‘ที่แคบๆ’

ม.ล.ปริญญากร วรวรรณ
กวาง - กวางมีสัญชาตญาณในการระวังภัยดี ทั้งการรับกลิ่นและสายตา พวกมันสัมผัสกับสิ่งแปลกปลอมได้เสมอ ไม่ว่าซุ้มบังไพรจะมิดชิดเพียงไร

ปลายเดือนตุลาคม

หลังจากทิ้งช่วงไปนานร่วมสองสัปดาห์ ตั้งแต่บ่ายของเมื่อสามวันก่อน ฝนก็ตกลงมาอีก และครั้งนี้ดูเหมือนจะเป็นการตกแบบ “สั่งลา” เพราะฝนหนักราวกับจะไม่มีวันหยุด ท้องฟ้ามืดครึ้ม สภาพอากาศตอนบ่ายซึ่งร้อนอบอ้าว เปลี่ยนเป็นคล้ายอากาศในช่วงฤดูหนาว

ตอนเย็นวันที่สามฝนเบาบางลงบ้าง และขาดเม็ดไปในตอนดึก

เช้ามืดสายหมอกหนาปกคลุมเหนือลำห้วย ผมเดินทวนสายน้ำขึ้นไปสัก 300 เมตรก่อน ข้ามลำห้วยไปอีกฝั่ง และเดินไปตามด่านที่มีร่องรอยช้างฝูง พวกมันขี้ไว้ตามทาง

ขี้ก้อนเล็กๆ ทำให้รู้ว่า ในฝูงมีช้างน้อยอยู่ด้วย ท่ามกลางรอยและขี้ช้าง มีรอยเสือโคร่งเดินตาม

ขณะในฝูงช้างมีลูกเล็ก ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เสือโคร่งจะติดตามหรือวนเวียนอยู่ไม่ไกล ลูกช้างคือเป้าหมายของมัน

งานนี้ของเสือโคร่งไม่ใช่เรื่องง่ายหรอก ลูกช้างได้รับการปกป้องดูแลจากแม่และพี่เลี้ยงอย่างดี การติดตามอย่างใกล้ชิดรอเวลาให้แม่และพี่เลี้ยงเผลอ ทำให้พี่เลี้ยงหงุดหงิด และพร้อมโจมตีกลับ

โดยประสบการณ์ของผม เชื่อว่าในป่าไม่มีสัตว์ร้าย ป่าไม่มีจอมโหดที่คอยโอกาสที่จะเข้าโจมตีคน

ช้าง เสือ หรือเหล่านักล่าตัวอื่นๆ ส่วนใหญ่จะหลบไปทันทีที่ได้กลิ่นคน

แต่ถึงวันนี้ มีสัตว์ป่วยจำนวนไม่น้อย ซึ่งกำลังเครียด หลายตัวมีประสบการณ์เจ็บปวดกับคน

และสัตว์ป่วยเหล่านี้ ไม่รีรอที่จะเข้าโจมตีเมื่อพบเจอคน ไม่ว่าคนนั้นจะสวมเสื้อผ้าอะไร หรือถืออะไรอยู่ในมือ

 

ร่องรอยช้างที่มีลูกเล็ก ทำให้ผมเดินอย่างระมัดระวัง ถ้าพวกมันกำลังหงุดหงิด เป็นไปได้ที่ผมจะพบกับอาการก้าวร้าว หากเราพบกันอย่างกระชั้นชิด

ถ้าพลาดท่า สำหรับผม นั่นคืออุบัติเหตุ เป็นอุบัติเหตุอันเกิดขึ้นได้เสมอในป่า แม้สัตว์กินพืชอย่างเก้ง กวาง พวกมันไม่ลังเลที่จะวิ่งสวนออกมาถ้าถูกติดตามจนหมดหนทางไป บางครั้งการหนีอย่างตื่นตระหนกวิ่งตรงมาทิศทางที่เราอยู่ ไม่ได้แปลว่าเป็นอาการของความดุร้าย

