ตั้งข้อสังเกตกันว่ายุคนี้เข้าสู่ “รัฐตำรวจ” ซ้ำรอย “รัฐบาลทักษิณ” ช่วงปี 2544-2549 อีกหรือไม่

จากมติ ครม.วันที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมา “บิ๊กหลวง” พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ นรต.41 ผู้ช่วย ผบ.ตร. เกษียณอายุราชการปี 2568 โอนย้ายจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มานั่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ต่อจากนายวิชัย ไชยมงคล เกษียณราชการเมื่อวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา

ผู้ช่วย ผบ.ตร.นายนี้ อยู่ในไลน์ว่าที่เลขาธิการ ป.ป.ส. มาตั้งแต่รัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา ช่วงรักษาการ

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย และทำหน้าที่รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ทำหนังสือด่วนที่สุดที่ ยธ.02002/1091 ลงวันที่ 11 สิงหาคม 2566 ถึง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ขณะนั้น เพื่อขอโอนย้ายนายพลรายนี้ไปดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูง กระทรวงยุติธรรม เนื่องจากเห็นว่าเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ มีผลงานเป็นที่ประจักษ์

แวดวงสีกากีรู้กันว่า “นาย” ของบิ๊กหลวง คือ บิ๊กป๊อด พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.คนที่ 6 ขณะนี้นั่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม น้องรักของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรองนายกฯ พี่ใหญ่แห่ง “3 ป.”

เส้นทางในราชการสำคัญส่งผลให้ “บิ๊กหลวง” ตกผลึกงานแก้ปัญหายาเสพติดอย่างเข้มข้น คือ การผ่านงาน ผกก.1 กก.สายตรวจ บก.สปพ. (191), รอง ผบก.สปพ. และ ผบก.สปพ.

หลังจากนั้นดำรงตำแหน่ง ผบช.ภ.3 ดูแล 8 จังหวัดอีสานใต้ จังหวัดชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี ยโสธร และอำนาจเจริญ มีโครงการเด่นคือ 1 อำเภอ 1 เซฟตี้โซน รวมกว่า 250 อำเภอ มีหน้าที่สกัดกั้นยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้านตามแนวชายแดน และการเข้าจับกุมเครือข่ายยาเสพติดในพื้นที่ จากนั้นขยับขึ้นเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร.

 

ล่าสุดนายพลตำรวจที่มีข่าวข้ามห้วยอีกคนคือ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ นรต.รุ่น40 รอง ผบ.ตร. คุมกฎหมายและคดี เกษียณปี 2567 จะโอนย้ายไปนั่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) แทน พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เกษียณอายุราชการไปเมื่อ 30 กันยายนที่ผ่านมา

ปรากฏมีข่าวเล็ดลอดออกมาก่อนหน้านี้ว่า “หมอมิ้ง” นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ฉายา “นายกฯ น้อย” ปิดห้องคุย นายฉัตรชัย บางชวด รองเลขาฯ สมช. ตัวเต็งคนในให้ยอมหลีกทาง

จนเกิดกระแสเห็นใจข้าราชการ สมช. เพราะตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี คนในไม่ได้ขึ้นเบอร์ 1 เลย

ว่ากันว่าเป็นการเยียวยาแคนดิเดต ผบ.ตร.คนที่ 14 ในฐานะอาวุโสสูงสุดอันดับ 1 แต่พลาดเก้าอี้ “พิทักษ์ 1”

เพราะนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน ก.ตร. ชงชื่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. อาวุโสอันดับ 4 ให้ “บอร์ดตำรวจ” เคาะ จนมีมติ 9:1 ให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ผงาดขึ้น ผบ.ตร.คนที่ 14

สำหรับโปรไฟล์ พล.ต.อ.รอย มีความโดดเด่นเป็นลูกหม้อสันติบาล แล้วไต่เต้ามาเรื่อยๆ จนขึ้นเป็นผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล ทำให้มีพื้นฐานสำคัญต่อการเดินหน้างานใหม่ที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นอย่างยิ่ง

