กู้เงินแจก พารัฐบาลเพื่อไทยเสี่ยงอันตราย

ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์www.facebook.com/sirote.klampaiboon

บทความพิเศษ | ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์

https://www.facebook.com/sirote.klampaiboon/

 

กู้เงินแจก

พารัฐบาลเพื่อไทยเสี่ยงอันตราย

 

ตรงข้ามกับคำโฆษณาชวนเชื่อว่าแผนแจกเงินจะเป็นพายุหมุนเศรษฐกิจไทย นโยบายกู้เงินไปแจก 5 แสนล้านเป็นเสมือนมรสุมถาโถมเข้าใส่รัฐบาลหนักหน่วงที่สุด เพราะพรรคเพื่อไทยไม่เพียงเคยประกาศว่าแผนแจกเงินไม่มีการกู้เงิน แต่คนมีสิทธิได้เงินก็ไม่ใช่ทุกคนอย่างที่พรรคเคยโฆษณา

ถ้ามีการเลือกตั้งในเดือนหน้า ข้อกล่าวหาว่าพรรคตระบัดสัตย์คงดังสนั่นทุกเวทีดีเบตและเวทีปราศรัย เพียงแต่คำอธิบายว่าตระบัดสัตย์อย่างไรจะไม่จบแค่การจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้วกับ ส.ว.และพรรคฝ่าย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หากยังรวมถึงการกู้เงินไปแจกทั้งที่เคยประกาศมาตลอดว่าไม่ทำ

เร็วเกินไปที่จะประเมินว่าแผนกู้เงินไปแจก 5 แสนล้านจะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว เพราะต้องรอถึงเดือนพฤษภาคม 2567 กว่าที่รัฐบาลจะแจกเงินที่กู้มาจริงๆ แต่ที่พูดได้แน่ๆ คือการกู้เงินไปแจกทำให้รัฐบาลกลายเป็นฝ่ายตั้งรับทางการเมืองขั้นที่หาผู้สนับสนุนที่อยู่นอกพรรคแทบไม่ได้เลย

นอกจากนักเศรษฐศาสตร์และคนที่อ้างตัวเป็นสื่อไม่กี่คนที่แสดงความเห็นถูกใจรัฐบาล นักวิชาการ, นักการเงิน, สื่อมวลชน, ประชาชน, นักเศรษฐศาสตร์ ฯลฯ ล้วนวิจารณ์ข้อบกพร่องของนโยบายกู้เงินแจกทั้งหมด ผลก็คือรัฐบาลต้องส่งคนของตัวเองสลับหน้ามาตอบโต้ทุกฝ่ายอย่างไม่มีชิ้นดี

ไม่มีใครไม่ชอบของฟรี ยิ่งเป็นเงินฟรีในประเทศที่รัฐแทบไม่ทำอะไรให้ประชาชน ประชาชนย่อมอยากได้ของฟรีที่มาจากภาษีตัวเองเหมือนกันหมด

แต่ทันทีที่พรรคเพื่อไทยประกาศว่ากู้เงินมาแจก 5 แสนล้าน ต่อให้ชาวบ้านที่รอรับเงินฟรีก็สะดุดว่าตัวเองคือคนจ่ายหนี้ก้อนนี้แทนรัฐบาล

 

ปัญหาของการกู้เงินไปแจกคือการจุดชนวนให้ชาวบ้านคิดถึงความไม่สมเหตุสมผลของนโยบายแจกเงิน เพราะขณะที่รัฐบาลเพื่อไทยอ้างว่าเศรษฐกิจไม่ดีจนต้องแจกเงิน การกู้เงินไปแจกสำหรับชาวบ้านคือการสร้างหนี้จนเศรษฐกิจประเทศจะยิ่งทรุดและภาระประชาชนจะยิ่งเพิ่มในระยะยาว

