วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย เสถียร จันทิมาธร / ไมตรี อินทรี อัปลักษณ์ (118)

เสถียร จันทิมาธร

วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย/เสถียร จันทิมาธร

ไมตรี อินทรี อัปลักษณ์ (118)

เช้าของอีกวันต่อมา จำลอง พิศนาคะ บรรยายว่า เมื่อเอี้ยก่วยตื่นนอน นกอินทรีประหลาดก็คาบเอาผลไม้ 7-8 ผลมาวางไว้อยู่ที่ข้างกาย รับประทานเพียงผลละคำแล้วนั่งสงบพักผ่อนพลางเดินกำลังลมปราณอยู่ไปมา

ตามปกติลมปราณย่อมไม่สามารถที่จะเดินไปสู่ตามจุดเส้นสำคัญทุกแห่งในร่างได้อย่างง่ายดาย แต่ครั้นในเวลานี้ก็สามารถที่จะแล่นแผ่ซ่านไปที่จุดสำคัญทุกแห่งโดยปราศจากการติดขัด

เช่นเดียวกับสำนวนแปล น.นพรัตน์

อินทรีวิเศษคาบลูกกลมเหม็นคาวสีม่วงเข้ม 3 ลูกมาวางที่ข้างกาย เอี้ยก่วยพิจารณาโดยละเอียด ที่แท้เป็นถุงดีของสัตว์

นี่ย่อมตรงกับสำนวนแปล ว. ณ เมืองลุง

อินทรีแสนรู้คาบลูกกลมๆ สีม่วงคล้ำมีกลิ่นคาวฉุนเฉียวมาไว้ข้างกาย เอี้ยก่วยพิจารณาดู ที่แท้เป็นดีของเดียรัจฉาน

นี่คือจุดต่างอย่างมีนัยสำคัญ

จำลอง พิศนาคะ ระบุอย่างแน่ชัดว่าเป็น “ผลไม้” น.นพรัตน์ กับ ว.ณ เมืองลุง ระบุว่าเป็นดีของสัตว์

ตรงนี้เองนำไปสู่จินตนาการอันกว้างไกล

น.นพรัตน์ เอี้ยก่วยพิจารณาโดยละเอียด ที่แท้เป็นถุงดีของสัตว์ หวนนึกถึงตอนแรกพบอินทรีวิเศษมันเคยจิกกินงูพิษและต่อสู้กับงูเหลือมยักษ์ คาดว่านี่คงเป็นดีงู

จากนั้นครุ่นคิดไม่ทราบว่าดีงูมีพิษร้ายหรือไม่

แต่เมื่อคืนรับประทานลงไปบังเกิดความคึกคักเข้มแข็ง เรี่ยวแรงเพิ่มพูนทวีคูณ จะอย่างไรภายในร่างมีพิษของดอกรักกับเข็มเงินน้ำแข็งเย็น ไม่ต้องสนใจมากความ ดังนั้น รับประทานคำละลูกค่อยนั่งโคจรพลังอย่างสงบ

พริบตานั้นจุดชีพจรที่ยามปรกติพลังลมปราณยากบรรลุถึงกลับปลอดโปร่งไม่ติดขัด สร้างความยินดียิ่งส่งเสียงร้องออกมา

ความจริงขณะที่นั่งโคจรพลังถือสาสมาธิวอกแวก ความรู้สึกที่สุดอาดูร สุดหรรษา ยิ่งเป็นภัยอันตราย แต่ยามนี้เอี้ยก่วยโห่ร้องด้วยความยินดี กำลังภายในยังโคจรหมุนเวียนหามีอุปสรรคขัดข้องไม่ เท่ากับว่าที่เคยติดขัดกลับไม่ติดขัด

สำนวน ว. ณ เมืองลุง บรรยายว่า นั่งโคจรลมปราณ ทันใดนั้นตามจุดเส้นชีพจรที่ปกติลมปราณยากจะชำแรกผ่านถึงกลับปลอดโปร่งไม่มีสะดุดเลยสักแห่ง ทั้งๆ ที่ภายในยังมีพิษดอกรักและพิษเข็มขวัญน้ำแข็งอยู่

นับเป็นปรากฏการณ์ที่สุดพิสดารจริงๆ

ไม่ว่าจะเรียกว่าเป็น “ผลไม้” ไม่ว่าจะเรียกว่า “ดี” ของงู แต่สิ่งนี้มีผลกับเอี้ยก่วยเป็นอย่างสูง ไม่เพียงแต่ทำให้การเดินกำลังภายในเป็นไปอย่างปลอดโปร่ง

หากที่สำคัญ พิษดอกรัก หรือพิษเข็มขวัญน้ำแข็งก็ไม่มีผลสะเทือน

ห้วงเวลาที่เอี้ยก่วยใช้ชีวิตอยู่ในหุบเขาร้างอันเป็นที่ฝังศพต๊กโกวคิ้วป่ายจึงเป็นห้วงเวลาอันทรงความหมายยิ่ง

1 เอี้ยก่วยได้ฝึกปรือวิทยายุทธ์โดยมีอินทรีอัปลักษณ์เป็นคู่มือ

ความวิเศษเป็นอย่างมากก็คือ อินทรีอัปลักษณ์น่าจะเคยเป็นคู่มือในการซักซ้อมวิทยายุทธ์กับต๊กโกวคิ้วป่ายมาก่อน

จึงเท่ากับว่าเอี้ยก่วยร่ำเรียนกับตัวแทนของต๊กโกวคิ้วป่าย

ขณะเดียวกัน 1 เอี้ยก่วยได้ประสานวิทยายุทธ์ของตนโดยอาศัย “ธรรมชาติ” มาเป็นคู่มืออย่างทรงความหมายยิ่ง โดยมีอินทรีอัปลักษณ์เป็นผู้ผลักดันและชี้แนะ

แท้จริงแล้วไม่ว่าหุบเขารกร้าง ไม่ว่าอินทรีอัปลักษณ์ ไม่ว่าถ้ำผาและน้ำตก ตลอดจนสายพิรุณที่พรั่งพรูลงมาล้วนเป็นธรรมชาติ

ธรรมชาติอันเป็นมารดาแห่งสรรพสิ่ง

การทำความเข้าใจต่อกระบวนท่าที่เอี้ยก่วยได้รับการสอนสั่งชี้แนะจากอินทรีอัปลักษณ์จึงมีบทบาทและทรงความหมาย

จำเป็นต้องทำความเข้าใจโดยละเอียด

เพราะว่าห้วงเวลาอันทรงความหมายนี้ได้ยกระดับและหล่อหลอมเอี้ยก่วยให้ค่อยๆ กลายเป็นคนใหม่ขึ้นมา

แขนที่เหลือเพียงข้างเดียวจึงมิได้เป็นอุปสรรค