8 วัตถุมงคล-ปี พ.ศ.2515 ที่ระลึกหลวงพ่อเคลือบ เทพเจ้าลุ่มน้ำสะแกกรัง

“หลวงพ่อเคลือบ สาวรธัมโม” พระเกจิชื่อดังวัดหนองกระดี่ อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี เป็นที่ทราบกันดีว่า มีวาจาสิทธิ์ พูดอย่างไรเป็นอย่างนั้น ได้รับการยกย่องว่าเป็น “เทพเจ้าลุ่มน้ำสะแกกรัง”

สร้างวัตถุมงคลเอาไว้หลายชนิด ที่สร้างเองมีตะกรุดฝาบาตรและรูปถ่าย

ส่วนวัตถุมงคลที่ได้รับความนิยม ได้แก่ วัตถุมงคลชุดปี 2515 จัดสร้างโดย พระครูอุฬารธรรมโฆษิต (สง่า จิตตสังวโร) อดีตเจ้าคณะอำเภอทัพทัน และเจ้าอาวาสวัดทัพทันวัฒนาราม อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี เพื่อนำรายได้ไปใช้ในกิจกรรมสาธารณประโยชน์และสนับสนุนการศึกษาเล่าเรียนของเยาวชน

วัตถุมงคลดังกล่าวมี 8 ชนิด ประกอบด้วย รูปปั้นหลวงพ่อเคลือบหน้าตัก 5 นิ้ว, รูปหล่อเหมือนทองเหลือง, เหรียญล็อกเกตรูปถ่ายหลวงพ่อเคลือบ บรรจุตะกรุดและผ้ายันต์ด้านหลัง, เหรียญหลวงพ่อเคลือบครึ่งตัวทรงรี เนื้ออัลปาก้าและทองแดงรมดำ ด้านหลังมียันต์ประจำตัวของท่าน, ธงยันต์อักขระ, ธงยันต์นางกวัก, ผ้ายันต์อักขระและผ้ายันต์นางกวัก

ประกอบพิธีมงคลปลุกเสก เหรียญหลวงพ่อเคลือบ วัตถุมงคลดังกล่าว จัดพิธีบวงสรวงอัญเชิญดวงวิญญาณหลวงพ่อเคลือบ โดยพราหมณ์ประกอบพิธีที่วัดหนองกระดี่ อ.ทัพทัน เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2515 เวลา 07.00-09.00 น. ตรงกับวันแรม 13 ค่ำ เดือน 5

เหรียญหลวงพ่อเคลือบ

ครั้นเสร็จพิธีแล้ว จัดตั้งขบวนแห่รูปปั้นจากวัดหนองกระดี่ ไปยังวัดทัพทันวัฒนาราม โดยรถยนต์ จักรยานยนต์ และช้าง 10 เชือก จัดงานสมโภช 3 วัน 3 คืน เวลา 15.19 น. วันที่ 11 เมษายน 2515 ประกอบพิธีนั่งปรก โดยพระคณาจารย์ผู้ทรงธรรมในด้านวิปัสสนาธุระ และพระคณาจารย์ผู้เชี่ยวชาญในด้านวิทยาคมขลัง ในอุโบสถเก่าวัดทัพทันวัฒนาราม

พระคณาจารย์ที่กระทำพิธี ประกอบด้วย หลวงพ่อสว่าง วัดคฤหบดีสงฆ์, เจ้าคุณพระอุดมธรรมภาณ (หลวงพ่อสม) วัดสังกัสรัตนคีรี, หลวงพ่อสมควร วัดถือน้ำ, หลวงพ่อประสิทธิ์ วัดวังม้า, หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง, หลวงพ่อเสน่ห์ วัดสว่างอารมณ์, หลวงพ่อโฉม วัดเขาปฐวี, หลวงพ่อทวน วัดท่ามะขามป้อม และหลวงพ่อสำเริง วัดทุ่งนาไทย

หลังเสร็จพิธีพุทธาภิเษก ฝนได้ตกลงมาอย่างหนักตลอดคืน เป็นที่อัศจรรย์แก่ผู้ร่วมงานเป็นอย่างยิ่ง

สำหรับเหรียญปี 2515 จัดสร้างเป็นเนื้ออัลปาก้าและทองแดง มีพิธีการดีเยี่ยม

ลักษณะกลมรูปไข่ มีหูห่วง ด้านหน้า เป็นรูปเหมือนครึ่งองค์ หันหน้าตรง ใต้รูปเหมือน เขียนคำว่า “หลวงพ่อเคลือบ”

ด้านหลัง เป็นยันต์สี่ ที่มุมของยันต์มีอักขระขอม กลางยันต์กำกับด้วยนะเศรษฐี ขอบล่างมีตัวเลขไทย “๙” และตัวอักษรไทย “วัดทัพทัน”

เปิดให้บูชาที่วัดในปี 2515 เพียงเหรียญละ 10 บาท ปรากฏว่าหมดเกลี้ยงภายใน 3 วัน

ถึงจะเป็นเหรียญตาย คือ สร้างหลังจากท่านละสังขารแล้ว แต่ปัจจุบันกลายเป็นเหรียญยอดนิยมที่หายาก

 

ตามประวัติ หลวงพ่อเคลือบ เป็นคนเชื้อสายจีน สัญชาติไทย เกิดเมื่อปีพุทธศักราช 2432 ที่บ้านคลองชะโด ต.ทุ่งใหญ่ อ.เมือง จ.อุทัยธานี