ต่อให้คนของรัฐบาลจะอ้างว่าหนี้ที่เพิ่ม 5 แสนล้านไม่มีปัญหาหากเศรษฐกิจโต แต่ข้อเท็จจริงคือหนี้ก็คือหนี้ และเมื่อมีหนี้ก็แปลว่าทุกคนต้องร่วมใช้หนี้ คำอธิบายว่าหนี้เพิ่มไม่มีปัญหาจึงมีน้ำหนักกับประชาชนน้อยมาก หากไม่ใช่กองเชียร์ที่จำทุกสิ่งที่นักการเมืองพูดไปพูดตาม

ยังไม่มีใครในรัฐบาลอธิบายแม้แต่คนเดียวว่าทำไมตระบัดสัตย์เรื่องกู้เงินมาแจก

คำอธิบายที่ปล่อยผ่านสื่อของรัฐบาลคือต้องแจกเงิน และธนาคารชาติเป็นคนแนะนำให้กู้เงิน

แต่วิธีอธิบายแบบนี้ไม่ตอบว่าทำไมกู้เงินมาแจก บอกแค่ใครเป็นคนแนะนำให้กู้ และเป็นการพูดที่ไม่มีหลักฐานอะไรเลย

 

หลายวันแล้วที่สื่อและ ส.ส.เรียกร้องให้รัฐบาลเปิดเผยรายงานการประชุมคณะกรรมการที่ตัดสินใจกู้เงิน 5 แสนล้านไปแจก แต่รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องทุกคนยืนยันว่าต้องปกปิด บางคนถึงขั้นอ้างว่าการเปิดเผยผิดกฎหมาย ทั้งที่ไม่ได้มีกฎหมายห้ามรัฐบาลเปิดเผยข้อมูลเรื่องกู้เงินอย่างแน่นอน

เฉพาะในกรณีที่คนของรัฐบาลอ้างว่าผู้ว่าธนาคารชาติบอกให้กู้เงิน แค่คิดแบบมีสามัญสำนึกก็แปลกแล้วที่รัฐบาลกู้เงินไปแจก 5 แสนล้านโดยอ้างว่าผู้ใต้บังคับบัญชาบอกให้แจก แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือเรื่องนี้อาจเป็นการเอาคำพูดของผู้ว่าธนาคารชาติไปใช้นอกบริบทเพื่อผลประโยชน์ของรัฐบาล

ล่าสุด ส.ส.ก้าวไกล “ชัยวัฒน์ สถาวรวิจิตร” ซึ่งเคยดำรงตำแหน่ง “รองผู้อำนวยการกลุ่มงานยุทธศาสตร์องค์กร” ของธนาคารแห่งประเทศไทยจนถึงปี 2566 ก็ระบุว่าคำพูดของพรรคเพื่อไทยเรื่องผู้ว่าธนาคารชาติให้กู้เงินนั้น “น่าจะบิดเบือนข้อเท็จจริงกัน”

ในโพสต์ของ “ชัยวัฒน์” ใน X หลังจากรัฐบาลปล่อยข่าวว่าผู้ว่าธนาคารชาติให้รัฐบาลกู้เงินแจก “ชัยวัฒน์” ระบุว่า “ผู้ว่าน่าจะเตือนเรื่องข้อกฎหมายว่าถ้าไม่กู้ อยู่ดีๆ เสกเงินขึ้นโดยไม่มีแหล่งที่มาก็เสี่ยงขัดกับ พ.ร.บ.เงินตรา มาตรา 9 คงไม่ได้บอกให้ไปกู้หรอก”

“สำหรับข้อเท็จจริง น่าจะอยู่ในรายงานการประชุม ท่านนายกฯ และรัฐมนตรีคลังสามารถแสดงความตั้งใจที่บริสุทธิ์และความมุ่งมั่นได้ด้วยการเปิดเผยรายงานการประชุมเลยครับ ข้อกังขาต่างๆ จะได้กระจ่าง ว่ามีใครบ้างที่ขอให้บันทึกลงไปว่าไม่เห็นด้วย”

