ยานยนต์ สุดสัปดาห์ / เจาะสเป๊กความแรง ‘2 รถสปอร์ต’ Mercedes-AMG ‘GT R’ – ‘GT C’

สันติ จิรพรพนิต

ยานยนต์ สุดสัปดาห์
สันติ จิรพรพนิต
[email protected]

เจาะสเป๊กความแรง ‘2 รถสปอร์ต’
Mercedes-AMG ‘GT R’ – ‘GT C’

หลังจากค่ายดาวสามแฉก “เมอร์เซเดส-เบนซ์” ปล่อยรถตลาดสารพัดรุ่นออกมา พร้อมทุ่มน้ำหนักไปยังกลุ่มปลั๊กอินไฮบริด หรือรถพลังงาน 2 ระบบไฟฟ้า+น้ำมัน และสามารถชาร์จไฟได้ด้วยการเสียบปลั๊ก
แต่กระนั้นก็ไม่ลืมรถแรงในเซ็กเมนต์ จึงเมื่อเวลาที่เหมาะสมจัดการปล่อย 2 รุ่นจี๊ดออกมาพร้อมๆ กัน
“Mercedes-AMG GT R” และ “Mercedes-AMG GT C”
พะยี่ห้อ “AMG” ชัดเจนว่าแสดงถึงตัวแรงและตัวแต่งของค่ายนี้
เริ่มจาก “Mercedes-AMG GT R” สมาชิกใหม่ของรถสปอร์ตตระกูล AMG GT และเป็นรถสปอร์ตรุ่นแรกของเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมอันล้ำสมัยของรถแข่งมาประยุกต์ใช้
ดีไซน์ภายนอกสะท้อนปรัชญาการออกแบบ Sensual Purity กระจังหน้าแบบ AMG Panamericana (เอเอ็มจีแพนอเมริกาน่า) ที่ยื่นออกไปคล้ายจมูกฉลามช่วยลดแรงกดที่ด้านหลังตัวรถ ส่งผลให้การไหลเวียนของอากาศขณะรถเคลื่อนที่ดีขึ้น
อีกทั้งยังประกอบด้วยวัสดุบังคับลมชุบโครเมียม 15 ซี่เช่นเดียวกับรถแข่งรุ่น Mercedes-AMG GT 3
ล้ออัลลอยแบบ AMG Performance (เอเอ็มจีเพอร์ฟอร์มานซ์) น้ำหนักเบา ช่วยประหยัดพลังงาน และทำให้ระบบช่วงล่างและการหมุนพวงมาลัยเป็นไปอย่างราบรื่นและแม่นยำ
นอกจากนั้น ยังมีหลังคารถที่ผลิตจากวัสดุคาร์บอน เสริมให้ตัวรถมีสีสันตัดกันสวยงาม พร้อมติดระบบเบรกแบบ AMG high-performance composite brake สีเหลืองที่เป็นสีพิเศษสำหรับรถยนต์รุ่นนี้โดยเฉพาะ

ดีไซน์ภายใน เบาะที่นั่งถูกปรับให้ต่ำลงเพื่อให้ผู้ขับขี่รู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับตัวรถ เป็นเบาะที่นั่งแบบ AMG Sports Bucket (เอเอ็มจีสปอร์ตบักเก็ต) หุ้มด้วยหนัง Nappa และเส้นใย DINAMICA Microfibre ช่วยปกป้องลำตัวด้านข้างได้ดีแม้ขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูง
หรือหากใครไม่ชอบและอยากดูสปอร์ตเข้าไปอีก สามารถเลือกติดตั้งเบาะที่นั่งแบบเอเอ็มจีเพอร์ฟอร์มานซ์ และอุปกรณ์เสริมต่างๆ เช่น ชุดเข็มขัดนิรภัยสีเหลือง ชุดแผงหน้าปัดสีเหลือง หรือชุดแต่งห้องโดยสาร AMG Interior Piano Lacquer (เอเอ็มจีอินทีเรียร์เปียโนแล็กเกอร์)
ส่วนชุดแต่ง AMG Interior Night (เอเอ็มจีอินทีเรียร์ไนต์) ชุดแต่งมาตรฐานของรถยนต์รุ่นนี้ ทั้งพวงมาลัยและเกียร์จะชุบสีดำเงาทั้งหมด, แผงหน้าปัดกว้าง สื่อถึงเอกลักษณ์ของงานออกแบบอากาศยาน, แผงควบคุมตรงกลางมีลักษณะคล้ายกับท่อรับอากาศแบบนาคา (NACA air intake) ที่นิยมใช้กับเครื่องบิน และมีช่องลมของเครื่องปรับอากาศ 4 ช่องที่ดูคล้ายสปอตไลต์
ระบบกันสะเทือนออกแบบมาเพื่อใช้กับรถยนต์รุ่นนี้โดยเฉพาะ ทำงานร่วมกับระบบ AMG RIDE CONTROL (เอเอ็มจีไรด์คอนโทรล) ด้วยการใช้โครงสร้างปีกนกสองชั้นเพื่อรักษาสมดุลของล้อ และติดสปริงไว้ด้านบน
ใช้นวัตกรรม AMG Lightweight Performance (เอเอ็มจีไลต์เวตเพอร์ฟอร์มานซ์) ที่เลือกสรรวัสดุน้ำหนักเบามาใช้ในการผลิต ทำให้โครงสร้างของรถมีน้ำหนักเบา ความยืดหยุ่นสูง แต่แข็งแกร่งและสามารถกระจายแรงได้เป็นอย่างดี
ระบบควบคุมการยึดเกาะเอเอ็มจีแบบ 9 ระดับ หรือ AMG TRACTION CONTROL สามารถจำลองค่าแรงเสียดทานภายในระยะเวลาเพียงเสี้ยววินาทีเพื่อเตรียมระบบต่างๆ ของรถให้สอดคล้องกับสภาพพื้นถนน โดยมีกลไกชุดหม้อเพลาท้ายรถแบบ LSD เป็นตัวช่วย
ขุมพลังแรงจัดด้วยเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ 3,982 ซีซี กำลังสูงสุด 585 แรงม้า ที่ 6,250 รอบต่อนาที แรงบิด 700 นิวตัน-เมตร ที่ 1,900-5,500 รอบต่อนาที ระบบเกียร์แบบคลัตช์คู่ 7 สปีด
อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง 3.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 318 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ราคาเริ่มต้นที่ 17,400,000 บาท

