ไหว้ครูแสนดี ติมอร์-เลสเต (4) กุญแจชีวิต

สมหมาย ปาริจฉัตต์

รายงานพิเศษ | สมหมาย ปาริจฉัตต์

 

ไหว้ครูแสนดี ติมอร์-เลสเต (4)

กุญแจชีวิต

 

“สวัสดีครับ พร้อมนะครับ” อุปทูตสกลวัฒน์ ยิ้มทักทายทุกคนระหว่างรอขบวนรถขับเคลื่อนสี่ล้อ 6 คันเตรียมออกเดินทางตั้งแต่ก่อน 6 โมงเช้าวันใหม่

เขาหมายถึงความพร้อมของร่างกายและจิตใจของนักเดินทางที่กำลังจะเผชิญกับสภาพถนน คดเคี้ยว เลี้ยวลด ขึ้นๆ ลงๆ จากพื้นราบต่อเนินเขา สู่ยอดเขาลูกแล้วลูกเล่า ก่อนลงสู่ที่ราบสลับกันไปตลอดระยะทาง 111 กิโลเมตร

คณะกรรมการมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี พร้อมผู้นำทางจากกระทรวงศึกษาธิการติมอร์-เลสเต และอุปทูตไทย มีนัดหมายไปเยี่ยมเยียน Ms. Filomena ครูรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี คนที่ 5 ล่าสุด

พบผู้บริหารโรงเรียน Saint Miguel Arcanjo School and Child Care Centre พบเด็กนักเรียนและผู้บริหารท้องถิ่นเทศบาลซาเม่ เมืองเอกของจังหวัดมานูฟาฮี ที่โรงเรียนตั้งอยู่อีกฟากฝั่งหนึ่งของเกาะ

นักเรียนในชุดแต่งกายพื้นเมือง ตั้งขบวนต้อนรับคณะผู้มาเยือนโรงเรียน Saint Miguel Arcanjo School

รถเคลื่อนตัวออกจากเมืองหลวงกรุงดิลีได้ไม่นานสุดถนนซีเมนต์ เข้าสู่ถนนโรยหินกรวด บางช่วงเริ่มขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่อ ถูกตัดขาดออกจากกัน รถโคลงเคลงไปมา ผู้โดยสารโอนเอนตัวไปตามแรงเหวี่ยงด้วยฝีมือขับของโชเฟอร์ผู้ชำนาญทาง

ฝั่งขวามือเป็นแม่น้ำสายหลักไหลผ่านเข้าเมือง วันนี้เหือดแห้งเหลือแต่พื้นทรายยาวตลอดทั้งเส้น เหตุจากวาตภัยพายุกระหน่ำอย่างหนักเมื่อสองเดือนก่อน ซ้ำเติมด้วยอุทกภัย ฝนเทล้นทะลักลงมาจากยอดเขาสูงฝั่งตะวันตกเป็นคลื่นใหญ่พัดถนนทั้งสายขาดหายไปในเวลาไม่นาน ก่อนไหลลาดต่ำลงไปเรื่อยๆ จนถึงชายทะเลฝั่งตะวันออก

ทอดสายตามองขึ้นไปสู่ยอดเขาสูง เป็นภูเขาหัวโล้นแห้งแล้ง ไม่มีไม้เบญจพรรณใหญ่นอกจากสนแซมด้วยกาแฟ ข้างทางจึงมีป้ายภาษาอังกฤษ ระวัง Landslide ดินถล่ม ปักเตือนคนขับรถเป็นระยะๆ

เหตุจากป่าไม้ถูกตัดโค่น ทำลาย ขนไม้มีค่า ไม้หอม ไปสร้างความมั่งคั่งให้จักรวรรดินิยมผู้รุกรานมาเป็นเวลานานกว่าสองร้อยปี จึงไม่เหลือรากเป็นแหล่งดูดซึมซับน้ำ ไม่มีต้นเป็นกำแพงสกัดกั้นแรงลมและฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างบ้าคลั่ง ทำให้เกิดความเสียหายยับเยิน ปีแล้วปีเล่า

ขณะเดียวกันศักยภาพที่จะสร้างเครื่องสกัดกั้นและเก็บกักน้ำไว้ใช้ประโยชน์ เช่น เขื่อน ต้องใช้เงินลงทุนมหาศาล จึงไม่มีการชลประทานอย่างเป็นระบบ งบประมาณแต่ละปีต้องหมดไปกับการซ่อมแซมและสร้างถนนใหม่เพื่อให้ผู้คนสัญจรไปมาก่อนอื่น โรงเรียนหลายแห่งขุดลงไปเจอน้ำกร่อย เพราะติดทะเล เก็บกักน้ำฝนไม่ได้

