สรุปไทม์ไลน์ นาที ‘กำนันนก’ สั่งตาย วิสามัญ ‘หน่อง ท่าผา’ มือยิงดับพ.ต.ต.แบงก์ สลด ‘ผกก.เบิ้ม’ ฆ่าตัว

สอบกำนันนก

เป็นคดีใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อวงการสีกากีอย่างมหาศาล

สำหรับกรณีไอ้หน่อง ท่าผา มือปืนโหดซุ้มกำนันนก คนดังเมืองนครปฐม ก่อเหตุรัวยิง พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว สารวัตรทางหลวง ที่ถูกเชิญมาร่วมงานเลี้ยงในบริษัทของกำนันนก เสียชีวิตอย่างอนาถ

เหิมเกริมถึงขั้นลงมือกลางโต๊ะจีน ท่ามกลางนายตำรวจที่เป็นผู้รักษากฎหมายเกือบ 30 คน

ที่สำคัญคือหลังจากก่อเหตุ ทั้งกำนันนก และไอ้หน่องมือปืน สามารถออกจากที่เกิดเหตุได้อย่างลอยนวล โดยพบภาพวงจรปิดมีรถของตำรวจคอยนำทาง และอำนวยความสะดวก

หนำซ้ำยังพบว่ามีการทำลายหลักฐานในที่เกิดเหตุ หรือกระทั่งปืนที่ใช้ก่อเหตุก็เป็นปืนสวัสดิการตำรวจที่ไปอยู่ในมือลูกน้องกำนัน

กลายเป็นคำถามว่าเหตุใด “กำนันนก” ถึงได้ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้

แม้ต่อมาจะเกิดการวิสามัญฆาตกรรม “หน่อง ท่าผา” ในโรงธูปร้าง แต่เรื่องก็ไม่ได้จบสิ้น เพราะถูกขยายความไปในหลายทิศทาง

ส่งผลให้ผู้บังคับบัญชา อย่างผู้กำกับเบิ้ม ตัดสินใจยิงตัวตายเพราะความเครียด

แต่คดีก็ยังไม่จบ เพราะยังต้องสะสางหาต้นตอเหตุของการสั่งตายครั้งนี้ว่าเกิดจากอะไรกันแน่

รวมทั้งคืนความยุติธรรมและศักดิ์ศรีให้กับ พ.ต.ต.ศิวกร ให้อย่างเหมาะสม เป็นธรรม

วิสามัญไอ้หน่อง

จับตายไอ้หน่องยิง พ.ต.ต.

เหตุระทึกขวัญนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 6 กันยายนที่ผ่านมา โดย ตร.สภ.เมืองนครปฐม รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกยิงด้วยปืน บาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิต นำส่งโรงพยาบาลศูนย์นครปฐม โดยผู้เสียชีวิตคือ พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือสารวัตรแบงก์ สว.ทล.1 กก.2 บช.ก. มีบาดแผลถูกอาวุธปืนยิงเข้าตามร่างกายรวม 7 นัด ส่วนผู้บาดเจ็บชื่อ พ.ต.ท.วศิน พันปี รอง ผกก.กก.2 บช.ก. ถูกอาวุธปืนยิงเข้าที่แขนซ้าย 1 นัด

ที่เกิดเหตุคือ บริษัท ป.รวีกนก ก่อสร้าง เลขที่ 30/1 หมู่ 1 ต.ตาก้อง อ.เมือง จ.นครปฐม ของนายประวีณ หรือกำนันนก จันทร์คล้าย อายุ 35 ปี กำนันตำบลตาก้อง ผู้กว้างขวางในพื้นที่ที่มีความสนิทสนมใกล้ชิดกับอดีตนักการเมืองใหญ่ระดับประเทศ

สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุกำนันนกจัดเลี้ยงโต๊ะจีน โดยเชิญตำรวจทางหลวงมาร่วมสังสรรค์ เพราะมีแผนที่จะฝากหลานเขยซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของ พ.ต.ต.ศิวกร ให้ย้ายตำแหน่งหน้าที่จากสายตรวจรถยนต์ไปเป็นสายตรวจจักรยานยนต์

แต่ พ.ต.ต.ศิวกรปฏิเสธ ระบุว่าทุกอย่างต้องเป็นไปตามระเบียบแบบแผน อีกทั้งคนเก่ายังดำรงตำแหน่งอยู่ จะไปเบียดไม่ได้ ทำให้กำนันนกไม่พอใจ ถึงกับเอ่ยว่า “ทำแบบนี้ไม่ให้เกียรติกันเลย หลานคนเดียว ขอไม่ได้หรืออย่างไร” ก่อนทุบโต๊ะแล้วเดินออกไป

จากนั้นไม่ถึง 5 นาที นายธนัญชัย หรือหน่อง หมั่นมาก อายุ 45 ปี ที่อยู่ตามบัตรประชาชนเลขที่ 89/8 หมู่ 7 ต.หนองกบ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี คนสนิทกำนันนก ก็เดินเข้าไปยืนข้างๆ พ.ต.ต.ศิวกร แล้วชักปืนจ่อรัวยิง พ.ต.ต.ศิวกร ไม่ยั้งมือ กระสุนเข้าเป้า 7 นัดอาการสาหัส และมีกระสุนปืนลูกหลงไปถูก พ.ต.ท.วศิน บาดเจ็บ

