เปิดเบื้องลึกใบสั่ง เปลี่ยนตัว ‘บิ๊ก สกร.’ กับสารพัดปัญหารอทางออก…

ทําเอามึนกันไปทั้งวังจันทรเกษม หลังนายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ลงนามคำสั่งแต่งตั้งนายธนากร ดอนเหนือ ผู้ตรวจราชการ ศธ. รักษาราชการแทนอธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้ (สกร.) แทนว่าที่เรือตรีชูชีพ อรุณเหลือง รองอธิบดี สกร. ซึ่งเคยรักษาราชการแทนอธิบดี สกร.

เซ็นตั้งนายธนากร วันที่ 16 ตุลาคม เพียงข้ามคืน เย็นวันที่ 17 ตุลาคม สั่งคืนตำแหน่งเดิม และเซ็นคำสั่งย้าย ว่าที่ ร.อ.วิสาร ปัญญชุณห์ รองศึกษาธิการภาค (ศธภ.) 10 ไปดำรงตำแหน่งรองอธิบดี สกร.

ยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งนายธนากร รักษาราชการแทนอธิบดี สกร. และให้ ว่าที่ ร.อ.วิสาร ม้ามืดเสียบ เป็นรักษาราชการแทนอธิบดี สกร.

เรียกว่า ยังไม่ทันที่นายธนากรจะได้เข้าทำงานก็ถูกสอยลงกลางอากาศ แบบไม่ทันรู้ตัว…

 

แน่นอนว่า คำสั่งตั้งและย้ายข้ามคืนครั้งนี้ สร้างความมึนงงให้กับคนใน ศธ. โดยเฉพาะบุคลากรภายใน สกร. เพราะเพิ่งจะแสดงความยินดีกับนายธนากรไปยังไม่ครบ 24 ชั่วโมง!

โดยนายสุเทพอธิบายเหตุผลการออกคำสั่งย้ายสายฟ้าแลบครั้งนี้ว่า หลังแต่งตั้งนายธนากร ให้ไปรักษาราชการแทนอธิบดี สกร. แล้วก็ได้มาวิเคราะห์แนวทางการดำเนินงานต่างๆ ในภาพรวม ซึ่งพบว่า สกร.มีความจำเป็นต้องขับเคลื่อนการทำงานต่างๆ อย่างรวดเร็ว เพราะเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านที่ต้องมีการวางระบบภายใน รวมถึงตัวกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง

ดังนั้น จึงคิดว่า ถ้ารักษาราชการแทนอธิบดี สกร. ทำงานสองตำแหน่ง ก็อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ จึงได้หารือกับ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการ ศธ. ว่าถ้าจะขับเคลื่อนงานภายใน สกร.ให้ได้ประสิทธิภาพเต็ม 100 ผู้ที่มานั่งรักษาราชการแทนอธิบดี สกร. ควรขาดจากตำแหน่งเดิม

“ว่าที่ ร.อ.วิสาร ถือว่ามีความเหมาะสม เพราะเคยเป็นผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) เป็นศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) และล่าสุดเป็นรอง ศธภ. มีประสบการณ์ทำงานเชิงพื้นที่ เชื่อว่าจะสามารถนำความรู้ความสามารถ มาประยุกต์ใช้ในการบริหาร สกร.ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนนายธนากร ก็ให้กลับไปปฏิบัติหน้าที่ผู้ตรวจราชการ ศธ. เพียงตำแหน่งเดียว

อย่างไรก็ตาม ก่อนจะออกคำสั่งดังกล่าว ได้มีการพูดคุยกับนายธนากรแล้ว ซึ่งตัวนายธนากรเองก็ไม่ได้มีประเด็นปัญหาอะไร และยังคงเป็นหนึ่งในทีมงานที่จะช่วยขับเคลื่อนงาน สกร.เช่นเดิม ส่วนตัวผมไม่กังวล ถือเป็นเรื่องดีที่ได้คนที่เป็นกลาง และทำงานได้เต็มตัว 100% มาทำงานตรงนี้” นายสุเทพกล่าว

 

เท่ากับว่าขณะนี้ สกร.มีรองอธิบดีที่จะมาช่วยขับเคลื่อนงาน 2 คน คือ ว่าที่เรือตรีชูชีพ อรุณเหลือง และ ร.อ.วิสาร ควบตำแหน่งรักษาราชการแทนอธิบดี สกร. ส่วนตำแหน่งอธิบดี สกร.ตัวจริงนั้น เป็นอำนาจของรัฐมนตรีว่าการ ศธ.จะพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไร ระหว่างนี้ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ได้ย้ำให้เร่งดำเนินการในเรื่องโครงสร้าง เพราะขณะนี้ สกร.ยังไม่มีโครงสร้างมารองรับ ยังคงดำเนินงานภายใต้กรอบอัตรากำลังของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) เดิม ซึ่งอาจส่งผลกระทบเรื่องข้อกฎหมาย ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาพอสมควร…