 

ปัญหาใหญ่ของโครงการกู้เงินแจกคือการไม่มีคำอธิบายดีๆ เลยว่าทำไมต้องกู้แจกเงิน เมื่อใดที่รัฐบาลต้องอ้างคำพูดของผู้ว่าการธนาคารชาติเพื่อสนับสนุนนโยบายรัฐบาล เมื่อนั้นความน่าเชื่อถือของรัฐบาลย่อมอยู่ในสภาพที่ถดถอยกว่าปกติ เพราะเท่ากับสังคมเชื่อผู้ใต้บังคับบัญชารัฐบาลกว่ารัฐบาล

โดยปกติแล้วรัฐบาลมักประกาศว่าตัวเองผลงานดี แต่ความประหลาดของรัฐบาลเพื่อไทยเวลานี้คือการยกโขยงประโคมข่าวว่าเศรษฐกิจไม่ดีเพื่อยืนยันความชอบธรรมในการกู้เงินไปแจก 5 แสนล้าน ตัวอย่างเช่น “หมอเลี้ยบ” หรือ “สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี” ซึ่งออกมาร่วมปลุกกระแสว่าเศรษฐกิจไม่ดี

เพื่อที่จะชี้นำให้คนไทยหนุนนโยบายกู้เงินแจก “หมอเลี้ยบ” เผยแพร่ข้อมูลที่ชวนตระหนกว่า GDP ปีนี้อาจโตไม่ถึง 2% จนต้องกู้เงินแจก ซึ่งเท่ากับการเติบโตของเศรษฐกิจในปี 2566 เลวร้ายเป็นรองแค่ปี 2563 และ 2564 ซึ่งโควิดระบาดจนเศรษฐกิจโตแค่ -6.1% และ 1.2%

ยุทธศาสตร์ของพรรคเพื่อไทยคือการสร้างความหวาดกลัวทางเศรษฐกิจเพื่อชักจูงให้คนสนับสนุนนโยบายกู้เงินแจก

แต่การสร้างความหวาดกลัวนี้เข้าข่ายน่าสงสัยสร้างกระแสจนเกินความจริง เพราะจาก GDP สองไตรมาสแรก ทุกสำนักคาดว่าเศรษฐกิจปีนี้จะโต 2.5-3% หรือเกินนั้นเล็กน้อย

ด้วยตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างเป็นทางการ ประเทศไทยในไตรมาส 1 ของปี 2566 มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 2.6% ขณะที่ไตรมาส 2 มีอัตราการเติบโต 1.8% ซึ่งเท่ากับว่าหากเศรษฐกิจไทยตลอดปีจะโตไม่ถึง 2% อย่างที่หมอเลี้ยบระบุ เศรษฐกิจปี 2566 ในไตรมาส 3 และ 4 ต้องโตแค่ 1.8%

เมื่อคำนึงว่าเศรษฐกิจไทยยุคโควิดระบาดในปี 2564 เติบโตแค่ 1.2% โอกาสที่เศรษฐกิจไทยในปี 2566 ช่วงครึ่งปีหลังจะโตแค่ไตรมาสละ 1.8% เป็นไปได้น้อยมาก เพราะการเติบโตของการท่องเที่ยว, การบริการ, การบริโภคภายในประเทศ และเศรษฐกิจโลกปีนี้แตกต่างจากปี 2564 อย่างสิ้นเชิง

 

แน่นอนว่าความเห็นของหมอเลี้ยบไม่ใช่ความเห็นทางการของรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าหมอเลี้ยบมีสถานะพิเศษในรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยเสมอ คำถามคือตัวเลขหมอเลี้ยบว่าเศรษฐกิจไทยโตต่ำกว่า 2% มาจากไหน หรือเป็นแค่เทคนิคให้คนสนับสนุนนโยบายกู้แจกเงิน