หลังก่อเหตุ นายธนัญชัยรีบหลบหนีออกจากบ้านที่เกิดเหตุ ท่ามกลางความตกตะลึงของบรรดานายตำรวจหลายนายที่เห็นเหตุการณ์ ก่อนช่วยกันนำผู้บาดเจ็บทั้งคู่ ส่งรักษาที่โรงพยาบาลศูนย์นครปฐม แต่ พ.ต.ต.ศิวกรทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนกำนันนก อาศัยช่วงชุลมุนหลบหนีไป

ทั้งนี้ มีรายงานว่าก่อนหลบหนีได้สั่งการให้ทำลายหลักฐาน ล้างคราบเลือด ปลอกกระสุน และเก็บวงจรปิดไปด้วย และเมื่อตรวจสอบวงจรปิดก็พบตำรวจกลุ่มหนึ่ง มีหน้าที่พากำนันนกและหน่อง มือปืนออกจากที่เกิดเหตุ

เจ้าหน้าที่จึงเร่งติดตามล่าคนร้าย โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. สั่งการด้วยตัวเอง

กระทั่งเมื่อเวลา 05.45 น. วันที่ 8 กันยายน ตร.สอบสวนกลาง และชุดหนุมาน ได้เข้าตรวจสอบรถต้องสงสัยจอดอยู่ในโรงธูปร้าง อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี แต่นายธนัญชัยต่อสู้ ยิงใส่เจ้าหน้าที่ก่อน จนต้องยิงต่อสู้และวิสามัญฆาตกรรม

โดยรายงานระบุว่า ช่วง 03.30 น. มีพลเมืองดีแจ้งเบาะแสพบรถปิกอัพต้องสงสัยขับวนเวียน จึงเข้าตรวจสอบ โดยไอ้หน่องใช้ปืน 9 ม.ม. ยิงใส่เจ้าหน้าที่ กระสุนถูกประตูฝั่งคนขับ 2 นัด ตร.ในรถ 4 นายจึงใช้ปืนยิงสวน กระสุนถูกอกซ้าย-ขวาอย่างละนัด ลำคออีก 1 นัด เสียชีวิตคาที่

ยืนยันไม่ได้จัดฉากตัดตอน หรือแก้แค้น!!!

จับกำนันนก-เอาผิดคดีฮั้ว

ขณะที่ความเคลื่อนไหวของกำนันนก หรือนายประวีณ รุดเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 7 กันยายน หลังศาลจังหวัดนครปฐม อนุมัติหมายจับ ที่ 427/2566 ลงวันที่ 7 กันยายน 2566 ในความผิดฐาน เป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และพยายามฆ่าผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 80, 84 โดยให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา อ้างเพียงว่าไม่ได้เป็นผู้สั่งการให้นายธนัญชัย หรือหน่อง หมั่นมาก มือปืน ก่อเหตุยิง พ.ต.ต.ศิวกร เสียชีวิตแต่อย่างใด

ต่อมาวันที่ 9 กันยายน เจ้าหน้าที่คุมตัวไปฝากขังศาลอาญา พร้อมคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพล สนิทสนมกับนักการเมืองท้องถิ่นและนักการเมืองระดับชาติ ใช้อำนาจบารมีขอให้ผู้ตายย้ายข้าราชการตำรวจ เมื่อไม่ได้รับการตอบสนอง มีพฤติกรรมอุกอาจใช้ให้ผู้อื่นยิงผู้ตายซึ่งเป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกจำนวนหลายนาย เป็นพฤติกรรมที่อุกอาจไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย

ภายหลังเกิดเหตุยังได้มีการสั่งให้ทำลายพยานหลักฐาน โดยการล้างคราบเลือด เก็บปลอกกระสุนปืน ถอดเซิร์ฟเวอร์ของกล้องวงจรปิดและหลบหนีไป ประกอบกับเป็นคดีที่มีอัตราโทษจำคุกสูงสุดถึงประหารชีวิต

หากมีการปล่อยตัวชั่วคราวเกรงว่าจะเป็นอุปสรรค หรือเกิดความเสียหายต่อการสอบสวน ผู้ต้องหาจะไปยุ่งเหยิงหรือข่มขู่พยาน หรือก่อเหตุอันตรายประการอื่น

ทั้งนี้ กำนันนก ไม่ได้ยื่นประกันตัว เจ้าหน้าที่คุมตัวเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ

ด้าน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รรท.ผบก.ทางหลวง ระบุว่า สาเหตุการสั่งตายครั้งนี้เกิดจากปัญหา ยังกล่าวอีกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดจากปัญหากรณีส่วยรถบรรทุก เพราะบ้านของกำนันนกมีรถบรรทุกกว่า 100 คันมีน้ำหนักเกิน จน พ.ต.ต.ศิวกร ดำเนินการตามกฎหมาย แม้ขอติดต่อเจรจาก็ไม่เป็นผล

