เปิดปมสาง ‘กำนันนก’ ลุยเชือดคดีฮั้วประมูล ‘บิ๊กโจ๊ก’ ส่งไม้ต่อให้กองปราบฯ บิ๊กก้องลั่นโทษประหาร

ยังคงเป็นคดีใหญ่ที่อยู่ในความสนใจของสังคม และไม่รู้ว่าจะบานปลายไปสิ้นสุดลงที่จุดไหน

สำหรับคดีโต๊ะจีนมรณะ ที่ไอ้หน่อง ท่าผา มือปืนคนสนิทของกำนันนก ก่อเหตุลั่นไกสังหาร พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือสารวัตรศิว คาพูลวิลล่า ของกำนันนก ที่ จ.นครปฐม

แม้ในส่วนของคดีความจะคืบหน้าไปตามลำดับ ไม่ว่าจะเป็นการติดตามไล่ล่ามือปืน จนต้องวิสามัญฆาตกรรม และการจับกุมกำนันนก ดำเนินคดีในข้อหาสั่งการฆ่า

ลามมาถึง 6 ตำรวจ ที่คอยดูแลช่วยเหลือ ทำลายหลักฐาน และพาหลบหนี ที่ถูกคดีกันไปแล้วถ้วนหน้า ตามมาด้วยการขยายผลถึงธุรกิจเครือข่ายกำนันนก ที่ได้งานภาครัฐมูลค่าหลายพันล้าน ที่ล่าสุด ดีเอสไอเตรียมรับเป็นคดีพิเศษ สอบปมฮั้วประมูล

รวมทั้งที่มาของกำนันนกว่าทำไมถึงกลายเป็นผู้มีอิทธิพลใน จ.นครปฐม ถึงเพียงนี้

ขณะสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งโอนคดีกำนันนก จาก บช.ภาค 7 ภายใต้การอำนวยการของ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ไปอยู่ในความดูแลของกองปราบปราม โดยมี พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ดูแล

ก็เป็นอีกประเด็นที่ถูกจับจ้องว่าเกิดอะไรขึ้นภายใน สตช.

และบทสรุปของคดีนี้จะเป็นอย่างไร

โอนคดีกำนันนกให้กองปราบฯ

หลังการทำคดีโดย บช.ภาค 7 มาร่วม 2 สัปดาห์ เมื่อวันที่ 17 กันยายน ก็มีการเปิดเผยว่า มีคำสั่งโอนคดีดังกล่าวให้กองปราบปรามรับผิดชอบดูแล โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. เผยว่า การโอนคดีเนื่องจาก บช.ก.เสนอมาว่าคดีดังกล่าวเกี่ยวเนื่องกับผู้มีอิทธิพล และเป็นคดีสำคัญ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม และความรอบคอบในการทำคดี เพราะในพื้นที่อาจไม่ได้รับความไว้วางใจในกระบวนการยุติธรรม จึงเห็นชอบให้โอนคดีมาที่กองปราบปราม

ซึ่งมีทั้งในส่วนของหมายจับนายประวีณ จันทร์คล้าย หรือกำนันนก และนายธนชัย หรือหน่อง หมั่นมาก มือปืน และยังมีตำรวจที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับคดี 6 คน ซึ่ง บช.ภาค 7 เห็นว่าเป็นคดีเดียวกัน จึงเสนอขอโอนสำนวนคดีมาให้กองปราบฯ เมื่อวันที่ 13 กันยายน จึงเห็นชอบให้โอนคดีให้กองปราบฯ เมื่อวันที่ 14 กันยายน

ขณะที่ พล.ต.ท.จิรภพแถลงว่า รับโอนคดีมา 2 คดี คือ คดีฆาตกรรม และคดีความผิดตามมาตรา 157 การโอนคดีมาเป็นเรื่องปกติ เพราะเกี่ยวกับผู้มีอิทธิพล มีความซับซ้อน และเป็นเหตุอุกฉกรรจ์ ตำรวจท้องที่อาจทำงานแบบนี้ลำบาก จึงต้องให้ส่วนกลางทำเพื่อความโปร่งใส

ทั้งนี้ การดำเนินคดีมาตรา 157 ก็ต้องยึดข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเป็นที่ตั้ง เพราะมาตราดังกล่าวมีนิยาม และเจตนาพิเศษ มีอีกหลายอย่างต้องหารือ ว่าพฤติกรรมแค่ไหนถึงมีความผิด บางคนอาจพาคนเจ็บไปโรงพยาบาล บางคนโทร.แจ้ง 191 บางคนไม่ทำอะไรเลย ก็ต้องดูรายละเอียดให้แน่ชัด

ยืนยันไม่มีการช่วยเหลือใคร ไม่ว่ายศใด หากผิดจะดำเนินการเต็มที่ไม่มีละเว้น แต่การทำงานของเราอาจไม่ทันใจผู้ชม เพราะอยากตรวจสอบให้ครบทุกด้านทุกมิติ อย่างไรก็ตาม ข้อสงสัยที่กระแสสังคมเชื่อว่ามีการเตรียมการลวงผู้ตายมาก่อเหตุนั้น จากข้อมูลหลักฐานที่มีอยู่เชื่อว่าไม่น่าเป็นไปได้