ระหว่างนี้ต้องรอขั้นตอนกฎหมายให้เสร็จก่อนแล้วถึงนำชื่อเข้าที่ประชุม ครม.ให้ไฟเขียว

 

ดังนั้น เก้าอี้รอง ผบ.ตร.จะว่าง 1 ตำแหน่ง เป็นคิว พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. นรต.รุ่น 39 เกษียณอายุราชการปี 2568 แล้วจะเป็นแคนดิเดต ผบ.ตร.คนที่ 15 ทันที

ถึงแม้จะเป็นรอง ผบ.ตร.อาวุโสรั้งท้ายสุด แต่พระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 เปิดช่องให้

เพราะการแต่งตั้ง ผบ.ตร. ไม่จำเป็นต้องยึดอาวุโสเป็นหลัก ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีจะหยิบชื่อเสนอให้ที่ประชุม ก.ตร.พิจารณาลงมติ

ความโดดเด่นของ “บิ๊กจวบ” คือเป็นที่ไว้ใจของคนที่ชั้น 14 จากความเป็นคนเหนือด้วยกัน เกิดเมืองแพร่ เติบโตจากนายตำรวจภาคเหนือจนถึงระดับ ผบช.ภ.5 แล้วขึ้นผู้ช่วย ผบ.ตร.

สปอตไลต์ส่องเมื่อครั้งได้รับมอบภารกิจรับตัวนายทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนที่ 23 เดินทางกลับจากต่างประเทศมารับโทษที่เมืองไทยตามคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ปรากฏว่า “มิชชั่นคอมพลีต”

 

เมื่อบิ๊กจวบขยับขึ้น ส่งผลให้ผู้ช่วย ผบ.ตร.ว่าง

ลำดับอาวุโส ผบช.คนถัดไปคือ “บิ๊กเจ้า” พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. นรต.40 เจ้าของรหัส “น.1” ขณะนี้สมัครเข้ารับการสรรหาเป็น ป.ป.ช.ด้วย ซึ่งการสมัครไม่จำเป็นต้องลาออกจากราชการ มีอีกหลายขั้นตอนกว่าจะทราบผล

ดังนั้น “แม่ทัพนครบาล” เป็นอีกตำแหน่งที่ต้องจับมอง ขณะนี้มีข่าวว่า “บิ๊กต่อ” จะโยก “บิ๊กเปีย” พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม นรต.42 รรก.ผบช.ภ.2 มานั่งแทน เพราะเชื่อมือ

หรืออีกตัวเลือกหนึ่งที่แม่ทัพสีกากีไว้ใจ คือ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ นรต.46 ผบช.กมค.รรท.ผบช.สพฐ.ตร. ผู้ที่นำหมายค้นเข้าตรวจสอบบ้านพัก “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล นรต.47 รอง ผบ.ตร. ภายในหมู่บ้าน ซอยวิภาวดี 60 หลังสโมสรตำรวจ หลังพบคนใกล้ชิดมีส่วนเกี่ยวข้อง พ.ร.บ.การพนัน

ทั้ง พล.ต.ท.สมประสงค์ และ พล.ต.ท.ไตรรงค์ เคยผ่านตำแหน่งรอง ผบช.น.มาทั้งคู่

ฉะนั้น จึงขึ้นอยู่กับ “บิ๊กต่อ” ว่าจะเสนอให้มีการประชุม ก.ตร.เลยหรือไม่ ถ้ายังไม่เสนอก็สามารถให้แต่ละตำแหน่งรักษาราชการแทนไปก่อน รอไปจนถึงเดือนเมษายนปีหน้า วาระแต่งตั้งโยกย้ายกลางปี 2567 เลยก็ได้

แต่เชื่อว่า “บิ๊กต่อ” เลือกชอยส์แรกเกิดประโยชน์มากกว่า

ณ เวลานี้เมื่อมีข่าวว่าจะแต่งตั้งโยกย้าย ทำให้บรรยากาศกรมปทุมวันมีความคึกคักยิ่งนัก

สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj

— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022