การทำความรู้จักซึ่งกันและกัน จำเป็น

แต่สิ่งสำคัญยิ่งกว่านั้น ดูเหมือนว่า กับสัตว์ป่า เวลาที่คิดถึงพวกมัน คงต้องใช้หัวใจแทนสมอง

กวาง – กวางมีสัญชาตญาณในการระวังภัยดี ทั้งการรับกลิ่นและสายตา พวกมันสัมผัสกับสิ่งแปลกปลอมได้เสมอ ไม่ว่าซุ้มบังไพรจะมิดชิดเพียงไร

จากแคมป์มาราวหนึ่งชั่วโมง ด้านซ้ายมือเป็นซอกเขา มีลำห้วยสายย่อยที่ไหลลงมาสมทบกับลำห้วยสายใหญ่ ผมเดินเลาะมาตามลำห้วยสายเล็ก

ดินบนด่านแฉะ รอยตีนช้างมีน้ำขัง รอยวัวแดง และกระทิงเดินเข้าออก มีทั้งรอยเก่าๆ และใหม่เหมือนเพิ่งผ่านไปตอนเช้ามืด

ผมผ่านป่าไผ่ เข้าสู่ป่าเต็งรัง ลำห้วยมีก้อนหินระเกะระกะ

ผมหยุดเดินเมื่อฝูงนกเขาเปล้า ที่เกาะบนกิ่งมะขามป้อมบินพรูออกไป และค่อยๆ เดินต่อเมื่อได้ยินเสียงเหยี่ยวรุ้ง นกเขาเปล้าไม่ได้ตื่นผม นกตื่นเพราะเหยี่ยวรุ้งตัวนั้น

หยุดเดินอีกครั้ง ที่โล่งๆ ปรากฏเบื้องหน้า

ตรงกลางที่โล่ง มีแอ่งน้ำซับ กระทิงกว่าสิบตัวกำลังก้มกิน ตัวหนึ่งเงยหน้ามองมาทางผม มันได้กลิ่นคนแล้ว

ผมทรุดตัวลงนั่ง

กระทิงทุกตัวเงยหน้า หันมองไปมา เงยหน้าสูดกลิ่นอย่างระแวง สักพักก็ค่อยๆ ทยอยเดินกลับเข้าไปในป่า

“ขอโทษครับ” ผมรู้สึกผิด เป็นเช่นนี้ทุกครั้งที่ผมทำให้สัตว์ต้องตื่นหนี

แต่เชื่อว่า สักพัก เมื่อลมเปลี่ยนทิศ พวกมันจะกลับลงมาใหม่

ผมหาทำเลตั้งซุ้มบังไพร ในตำแหน่งอันอยู่ใต้ลมและไกลจากด่านพอสมควร ผมหวังว่า ซุ้มบังไพรที่ปิดมิดชิดคงช่วยได้บ้าง

 

ผมเดินกลับไปตามด่าน หันกลับมาดูตรงตำแหน่งที่ซุ้มบังไพรตั้งอยู่ มันค่อนข้างกลมกลืน

พรุ่งนี้ และอีกหลายวันผมจะอยู่ในที่แคบๆ อันนั้น

เวลาของชีวิตส่วนใหญ่ที่ผ่านมาของผมเป็นเช่นนี้

เฝ้ารออยู่ใน “ที่แคบๆ” ที่แคบ อันทำให้รู้ว่า ป่าที่รายล้อมอยู่เบื้องนอกกว้างใหญ่เพียงไร

ใหญ่จนกระทั่งที่แคบๆ ที่ผมอยู่นั้นเป็นเพียงจุดเล็กๆ กระทั่งสังเกตแทบไม่เห็น… •

 

บรรยายภาพ

กวาง – กวางมีสัญชาตญาณในการระวังภัยดี ทั้งการรับกลิ่นและสายตา พวกมันสัมผัสกับสิ่งแปลกปลอมได้เสมอ ไม่ว่าซุ้มบังไพรจะมิดชิดเพียงไร

 

หลังเลนส์ในดงลึก | ปริญญากร วรวรรณ