จากนี้จะวางกรอบการทำงาน 3 สเต็ป คือ

1. การขยายผลแก๊งคนร้าย เส้นทางการเงิน ข้อมูลออนไลน์ และสิ่งผิดกฎหมาย

2. ดูเรื่องการฮั้วประมูล เพื่อพิสูจน์ทราบให้ได้ว่าเพราะเหตุใดทำไมกำนันนกถึงชนะการประมูลได้รับงานโครงการต่างๆ จำนวนมาก ในส่วนนี้พบความผิดปกติหลายอย่าง อาทิ ชนะการประมูลงานมากกว่าร้อยละ 80 และอื่นๆ อีกมากมาย

และ 3.เร่งปราบปรามผู้มีอิทธิพล ไม่ใช่แค่ระดมกำลังเข้าตรวจค้นเป้าหมายแล้วเลิก แต่ต้องตัดวงจรทั้งเครือข่าย ยึดทรัพย์

ยืนยันทำงานร่วมกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ได้ พร้อมร่วมมือกับทุกหน่วยงาน ขอให้ยึดข้อเท็จจริงตรงไปตรงมาเป็นหลัก ดำเนินการไปในสิ่งที่ควรจะเป็นก็พอ

ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ก็ยืนยันว่าเป็นเรื่องการทำงาน ไม่ใช่การน้อยใจหรือไม่น้อยใจ การโอนคดีไปกองปราบฯ จะส่งผลดี เพราะเวลาสั่งฟ้องจะไปที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ฉะนั้น วันนี้ใครจะวิ่งเต้นก็วิ่งเต้นไม่ได้ ซึ่งเป็นการป้องกันอีกชั้น เปลี่ยนหน่วยงานทำคดี แต่ยังยึดมั่นพยานหลักฐานเหมือนเดิม

นาทีช่วยสว.แบงค์

ลุยคดีฮั้ว-ดีเอสไอรับลูก

ขณะที่กำนันนก หรือนายประวีณ นอกจากคดีสั่งฆ่าสารวัตรแบงก์แล้ว ยังมีเรื่องคดีฮั้วประมูลเนื่องจากพบว่าบริษัทของกำนันนก ประกอบด้วย บริษัท ป.พัฒนารุ่งโรจน์ ก่อสร้าง จำกัด และบริษัท รวีกนก ก่อสร้าง จำกัด ได้ประมูลงานโครงการของรัฐ ตั้งแต่ปี 2554-2566 จำนวน 11 จังหวัด 1,544 โครงการ มูลค่ากว่า 7,000 ล้านบาท เฉพาะเขตนครปฐมจังหวัดเดียว ในปีงบประมาณ 2554-2566 มีมูลค่าถึง 6,802 ล้านบาท

โดย พ.ต.อ.สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และ ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ ผอ.กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ ระบุว่า พบข้อมูลการประมูลโครงการก่อสร้างทางหลวงแผ่นดิน 2 โครงการ คือ โครงการจ้างเหมาทำการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 375 สาย อ.ดอนตูม-ต.ลำลูกบัว จ.นครปฐม ของกรมทางหลวง เมื่อปี 2560 และโครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 375 สาย ต.ลำลูกบัว-บรรจบทางหลวงหมายเลข 346 เมื่อปี 2564

และจากการก่อสร้างประมูลงานโครงการของรัฐทั้งหมด 1,300 โครงการ พบว่ามี 20 โครงการขนาดใหญ่ที่มีมูลค่ามากกว่า 30 ล้านบาท ที่ต้องตั้งเลขสืบ เพื่อสอบสวนขยายผล เป็นโครงการก่อสร้างเส้นถนนนครปฐม 2 โครงการ และโครงการก่อสร้างอื่นๆ อีก 18 โครงการ

ขณะที่กองฮั้วประมูล ดีเอสไอ ออกหมายเรียก 58 บริษัท ที่เคยซื้อซองประกวดราคาในโครงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ แต่ไม่เข้าร่วมในขั้นตอนอี-บิดดิ้ง ว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทของกำนันนกหรือไม่ ซึ่งก็มีบริษัททยอยเข้าให้ข้อมูลอย่างต่อเนื่อง

ด้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ก็ระบุว่า ทราบว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษจะนำเรื่องดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ ซึ่งทราบว่าขณะนี้ได้ข้อมูลหลักฐานมาเยอะแล้ว ซึ่งคงไม่ได้ทำแค่จุดเดียว แต่จะต้องขยายไปในส่วนผู้ที่เกี่ยวข้องด้วย รวมถึงการตรวจสอบเส้นทางการเงินผู้ที่เกี่ยวข้อง

ขณะที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ รอง ผบ.ตร. ที่ยังดูเรื่องฮั้วประมูลของกำนันนกอยู่ ระบุว่า จากการตรวจค้น 15 จุด รวมถึงบริษัทรับทำบัญชี ได้เอกสารสำคัญจำนวนมาก จึงสั่งตั้งคณะทำงานร่วมกันขึ้นเพื่อตรวจสอบ และขยายผลว่าเจ้าหน้าที่รัฐร่วมกับเอกชนหน่วยงานไหนที่มีการฮั้วประมูล หรือหลีกเลี่ยงภาษี

เรื่องนี้ถึงขั้นยึดทรัพย์แน่!!