ต่อให้เชื่อหมอเลี้ยบว่าการกู้เงินแจกเพื่อไม่ให้เศรษฐกิจไทยเลวร้ายจนเติบโตต่ำกว่า 2% ความเป็นจริงที่รัฐบาลจะเริ่มแจกเงินกู้กว่า 5 แสนล้านในเดือนพฤษภาคม 2567 ทำให้ไม่มีทางที่เศรษฐกิจปี 2566 โตเกินกว่า 2% จนมองไม่เห็นว่าสองเรื่องนี้มีความสัมพันธ์กันตรงไหนเลย

ถ้าเป้าหมายของรัฐบาลคือกู้เงินแจกเพื่อไม่ให้เศรษฐกิจไทยปี 2566 พัง กว่าที่เงินกู้ 5 แสนล้านจะทำให้เศรษฐกิจไทยโตก็คงจะเป็นไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ของปี 2567 ซึ่งก็คือระยะเวลาเกือบหนึ่งปีหลังจากนี้ นโยบายแจกเงินในเดือนพฤษภาคมจึงไม่ช่วยให้เศรษฐกิจไทยตอนนี้โตตรงไหนเลย

ปัญหาของนโยบายกู้เงินแจกคือรัฐบาลตอบไม่ได้ว่าทำไมต้องกู้, ทำไมโกหกประชาชนว่าไม่กู้ และทำไมสร้างหนี้ 5 แสนล้านโดยไม่เคยขอความเห็นชอบจากประชาชน

ส่วนคำตอบที่พรรคเพื่อไทยมีตอนนี้คือเศรษฐกิจไม่ดีจนต้องกู้เงินแจก แต่ตอบไม่ได้ว่าทำไมต้องกู้เงินไปแจกอย่างปัจจุบัน

เงื่อนไขของกฎหมายวินัยการเงินการคลัง มาตรา 53 คือการกู้ทำได้เมื่อเกิดวิกฤตเศรษฐกิจที่หาเงินจากงบประมาณปกติไม่ได้เลย แต่ประเทศไทยตอนนี้หาเงินจากงบประมาณปกติของปี 2557 ได้แน่ๆ ส่วนเศรษฐกิจตอนนี้เลวร้ายขั้น “วิกฤต” หรือแค่เศรษฐกิจไม่ดีแบบที่เป็นมาตลอดก็คงต้องเถียงกันต่อไป

ควรระบุด้วยว่าถ้าเศรษฐกิจโตต่ำกว่า 2% คือเกณฑ์ที่รัฐบาลจะกู้เงิน 5 แสนล้านเพื่อไปแจกเงิน บรรทัดฐานที่รัฐบาลเพื่อไทยทำไว้วันนี้ก็จะเป็นบรรทัดฐานให้รัฐบาลอื่นทำแบบนี้หรือมากกว่านี้ในอนาคตด้วย

เศรษฐกิจไทยวันนี้ไม่ดีจริงๆ และการกระตุ้นเศรษฐกิจจำเป็นแน่ๆ แต่วิธีกระตุ้นแบบเพื่อไทยโดยกู้เงิน 5 แสนล้านไปแจกนั้นไม่มีอะไรบอกได้เลยว่าทำไปเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือเอาปัญหาเศรษฐกิจฝืดเคืองแบบปกติเป็นข้ออ้างเพื่อแจกเงินหาเสียงล่วงหน้าให้รัฐบาล

ภายใต้สถานการณ์กู้เงินแจกที่เป็นแบบนี้ คำถามที่สำคัญคือใครจะเป็นผู้รับผิดชอบความเสียหายจากการก่อหนี้ให้ประชาชนรวดเดียว 5 แสนล้าน รวมทั้งความรับผิดชอบนั้นจะมีอะไรมากกว่าความรับผิดชอบด้วยลมปากและน้ำลาย

https://twitter.com/matichonweekly/status/1552197630306177024