กาลเวลามีผลต่อจิต | ฟ้า พูลวรลักษณ์

กาลเวลามีผลต่อจิต

ยกตัวอย่างเช่นหากว่า

1992 รัสเซียบุกยูเครน

2022 รัสเซียบุกยูเครน

สองเหตุการณ์นี้เหมือนกันแต่เกิดในกาลเวลาที่แตกต่างจะมีผลที่แตกต่างต่อจิต

หากเป็นบรรทัดแรกฉันจะยอมรับได้แต่หากเป็นบรรทัดที่สองฉันจะยอมรับไม่ได้คงเพราะในบรรทัดแรกฉันยังอายุน้อยอายุแค่๓๙ปี

แต่ไม่ใช่แค่อายุของฉันเท่านั้นมันคืออายุของมนุษยชาติที่แตกต่างกันในวันนั้นมนุษย์ก็ยังเป็นเด็กนี้แสดงว่าหลายสิบปีผ่านไปมนุษยชาติได้เปลี่ยนแปลงในจิต

 

ในทำนองเดียวกัน

1992 จีนบุกไต้หวัน

2022 จีนบุกไต้หวัน

บรรทัดแรกฉันพอรับได้แต่บรรทัดที่สองฉันรับไม่ได้เลย

ยิ่งไกลไปในอนาคตยิ่งรับไม่ได้หนักขึ้นไปอีกเช่น

2042 จีนบุกไต้หวัน

แสดงว่ากาลเวลามีผลต่อจิต

 

มองในแง่นี้ มนุษย์มีพัฒนาการ เราเติบใหญ่ขึ้นทุกวัน แม้โลกของเราจะเสื่อมถอย เกิดปัญหาสภาพแวดล้อม อากาศเลวร้ายลง ฝุ่น PM 2.5 ลอยฟุ้งไปทั่วทุกแห่งหน จนเป็นหมอกหนา แต่ตัวมนุษย์เอง จิตสำนึกได้พัฒนา โลกนี้มีดีขึ้นและเลวลง สลับไปมา

ดวงตาเรามองไม่เห็นสารเคมีหรือไวรัสสิ่งรอบตัวของเรานี้มีสิ่งมากมายที่ดวงตามองไม่เห็นเราอาจสังเกตได้ว่าที่ตรงนี้มีความร้อนแต่ที่จริงมีคลื่นพลังงานความร้อนแผ่ออกมาเป็นดั่งคลื่นเรามองไม่เห็นคลื่นพลังงานตัวนี้ไม่เห็นแสงรังสีมากมายหลายชนิดรอบตัวเรา

สิ่งมีชีวิตมากมายนานามีขนาดเล็กจนดวงตาของเรามองไม่เห็นมันอาจเป็นสัตว์ชนิดหนึ่งอาจเป็นแม้แต่หอยชนิดหนึ่งแต่ดวงตาของเรามองไม่เห็นหรือเป็นจุลินทรีย์ปรากฏอยู่ทุกสถานที่แม้บนเส้นผมหรือผิวหนังของเรายิ่งไม่ต้องพูดถึงไวรัสที่เล็กกว่าจุลินทรีย์เสียอีกเรามองไม่เห็นแต่พวกมันมีอยู่และมีผลบางชนิดแสบอย่างเหลือคณา

 

สิ่งที่มนุษย์รับรู้ได้ ก็แค่ว่าสถานที่นี้ อากาศดีกว่าที่โน้น ฉันนอนหลับสนิทกว่า ผ่อนคลายกว่า แต่หากให้ฉันอยู่ในที่มีมลภาวะสูง วูบแรกอาจรู้สึกตัว แต่พอนานเข้า ก็ลืมอีก กลายเป็นความธรรมดา และฉันจะรู้สึกแต่เพียงว่า ฉันนอนหลับยากขึ้น ร่างกายทรุดโทรมลง

แม้จะเป็นเวลากลางวันท่ามกลางแสงแดดส่องสว่างที่จริงเราตกอยู่ในความมืด

 

เรารู้แต่ว่าอากาศเป็นพิษแต่หากให้พูดว่ามันคืออะไรเราพูดชัดเจนไม่ได้เพราะมองไม่เห็นเรารู้แต่ว่าท้องฟ้าไม่สดใสมองไปทางไหนเหมือนมีคราบอะไรบางอย่างจับอยู่บนใบไม้หรือผิวน้ำในแม่น้ำลำคลองท้องฟ้ามีหมอกปกคลุมเราไม่รู้จริงๆว่าเรากำลังหายใจอะไรเข้าไปในอากาศมีสิ่งมีชีวิตใดบ้างชีวิตใดบ้างที่ไหลลงไปในร่างกายของเราหรือสารเคมีใดไหลเข้ามาในร่างกายของฉันด้วยทุกวันนี้มีสารเคมีนับหมื่นนับแสนถูกผลิตออกมาทุกวันนี้ที่จริงเราแหวกว่ายอยู่ในกองขยะเคมี

โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวขยะลอยเต็มท้องฟ้าเพียงแต่ตาของเรามองไม่เห็น

ไม่น่าเชื่อว่ามลภาวะฆ่ามนุษย์มากกว่าเชื้อโรคหรือสงคราม

 

เวลาฉันมองกาลเวลา ไม่เพียงทึ่งในความลี้ลับของมัน แต่ยังทึ่งในคุณค่าของสิ่งต่างๆ ที่แปรเปลี่ยนไปตามกาลเวลา มีทั้งสิ่งที่ดีขึ้นและเลวลง และพบว่าตัวเองเป็นชีวิตที่กำลังวิ่งแข่งกับความตาย

มาถึงวันนี้แม้แต่ตัวความจริงเองก็ถูกกระหน่ำ ไม่รู้ว่าอีกหนึ่งร้อยปีข้างหน้า หรือห้าร้อยปีข้างหน้าความจริงจะหลงเหลืออยู่เท่าใดมันอาจขาดกะรุ่งกะริ่งตัวมีแต่รูพรุน

ความจริงคือตัวเม่นที่มีขนแหลมเต็มกาย

เดินมาอย่างน่าสังเวช

ฉันเดินเงอะงะไปตามถนนไม่เพียงไม่รู้ว่าถูกผิดคืออะไรฉันไม่รู้แม้แต่ว่าความจริงคืออะไร