ไอ้หน่องพกปืน

กู้วงจรปิด-ลั่นโทษประหาร

ขณะที่ด้านคดีของกำนันนก และตำรวจที่คอยช่วยเหลือ ก่อนการโอนคดีให้กองปราบฯ เจ้าหน้าที่ได้กู้ภาพจากกล้องวงจรปิดบ้านกำนันนก โดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์เปิดเผยภาพในคืนเกิดเหตุ โดยภาพแรก เป็นภาพขณะที่ตำรวจ 3 นายอุ้มร่าง พ.ต.ต.ศิวกร ผู้เสียชีวิต หลังจากถูกอาวุธยิงบาดเจ็บไปขึ้นรถเก๋งคัมรี่ โดยมีพลขับวิ่งไปนำรถเก๋งมาแล้วพาตัว พ.ต.ต.ศิวกรขึ้นนั่งเบาะหน้าข้างคนขับ ส่วนตำรวจอีกนายนั่งเบาะหลังคอยเอามืออุดบาดแผลจากรอยกระสุน แล้วพลขับก็พาไปโรงพยาบาล

ภาพที่สอง เป็นภาพหลังจาก พ.ต.ท.วศิน พันปี ถูกยิง จากนั้นสารวัตรอำนวยการไปช่วย พ.ต.ท.วศินที่ล้มอยู่กองกับพื้น แล้วมีตำรวจอีก 4 นายช่วยพาขึ้นรถกระบะ รวมทั้งมี พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ หรือ ผกก.เบิ้มอยู่ด้วย

ภาพที่สาม ก่อนเกิดเหตุตอน 2 ทุ่มเศษ เห็นว่านายหน่องอยู่ในงานเลี้ยง ในกระเป๋ากางเกงมีปืนที่ใช้ก่อเหตุ

ภาพที่สี่ เวลา 19.40 น. นายเด้ง ญาติของกำนันนก กับนายต๋อง เดินเข้ามาในงาน และมีภาพส่งปืนให้นายเด้ง เข้าไปในงาน

ภาพที่ห้า หลังมือปืนลั่นไก นายเด้งชักปืนออกมา คล้ายมีท่าทีปกป้องกำนัน

ภาพที่หก 1 ใน 6 ตำรวจที่ถูกจับในชุดแรก ถอดเสื้อ โดยมีปืนเหน็บไว้ที่เอว หลังอ้างว่าไม่มีปืน อีกคนก็มีปืนพกไว้ที่เอวเช่นเดียวกัน

โดยยืนยันว่า ภาพที่เห็นเผยถึงสิ่งที่สังคมสงสัย คือตำรวจทุกคนให้การเท็จ จะเห็นว่าคนช่วยเหลือผู้บาดเจ็บมีเพียงในภาพที่ปรากฏ ขัดแย้งกับข้อเท็จจริง ส่วนการดำเนินคดีจะร่วมกันพิจารณาแจ้งข้อหาให้การเท็จ จากการดูกล้องทั้งหมด สิ่งที่สังคมคาใจใครช่วย หรือไม่ช่วยบ้าง และเห็นได้ชัดว่าตำรวจในงานส่วนใหญ่มีปืน แต่ไม่ช่วย ทั้งที่เป็นเหตุซึ่งหน้า ซึ่งเตรียมดำเนินคดี หลังเกิดเหตุแล้ว ตำรวจกลับไปช่วยผู้กระทำผิด แทนที่จะอยู่ข้างตำรวจ ช่วยตำรวจ กลับไปช่วยผู้กระทำผิด ส่วนนายตำรวจระดับสูงหนีออกไป แล้วบอกว่าช่วย แต่ก็ไม่ได้ช่วยเลย จะดำเนินคดีทั้งอาญาและวินัย

ทั้งนี้ ตำรวจกู้ได้ทั้งหมด 13 ตัว และอีก 2 ตัวไม่มีภาพเพราะถูกกดปิดไปเลยไม่มีการบันทึก นอกจากนี้ ยังมีการเปิดเผยรายชื่อตำรวจ 14 นายที่อาจจะโดนคดีมาตรา 157

ส่วนเรื่องกำนันนกนั้น พล.ต.ท.จิรภพย้ำชัดเจนว่า คำให้การของพยานผู้เห็นเหตุการณ์ต่างๆ พยานแวดล้อม ที่ไปที่มาของอาวุธปืน พฤติกรรมการทำลายหลักฐาน หรือเจตนาของผู้ก่อเหตุ รวมไปถึงมูลเหตุแรงจูงใจ และพยานอื่นๆ อีกมากมาย ล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญทางคดี ที่สามารถทำให้นายประวีณต้องได้รับโทษสูงสุด คือประหารชีวิต ได้

เป็นโทษสูงสุดเลยทีเดียว!!!