เข้าพิธีอุปสมบทเมื่อปีพุทธศักราช 2453 ที่วัดหนองเต่า ค.โนนเหล็ก อ.เมือง จ.อุทัยธานี โดยมีพระครูอุทัยธรรมวินิฐ (หลวงพ่อสิน) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระกรรมวาจาจารย์ และพระอนุสาวนาจารย์ ไม่ทราบนาม ได้รับฉายาว่า สาวรธัมโม

อยู่จำพรรษาเรียนวิชาอาคมกับหลวงพ่อสิน วัดหนองเต่า เป็นเวลา 3 พรรษา จนสำเร็จวิชาวาจาสิทธิ์และวิชาคงกระพันชาตรี สมัยนั้นพระภิกษุสามเณรวัดหนองเต่ามีจำนวนมาก ไม่เหมาะแก่การบำเพ็ญเพียรทางจิต

หลวงพ่อสินพูดอยู่เสมอว่า “ถ้าจะให้วิชาขลังนั้น ต้องไปหาที่สงบฝึกจิต”

หลวงพ่อเคลือบ สนทนาธรรมกับหลวงพ่อสินแล้วก็ขอลาไปฝึกจิตเรียนวิชาเพิ่มเติม

หลวงพ่อสินบอกว่า “มีพระเก่งวิชาเพ่งกสินอยู่แถบลพบุรี” ก็ลาไปโดยมีพระร่วมเดินทางไป 3 รูป ท่านได้ไปพบอาจารย์ ซึ่งจากการสอบถามคนเก่าหลายคนบอกว่า เป็น “หลวงพ่อกบ วัดเขาสาลิกา” ซึ่งเป็นผู้มีวิชาอาคมแก่กล้ามากในสมัยนั้น

เมื่อหลวงพ่อเคลือบเดินทางไปถึงแล้ว ก็เข้าไปกราบพร้อมฝากตัวเป็นศิษย์เพื่อเรียนคาถา โดยหลวงพ่อกบพูดว่า “ถ้าไม่สึกก็จะสอนวิชาให้ ถ้าสึกก็จะไม่สอน” หลวงพ่อเคลือบก็ปฏิญาณแน่วแน่ว่าชาตินี้จะไม่ขอสึก ส่วนพระที่ไปด้วยไม่รับปาก จึงไม่ได้เรียนวิชาด้วย

หลวงพ่อเคลือบ สังวรธัมโม

เรียนกัมมัฏฐานทำสมาธิ จนจิตเป็นหนึ่งเดียวและเรียนวิชากสินไฟและเรียนอักษรขอมที่ใช้เขียนยันต์ เพิ่มเติมจากหลวงพ่อกบอีกเป็นเวลาถึง 6 ปีเต็ม กราบลาอาจารย์ออกธุดงค์ไปทางเหนืออีกหลายปี ไม่ทราบว่าไปที่ใดบ้าง แล้วจึงกลับมาอยู่ที่วัดหนองเต่า แต่อยู่ได้เพียงไม่กี่วัน ญาติโยมวัดหนองหญ้านางก็มานิมนต์ให้ไปจำพรรษา

เมื่อหลวงพ่อเคลือบมาอยู่ ก็สร้างอุโบสถขึ้นมาหนึ่งหลัง แต่ยังไม่ทันเสร็จเรียบร้อยดี ก็เกิดเรื่องกับบรรดามัคนายกวัดขึ้นเสียก่อน ท่านจึงพูดขึ้นว่า “ถ้าอาตมาไม่อยู่ ใครก็มาอยู่ไม่ได้” ต่อมาก็หาพระมาอยู่ได้ยาก แล้วหลวงพ่อเคลือบก็กลับมาที่วัดหนองเต่า

กระทั่งวัดหนองแก ขาดพระอยู่จำพรรษา หลวงพ่อเคลือบจึงมาอยู่ที่นี่หนึ่งพรรษาแล้วย้ายมาอยู่ที่วัดทัพทันวัฒนาราม อีกสามพรรษา

ต่อมา วัดหนองกระดี่ไม่มีเจ้าอาวาส ญาติโยมจึงนิมนต์มาปกครองวัด และอยู่ที่วัดหนองกระดี่ จนมรณภาพในปี พ.ศ.2497

ได้ชื่อว่าเป็นพระที่มีวาจาศักดิ์สิทธิ์ ชาวบ้านจะบนบานศาลกล่าวด้วยธูป 3 ดอก หรือบางครั้งก็จะบอกกล่าวธรรมดาว่าต้องการบนเรื่องอะไรและจะแก้บนด้วยอะไร ส่วนใหญ่การแก้บนมักจะเป็นเหล้าขาว มะขาม หรือพวงมาลัย

การบนบานศาลกล่าวแทบจะเป็นส่วนหนึ่งของการดำรงชีวิตของชาวจังหวัดอุทัยธานีและจังหวัดใกล้เคียง เมื่อมีของหาย ถ้าบนบาน ก็จะได้กลับคืนมาเกือบทุกครั้ง หรือบางครั้งจะมีการบนบานไม่ให้ฝนตก ฝนก็จะหยุดตกเกือบทุกครั้งไป หรือบางครั้งจากหนักเป็นเบา รวมทั้งถึงการช่วยคุ้มครองในการเดินทางให้ปลอดภัย

ซึ่งเป็นความเชื่อของแต่ละคน •

 

โฟกัสพระเครื่อง | โคมคำ

[email protected]