ่นแดง และระดับลดลงเรื่อยๆ

ฟ้าแลบเป็นทางยาว ร่างทะมึนที่เห็นเป็นเงาตะคุ่ม ยืนเงียบ

ช้าง – ช่วงเวลาบ่าย ในป่า สภาพอากาศร้อนอบอ้าว เป็นเวลาที่ช้างจะพากันลงมาที่แหล่งน้ำ

ผมไม่รู้หรอกว่า ช้างมีเจตนาอย่างไร แต่ผมไม่สัมผัสกับความตึงเครียด

ฝนลงเม็ดหนาขึ้น อากาศเย็น ผมขยับตัวเข้าใกล้กองไฟ

ลมพัดแรง ละอองฝนปลิวเข้าในผ้ายาง เปลวไฟไหววูบวาบ

ช้างที่เข้ามาใกล้ฝูงนี้ คงเป็นฝูงเดียวกับที่ผมตามไปพบตอนเย็น

เราเคยพบกันมาก่อน เคยอยู่ใกล้กันมาแล้ว ไม่มีบรรยากาศอันแตกต่าง ที่เปลี่ยนไปคือ คราวนี้พวกมันเดินเข้ามาหาผม ไม่ใช่เหมือนทุกครั้งที่ผมไปหา

พวกมันเข้ามาเยี่ยมผมบ้าง

 

ผมนึกถึงแววตาเจ้าตัวโตที่พบเมื่อตอนเย็น หากไม่เข้าข้างตัวเองเกินไป ผมเห็นแววตาแห่งความเป็นมิตร

ฟ้าแลบเป็นทางยาว เป็นฝนฤดูหนาวที่ผมจะจำได้ดี

เงาตะคุ่มยังคงอยู่

เมื่อรู้จักกันมากขึ้น ระยะห่างระหว่างเราก็แคบลง ที่เข้ามาแทนที่ระยะที่หายไปคือ บรรยากาศของมิตรภาพ

 

ผมกลับขึ้นเปล คืนนี้ผมจะนอนหลับได้อย่างมีความสุข “คืนหนาวในสายฝน” ผมนอนโดยไร้ความกังวลอันใด

เพราะที่แคมป์ มียามตัวโตมาคอยระวังภัยให้แล้ว… •

 

หลังเลนส์ในดงลึก | ปริญญากร วรวรรณ