ครม.นิดหนึ่ง | ลึกแต่ไม่ลับ

จรัญ พงษ์จีน

ลึกแต่ไม่ลับ | จรัญ พงษ์จีน

ครม.นิดหนึ่ง

จะเรียกว่า “ส้มหล่น” ก็ได้ ไม่มีอะไรผิด สำหรับ “นายเศรษฐา ทวีสิน” กับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย หาก “ส้มไม่หล่น” คือ “พรรคก้าวไกล” ที่ชนะเลือกตั้งมาอันดับ 1 ไม่ร้อนวิชา ออกตัวแรง เอาไข่กระแทกหินเสียก่อน “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” บัญชีรายชื่อด้อมส้มก็เข้าวิน แต่ส้มชิงสุกเร็ว หล่นจากต้น คนชื่อ “เศรษฐา” เลยได้แจ้งเกิด

คณะรัฐมนตรี “นิดหนึ่ง” ประชุมนัดปฐมฤกษ์อย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันพุธที่ 13 กันยายน หลังพิธีกรรมแถลงนโยบายต่อรัฐสภา 2 วัน 2 คืน เปิดโอกาสให้เหล่าสมาชิกสลับฟันปลา ก็เสนอไอเดีย แสดงความคิดเห็น ตำหนิ ติชม ให้รัฐบาลหยิบฉวยไปใช้ประโยชน์ เป็นกระจกเงาต่อคณะรัฐมนตรี และเพื่อประเทศชาติได้ในลำดับถัดไป

หนทางแห่งความพ่ายแพ้ของมนุษย์มีหลายประการ “มองไม่ทะลุ สละไม่ลง ปล่อยวางไม่ได้ อาฆาตมาดร้าย” กาลเวลาเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ไม่ปรากฏตัวไม่มีใครเห็น ไม่พูดไม่มีใครได้ยิน เมื่อก่อนเป็นเสือ ตอนนี้เป็นแมวแล้ว “ใครเอ่ย”

สรุปศึกแถลงนโยบาย ผู้คนเวทีอภิปราย จบไม่เหมือนกัน “บางคนสิ้นสุด จบแล้วจบเลย-บางคนแค่จุดเริ่มต้น” ชะตากรรมแตกต่างกัน การเปลี่ยนแปลงย่อมมีบุคคลเสียคน

โฟกัสต่อถึงรัฐบาล “เศรษฐา 1” ที่ลั่นกลองรบเรียบร้อยแล้วนัดแรก 34 คน ประเดิม เจิมสถานการณ์ได้ “ปังมาก-มาก” มีข่าวดีมาฝาก ประกาศลด “ค่าไฟ” โดยที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติลดให้เหลือ 4.10 บาท จากเดิม 4.45 บาท ล้อหมุน เริ่มตั้งแต่รอบบิลเดือนกันยายนนี้เลย ขณะที่น้ำมันดีเซล ลดให้ถูกลงจะไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร ด้วยการลดภาษีสรรพสามิต ขณะที่ “เบนซิน” ปรับลดด้วยวิธีการตลาด เริ่มนับหนึ่งตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน พร้อมกับเตรียมการจ่ายเงินเดือนข้าราชการ จากเดือนละ 1 รอบ เป็นเดือนละ 2 รอบ เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567

ขณะที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับ 2560 ที่พรรคเพื่อไทยลั่นวาจาไว้ตอนหาเสียงเลือกตั้ง โหมดแรก คือการทำประชามติ และการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ส.ส.ร. เพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น โดยไม่แตะต้องหมวดที่ว่าด้วยพระมหากษัตริย์

ที่ประชุมเห็นชอบมอบหมายให้ “นายภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นผู้รับผิดชอบ แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาหาแนวทาง การทำประชามติ โดยใช้เวทีรัฐสภาในการหารือร่วมกัน และให้ภาคประชาชนทุกส่วนมาออกแบบกติกาที่เป็นประชาธิปไตยร่วมด้วย

ผลงานปรากฏรวดเร็วดุจกามนิตหนุ่ม ช่วยลดแรงเสียดทาน เสียงต่อว่าต่อขาน ร้องยี้ กับ “โฉมหน้า ครม.” ที่คลอดออกมาไม่จ๊าบ ขัดหูขัดตาพิลึกกึกกือ ในหลายกระทรวง หลากตำแหน่ง ลงไปได้บ้างไม่มากก็น้อย