เท่าที่ฟังเหตุผลของนายสุเทพ อาจจะดูไม่เข้าทีนัก เพราะถ้าดูตามความเหมาะสมแล้ว นายธนากร ถือว่ามีภาษีดีกว่า ทั้งความเป็นเป็นลูกหม้อ กศน. 100% ประสบการณ์บริหารงานเชิงพื้นที่คงไม่ต้องพูดถึง เพราะกว่าจะไต่เต้าขึ้นตำแหน่งบริหารได้ แน่นอนว่า ต้องผ่านงานมาไม่น้อย…

ขณะที่ ว่าที่ ร.อ.วิสาร เป็นลูกหม้อสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) มีความเชี่ยวชาญงานเชิงพื้นที่ ก่อนย้ายมาสังกัดสำนักงานปลัด ศธ. และได้รับแต่งตั้งให้เป็นรอง ศธภ.10 ก่อนได้รับคำสั่งด่วนพิเศษ ให้มาเป็นรองอธิบดี สกร. รักษาราชการแทนอธิบดี สกร.

จะดูอย่างไรก็เหมือนผิดฝาผิดตัวไปหมด แต่ถ้ามองในแง่การบริหารงาน ในสภาวะที่ สกร.เองยังมีสารพัดปัญหาคุกรุ่นให้แก้ไข การดึงคนนอกที่เป็นกลางเข้าไปทำหน้าที่ ก็อาจส่งผลดีมากกว่าร้าย…

 

จะเหตุผลอะไรก็ตาม เชื่อว่าสาเหตุการเปลี่ยนตัว “บิ๊ก สกร.” ข้ามคืนครั้งนี้ คงไม่ใช่เรื่องความเหมาะสมเพียงอย่างเดียว เพราะระดับปลัด ศธ. ก่อนเสนอตั้งใคร คงมีการตรวจสอบประวัติผลงาน พร้อมดูความเหมาะสมมาอย่างถี่ถ้วน ก่อนเสนอให้รัฐมนตรีว่าการ ศธ.ไฟเขียว

เพราะโดยหลักการเสนอเรื่องเดิม ซ้ำซ้อนให้เสมา 1 พิจารณาใหม่ คงไม่ทำให้เป็นที่น่าพอใจมากนัก!

ส่วน “ใบสั่ง” เปลี่ยนตัวครั้งนี้จะมาจากใครนั้น ก็คงต้องละไว้ในฐานที่เข้าใจต่อไป…

เพราะปัญหาภายใน สกร.เองก็มากมาย โดยก่อนที่จะมีการตั้งว่าที่ ร.อ.วิสาร เป็นรองอธิบดี สกร. เพิ่มเข้าไปนั้น สกร.มีว่าที่เรือตรีชูชีพ เป็นรองอธิบดี สกร. บริหารงานอยู่คนเดียว ส่วนรองอธิบดี สกร.อีก 2 คนเกษียณอายุราชการไปแล้วเมื่อวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา ดังนั้น ภาระงานของ สกร.เองก็หนักหนาสาหัส

ประกอบกับเป็นช่วงของการปรับเปลี่ยนจาก กศน. เป็น สกร. จึงจะต้องให้มีคนเข้ามาช่วยในเรื่องการบริหารงาน เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพ ส่วนกรณีที่มีการตั้งคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริง อดีตผู้บริหาร สกร.กรณีมีข้อร้องเรียนนั้น

ล่าสุด นายสุเทพยืนยันว่า ให้ดำเนินการต่อเนื่อง เพราะคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริง ชุดที่นายอรรถพล สังขวาสี เลขาธิการสภาการศึกษา อดีตปลัด ศธ.ตั้งไว้ ก็ถือว่ามีผลตามกฎหมาย จึงให้ดำเนินการตามกรอบและวิธีการดำเนินการทางวินัย

คงต้องรอดูอย่างไม่กะพริบตาว่า สกร.จากนี้จะมีเรื่องระทึกอะไรให้ติดตามกันต่อเนื่อง

เชื่อว่ายังไม่จบแค่นี้แน่นอน… •

 

| การศึกษา