สามวัด หนึ่งศาล บ้านจีนเดิม

พิชัย แก้ววิชิต

จากชื่อเรื่องที่ไม่ได้คิดเอาเอง ชื่อเรื่องที่ชักนำให้คาดเดาเนื้อหากันได้ไม่ยาก ว่าผมมีเรื่องเที่ยวจะมาเล่าอีกแล้ว และคราวนี้เรื่องราวชวนให้เที่ยวได้ขยับข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาจากฟากพระนครมายังฝั่งธนฯ โดยอาศัยสะพานพระปกเกล้า ลงเลี้ยวเข้าสู่ถนนพญาไม้ มุ่งหน้าไปยังจุดนัดพบในยามเช้า ณ “วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร”

MIC Walking Trip ในชื่อตอน “ถิ่นบุนนาค-ฉากสามก๊ก” สามวัด หนึ่งศาล บ้านจีนเดิม ทริปย่านฝั่งธนฯ ในครั้งนี้จะมีอะไรบ้างจากสีสันจากร่องรอยของอดีต แต่ตัวผมเองจะจำได้เรื่องราวมาเล่ากันได้กี่มากน้อย ค่อยคงต้องมาลุ้นกัน แต่การันตีได้ว่า คงไม่จืดชืดเป็นแน่แท้

เพราะยังมีเรื่องราวของ “โรงผลิตน้ำปลาแห่งแรกของไทย” มาฝากให้พอได้เค็ม

 

เริ่มต้นเดินตามเรื่องราวในอดีต ไปพร้อมกับวิทยาผู้นำชม “วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร” วัดที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 โดยสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ (ดิศ บุนนาค) ขณะดำรงตำแหน่งเจ้าพระยาพระคลัง และวิทยากรยังได้เล่าเรื่องราวจุดเริ่มต้นของสายตระกูลบุนนาค ที่ย้อนเวลาไปตั้งแต่เมื่อครั้งสมัยอยุธยาและเกี่ยวข้องอยู่ด้วยกับบุคคลสำคัญๆ และเหตุการณ์ต่างๆ เรื่อยมาในประวัติศาสตร์ไทย

สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของตระกูลบุนนาคได้เป็นอย่างดี

ภายในวัดยังมีสวนมอร่มรื่นเพลินใจ และมีเต่าน้อยใหญ่อยู่เป็นดงให้เพลินตา

จากนั้นไปต่อกันที่ “วัดพิชัยญาติการามวรวิหาร” ที่แต่ก่อนเคยเป็นวัดร้าง และได้มีการปฏิสังขรณ์ใหม่ในสมัยรัชกาลที่ 3 โดยสมเด็จเจ้าพระยาศบรมมหาพิไชยญาติ (ทัต บุนนาค)

ภายในอุโบสถประดิษฐานพระประธาน “พระสิทธารถ” (หลวงพ่อสมปรารถนา) ผู้ใดสายมูเรียนเชิญครับ

รอบๆ พระอุโบสถด้านนอก ยังมีเรื่องราวของ “หมากกลทางความคิดของจีน” กับ “ภาพสลักหินเรื่องสามก๊ก” ที่หาชมได้ยากและกำลังเลือนรางไปตามกาลเวลา ทางคณะใช้เวลาศึกษากลศึกสามก๊กรอบอุโบสถอยู่ได้ไม่นาน ก็ถึงเวลาที่ “กองทัพต้องเดินด้วยท้อง”

จึงเป็นที่มาของสถานที่ต่อไป

เป็นคนมักน้อยขออะไรไม่ค่อยเป็น ขอไว้เพียงให้ตัวเองและครอบครัวอยู่ดีมีสุขในแบบพอได้พอมี และขอเหลือเผื่อไว้ ให้สิ่งดีๆ ส่งไปถึงมิตรรักนักอ่านทุกท่าน ให้อยู่ดีมีสุขด้วยเช่นกัน / เทคนิค : F.8 1/100s ISO 200 / สถานที่ : สวนสมเด็จย่า กรุงเทพฯ

หลังจากฝากท้องไว้กับ “ร้านอากงอาม่า” จนเต็มพุงเป็นที่เรียบร้อย จากนั้นแวะชมบ้านโบราณ (เก๋งจีนอายุ 200 ปี) ที่ได้เคยเป็นโรงงานผลิตน้ำปลา “ทั่งง่วนฮะ” (น้ำปลาตรารวงทอง) และเพียงไม่กี่ก้าวเดินก็มาถึงศาลเจ้าพ่อกวนอูเก่าแก่ ที่สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาเมื่อปี พ.ศ.2279 การไหว้ขอพรในครั้งนี้กับบความรู้ใหม่กับของเก่าที่ไม่เคยรู้ “ขอได้แต่ห้ามบน” ไว้ถ้าได้ในสิ่งสมหวังดั่งตั้งใจค่อยมาแสดงความขอบคุณในภายหลัง

เดินออกมาเพียงเล็กน้อย เป็นสวนสมเด็จย่า อุทยานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี โดยมีเจ้าหน้าที่อุทยานมาบรรยายเรื่องราวของสมเด็จย่าในช่วงวาระต่างๆ ของชีวิต ตลอดจนพาชมบ้านจำลองที่สมเด็จย่าเคยประทับ หลังจากได้สัมผัสกับบรรยากาศท่ามกลางต้นไม้น้อยใหญ่ภายในอุทยาน จนสมควรแก่เวลา

วิทยากรพาคณะมายัง “วัดอนงคารามวรวิหาร ” เป็นวัดที่สร้างขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น เดิมชื่อ “วัดน้อยขำแถม” สร้างโดยท่านผู้หญิงน้อย ในสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิไชยญาติ (ทัต บุนนาค) เมื่อปี พ.ศ.2393 ซึ่งภายในวัดยังมี “พระแก้วขาว” พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งโดยปกติแล้ว วัดอนงคารามฯ จะเปิดให้สักการะได้เพียง 2 วาระคือ วันขึ้นปีใหม่ และวันเข้าพรรษาของทุกปี

สุดท้ายปลายทริป กับการได้สักการะ “พระแก้วขาว” วัดอนงคาราม เป็นคนมักน้อยขอพรอะไรไม่ค่อยเป็น ขอไว้เพียงให้ตัวเองและครอบครัวอยู่ดีมีสุขในแบบพอได้พอมี และขอเหลือเผื่อไว้ ให้สิ่งดีๆ ส่งไปถึงมิตรรักนักอ่านทุกท่าน ให้อยู่ดีมีสุขด้วยเช่นกัน

ขอขอบพระคุณวิทยากร “จิวกงกง” อ.สมชาย แซ่จิว ผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกๆ ท่าน และศูนย์ข้อมูลมติชน (MIC)

ขอบคุณมากมายครับ •

 

เอกภาพ | พิชัย แก้ววิชิต