ว่ากันไปแล้ว “ครม.นิดหนึ่ง” ถูกมองว่า เข้าลักษณะ “เตี้ยอุ้มค่อม ผอมอุ้มอ้วน แขนด้วนอุ้มแขนดี” แต่งตั้งผิดฝั่งผิดฝา ไม่เหมาะสมในหลายเก้าอี้ ขณะที่ “นายเศรษฐา” เอง ต้นทุนทางการเมือง มือละอ่อน ตอนหาเสียงเลือกตั้งใหญ่ ก็หลบๆ ซ่อนๆ ไม่ยอมออกสื่อ เผชิญหน้าโชว์วิสัยทัศน์กับพรรคคู่แข่ง

มีดีตรงที่เป็นนักบริหารมืออาชีพ เป็นซีอีโอ เคยนำองค์กรที่ตัวเองเคยบริหาร ประสบผลสำเร็จมามากต่อมาก ทุกคนคิดว่าหากนำศักยภาพ ประสิทธิภาพเชิงบริหารที่โดดเด่นจากภาคเอกชน มาปรับใช้กับประเทศให้เดินหน้าต่อไปได้ จึงหักกลบลบหนี้ เป็นเพาเวอร์บาลานซ์ กับความใหม่ทางการเมือง และภาพลักษณ์ ครม.ไปได้มาก

อย่างไรก็ตาม “นายกฯ คนที่ 30” กับมาดผู้นำพาประเทศคนใหม่ คนไทยชินหูชินตา เย็นชากับสัญลักษณ์ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ติดหูติดตามาเป็นเวลา 9 ปีเต็ม

ตอนนี้มีการเปลี่ยนแปลง จาก “ยุคลุง” แปลกใหม่ ก้าวไปสู่สังคมสมาร์ตโฟน กอปรกับ “เสี่ยนิด” เป็นคนมีรสนิยม วันเข้าประจำการในตำแหน่งนายกฯ วันแรกที่ทำเนียบรัฐบาล สร้างความฮือฮาให้ดูชมกันมาแล้ว ด้วยการถอยรถหรู “เลกซัส” ป้ายแดง สีดำ ทะเบียน ก.-6506 ราคาคันละ 7.5 ล้านบาท มาใช้ส่วนตัวเพื่อปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทิ้งเบนซ์กันกระสุน ยานพาหนะที่ “ลุงตู่” เคยใช้ไว้ดูเล่นที่บ้านพิษณุโลก

มีข่าวว่า สาเหตุที่ “นายกฯ นิด” ไม่ใช้รถเบนซ์กันกระสุน ทับรอย “พล.อ.ประยุทธ์” ไม่ใช่โชว์รวย อวดหรู แต่เนื่องจากความสูงเป็นปฐมเหตุ ทดลองนั่งแล้ว หัวชนหลังคา เลยไม่สะดวกคล่องตัว เลยเปลี่ยนมาเป็นเลกซัส

อย่างไรก็ตาม “นายเศรษฐา” เป็นเศรษฐี เล่นของแพง เจ้าพ่อแฟชั่น ใช้แบรนด์เนมหรูระดับลักชัวรี่ ทั้งเสื้อผ้า หน้าผม เป็นนักสะสมนาฬิกาหรูหลายเรือน ทั้ง Patek, Rolex, Muller เรียกว่า มีหลายคอลเล็กชั่น แต่ซื้อใช้เอง ไม่มี “ยืมเพื่อน”

ก่อนที่เจ้าตัวจะตัดสินใจลงสู่สมรภูมิการเมือง ลงสมัครแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทยอย่างเต็มตัว เพื่อความโปร่งใส ป้องกันการตรวจสอบ อย่างละเอียดรอบคอบ ไม่ให้เกิดปัญหาภายหลัง นอกจากที่ดิน บ้านหรูทั้งในและต่างประเทศแล้ว นาฬิกาสะสมหลายเรือน หลายยี่ห้อ ที่คลุมเครือ ใบรับรองการเสียภาษี ไม่ชัวร์ ตัดสินใจขายทิ้งหมด

จุดเด่นของ “นายเศรษฐา” ทั้งภาพเก่าในเรื่องบริหารธุรกิจ ที่ประสบผลสำเร็จ เป็นคนสมัยใหม่ ยืนบนเวทีโลกเคียงบ่าเคียงไหล่กับผู้นำโลกประเทศอื่นแล้ว ไม่อายใคร

ด้วยปัจจัยประการดังกล่าว แม้ต้นทุนทางการเมืองจะน้อยนิดสมชื่อ แถมโฉมหน้ารัฐมนตรีหลายตำแหน่ง ประกาศออกมา ดุจ “ลูกเป็ดขี้เหร่” ชาวบ้านส่วนใหญ่เปิดให้โอกาสพิสูจน์ฝีมือ

ไปได้ไกลแค่ไหน อยู่ที่ผลงานเป็นตัวชี้วัด