ส่วนรุ่นรองลงมาคือ “Mercedes-AMG GT C” เป็นรถยนต์โรดสเตอร์ที่มีสมรรถนะดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของเมอร์เซเดส-เอเอ็มจี
กระจังหน้าแบบเอเอ็มจีแพนอเมริกาน่า มีวัสดุบังคับลมชุบโครเมียม 15 ซี่เช่นเดียวกับรถแข่งรุ่น Mercedes-AMG GT 3 ฝากระโปรงหน้ายาวและทรงพลัง ทำให้รถดูกว้างขวาง อีกทั้งยังมีช่องรับอากาศที่กว้าง ช่วยให้อากาศไหลผ่านเข้าสู่ระบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ได้ดียิ่งขึ้น
ภายนอกเสริมสปอยเลอร์หลังที่ใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับการขับขี่ในสนามแข่งรถยนต์ที่มีช่องทางวิ่งกว้าง ล้อหลังปรับให้ใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับนวัตกรรมต่างๆ ที่เพลาหลัง และเพิ่มประสิทธิภาพขณะเข้าโค้งและเสริมการยึดเกาะ
ช่องรับอากาศนี้สามารถเปิดหรือปิดตัวเองได้อัตโนมัติ ตามความเร็วของรถยนต์ที่ผู้ขับขี่กำหนดเอง นอกจากนั้น ยังมีหลังคาผ้าใบ 3 ชั้นที่มีผิวสัมผัสนุ่ม มีโครงสร้างเป็นโลหะผสมแมกนีเซียมและอะลูมิเนียมที่มีน้ำหนักเบา
สามารถกางเปิดหรือเลื่อนปิดได้อัตโนมัติภายในเวลา 11 วินาที ใช้งานได้แม้ขณะรถวิ่งที่ความเร็วสูงสุดไม่เกิน 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ภายในมาพร้อมกับเบาะหนัง Nappa ที่อยู่ต่ำเพื่อช่วยโอบล้อมผู้ขับขี่ให้รู้สึกราวกับอยู่ในรถแข่ง พวงมาลัยเอเอ็มจีเพอร์ฟอร์มานซ์หุ้มหนัง Nappa และ เส้นใย DINAMICA Microfibre
สร้างความโดดเด่นให้มากยิ่งขึ้นด้วยชุดเบาะเสริมแบบเอเอ็มจีเพอร์ฟอร์มานซ์ ที่สามารถปกป้องร่างกายของผู้ขับขี่และผู้โดยสารทั้งด้านหน้าและด้านหลังได้มากขึ้น เสริมด้วยวัสดุเพื่อความนุ่มสบายที่ด้านข้างมากกว่าเบาะที่นั่งแบบมาตรฐาน
ติดตั้งระบบให้ความอบอุ่นบริเวณช่วงคอแบบแอร์สคาร์ฟ (AIRSCARF) และระบบทำความเย็นให้กับเบาะสำหรับการขับขี่แบบเปิดประทุนทั้งในฤดูร้อนและฤดูหนาว ปรับเลือกอุณหภูมิของระบบทำความร้อนและความเย็นได้ 3 ระดับ
แผงหน้าปัดกว้าง ทำให้ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารรู้สึกราวกับถูกโอบล้อมด้วยปีกนก และห้องโดยสารที่สามารถเปลี่ยนสีได้หลากหลาย

ความปลอดภัยและเทคโนโลยี ฝากระโปรงหน้าผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์และวัสดุ SMC (Sheet Moulding Compound) พัฒนาขึ้นเป็นพิเศษโดยทีมงานของ Mercedes-Benz TEC (เมอร์เซเดส-เบนซ์ ทีอีซี) และผู้เชี่ยวชาญของเอเอ็มจี ทำให้ฝากระโปรงรถมีน้ำหนักเบา แต่ยังคงไว้ซึ่งความทนทานและแข็งแรง
ช่วงล่างของทั้ง 4 ล้อมีทั้งปีกนก แกนบังคับเลี้ยว และโครงฐานคุมล้อ (hub carrier) ที่หล่อจากอะลูมิเนียมเพื่อลดน้ำหนักที่ไม่จำเป็น โดยล้อทั้ง 4 จะถูกควบคุมโดยกลไกปีกนกแบบ 2 ชั้น เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการหมุนของล้อและการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง
เครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ 3,982 ซีซี กำลังสูงสุด 557 แรงม้า ที่ 5,750-6,750 รอบต่อนาที แรงบิด 680 นิวตัน-เมตร ที่ 1,900-5,500 รอบต่อนาที ระบบเกียร์แบบคลัตช์คู่ 7 สปีด
อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง 3.7 ความเร็วสูงสุด 316 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ราคาเริ่มต้นที่ 16,800,000 บาท