เมื่อมีงานเลี้ยงและผู้บังคับบัญชาโทรศัพท์มาเพื่อให้ พ.ต.ต.ศิวกรไปร่วมงาน เพื่อปรับความเข้าใจกัน แต่กำนันนกกลับใช้โอกาสนี้ขอตำแหน่งให้กับหลาน ซึ่งได้รับการปฏิเสธอีกครั้ง จนมาสู่ปัญหาที่ 3 ซึ่งเป็นปัญหาที่เสียหน้าที่สุด คือการดวลเหล้าเพียว ก็กลับแพ้อีก เป็นครั้งที่ 3 จึงรู้สึกเสียหน้าอย่างรุนแรง

ขณะที่ดีเอสไอ สั่งตรวจสอบบริษัท ป.พัฒนารุ่งโรจน์ ก่อสร้าง จำกัด และบริษัท ป.รวีกนก ก่อสร้าง จำกัด ซึ่งมีนายประวีณ เป็นกรรมการบริษัท พบประมูลงานโครงการของรัฐ ตั้งแต่ปี 2558-ปัจจุบัน กว่า 1,300 โครงการ มูลค่ากว่า 7,000 ล้านบาท เชื่อว่ามีความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ฮั้วประมูล

ทุกอย่างประเดประดังเข้ามาในทีเดียว!!

ผกก.เบิ้ม

สลด ผกก.เครียดฆ่าตัว

ขณะที่ตำรวจที่ร่วมในงานเลี้ยง นอกจากถูกตั้งกรรมการสอบ ยังมี 6 ตำรวจ พ.ต.ต.เกียรติศักดิ์ สมสุข อายุ 52 ปี ร.ต.ท.ณรงค์ศักดิ์ แตงอำไพ อายุ 58 ปี ร.ต.ท.นิมิตร สลิดกุล อายุ 57 ปี ร.ต.อ.ณัฏฐพล นาคกร ร.ต.ท.ประสาร รอดผล อายุ 58 ปี และ ร.ต.ต.สรรเสริฐ ศรีสวัสดิ์ อายุ 55 ปี ถูกดำเนินคดีข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, เพื่อจะช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษ หรือให้รับโทษน้อยลง ร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำผิด, ร่วมกันช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือเป็น ผู้ต้องหาว่ากระทำความผิด อันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ต้องโทษ โดยให้พำนักแก่ผู้นั้น โดยซ่อนเร้นหรือโดยช่วยผู้นั้นด้วยกระการใด เพื่อไม่ให้ถูกจับกุม

และไม่ใช่แค่ความสูญเสียแค่ พ.ต.ต.ศิวกร เมื่อ พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ ผกก.2 บก.ทล. หรือผู้กำกับเบิ้ม ผู้บังคับบัญชาของ พ.ต.ต.ศิวกร ก่อเหตุอัตวินิบาตกรรม ที่บ้านพักพื้นที่ย่านคูคต จ.ปทุมธานี เมื่อช่วงเช้าวันที่ 11 กันยายน ด้วยสาเหตุจากความเครียดและเสียใจที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ พ.ต.ต.ศิวกร ถูกยิงเสียชีวิต

ซึ่งจากการเช็กภาพวงจรปิดพบก็ยืนยันว่าเป็นการฆ่าตัวตาย ไม่มีการตัดตอนหรือจัดฉากอะไรทั้งสิ้น โดยพบว่าเมื่อวันที่ 10 กันยายน เวลา 18.00 น. พ.ต.อ.วชิรา รับประทานอาหารกับเพื่อนในร้านย่านเมืองทองธานี ก่อนกลับไปโรงแรมช่วง 22.00 น. ซึ่งระหว่างรับประทานอาหาร พ.ต.อ.วชิรา พูดถึงความเครียดในสิ่งที่เกิดขึ้น บ่นตลอดเวลา เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับรุ่นน้อง และไม่ค่อยกินข้าว

ต่อมา 04.23 น. วันที่ 11 กันยายน พ.ต.อ.วชิรา เดินออกจากโรงแรม ขึ้นแท็กซี่สีชมพู มายังหมู่บ้านใน อ.คูคต จ.ปทุมธานี โดยมาถึงเวลา 04.50 น. และปีนรั้วเข้าบ้าน เนื่องจากประตูรีโมตอยู่ในรถประจำตำแหน่ง จึงปีนรั้วเข้าไปกดรหัสดิจิทัล

จากนั้น 04.55 น. หลังจาก พ.ต.อ.วชิรา เข้าบ้านไปประมาณ 5 นาที มีภาพและเสียงจากกล้องวงจรปิดของเพื่อนบ้านข้างเคียง มีเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด คาดว่าเป็นช่วงที่ พ.ต.อ.วชิรา ใช้อาวุธปืนก่อเหตุสลด ซึ่งตรงกับผลการชันสูตรของแพทย์ที่ระบุว่า ผู้ตายเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 8-12 ชั่วโมง

เป็นความสูญเสียในแวดวงสีกากีที่มากเกินรับไหว!!