มรดกบาปที่ตะวันตกทิ้งไว้เป็นประวัติศาสตร์บาดแผลในความทรงจำของชาวติมอร์จึงยากจะลืมเลือน นักล่าอาณานิคมจากไปโดยไม่วางโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำเนินชีวิตของคนท้องถิ่นไว้เลย นอกจากวัฒนธรรม ความเชื่อ ภาษา และศาสนา ที่รับต่อกันมาถึงวันนี้

 

ติมอร์จึงเผชิญกับสภาพแร้นแค้นยากจนมายาวนาน รายได้เฉลี่ย GDP ต่อหัวจากรายงานของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ International monetary fund 2022 (IMF) อยู่ในอันดับ 10 ในกลุ่มอาเซียน 1,456 ดอลลาร์สหรัฐ ราว 50,000 บาทต่อปี ขณะที่อันดับ 11 สุดท้าย ได้แก่ เมียนมา 1,285 ดอลลาร์

ที่เหลือเรียงตามลำดับดังนี้ บรูไน 79,816 ดอลลาร์ สิงคโปร์ 79,576 ดอลลาร์ มาเลเซีย 13,268 ดอลลาร์ ไทย 7,449 ดอลลาร์ อินโดนีเซีย 4,691 ดอลลาร์ เวียดนาม 4,122 ดอลลาร์ ฟิลิปปินส์ 3,858 ดอลลาร์ ลาว 2,319 ดอลลาร์ กัมพูชา 1,752 ดอลลาร์

แม้พวกเขาจะต่อสู้จนประกาศตัวเป็นเอกราชสำเร็จเมื่อ 21 ปีที่ผ่านมา ร่วมใจกันฟื้นฟูบูรณะบ้านเมืองและชีวิตของผู้คนให้ค่อยๆ ดีขึ้นมาตามลำดับแต่ก็เหน็ดเหนื่อยแสนสาหัส

เพราะไม่ใช่แค่เริ่มจากศูนย์แต่ต่ำกว่าศูนย์ ขาดแคลนทั้งทุน เทคโนโลยี การศึกษาและคนที่มีคุณภาพ

เฉพาะความสูญเสียโครงสร้างพื้นฐานทางการศึกษา พ.ศ.2544 หนึ่งปีก่อนได้รับเอกราชจากอินโดนีเซีย โรงเรียนร้อยละ 90 ถูกทำลายจากความรุนแรง ครู 6,000 คน นักเรียน 240,000 คนเดือดร้อน หลังเป็นอิสระต้องเริ่มสร้างโรงเรียนขึ้นใหม่ จาก พ.ศ.2545 ถึง 2557 นักเรียนเพิ่มเป็น 364,000 คน ครูเพิ่มเป็นสองเท่า 12,000 คน อัตราการเข้าเรียนต่อเพิ่มจาก 68% ในปี 2558 เป็น 85% ปี 2561

อัตราการเรียนต่อของนักเรียนเพิ่มสูงขึ้นตามลำดับก็ตาม แต่ยังพบว่า วัยรุ่นและผู้ใหญ่ขาดการศึกษา กว่า 27% กึ่งอ่านออกเขียนได้ 37% ไม่รู้หนังสือ และไม่มีงานทำ ระหว่างรถวิ่งไปจะเห็นภาพคนหนุ่ม คนสาว เดิน นั่ง จับกลุ่มกันเป็นหย่อมๆ อยู่ตามริมถนน เพราะว่างงาน

ติมอร์ยังเผชิญกับสภาวะ Demographic timebomb ระเบิดเวลาลูกใหญ่ที่คนหนุ่มสาว 30% ของวัย 15-25 ปี ไม่มีงานทำ ไม่มีการศึกษา ไม่ได้รับการฝึกฝนทักษะต่างๆ

 

สัมผัสชีวิตชนบทแล้วอดเกิดคำถามในใจไม่ได้ว่า นิยามความสุขของคนติมอร์คืออะไร

“คนติมอร์ถูกกดขี่ เอารัดเอาเปรียบมานาน เลยมีแต่ความทุกข์” นักเดินทางร่วมขบวนบางคนสะท้อนคิด

ฟังแล้วผมคิดไปไกล “ความสุขของคนตกปลากับความสุขของพ่อค้าประมง ต่างกัน ความสุขทางใจกับความสุขทางกาย จะพบกันตรงจุดไหนถึงจะพอดี”

แม้สงครามความยากจนยังไม่จบ แต่ภาพชีวิตจริงที่เห็นตามข้างทาง รถขายพืชผลทางการเกษตร ผักสดมัดเป็นกำๆ หมากมัดแห้ง แผงขายไม้ฟืนสำหรับเป็นเชื้อเพลิงติดเตาและสินค้าจำเป็นนานาชนิด จอดรอให้ลูกค้ามารุมกันจับจ่าย

หน้าตา ท่าทางพวกเขายิ้มแย้มแจ่มใสเป็นกันเอง ต้อนรับคนต่างชาติผู้มาเยือนอย่างมีมิตรไมตรี

รายได้น้อย ขาดแคลน แต่ก็อยู่ได้ ชีวิตปลอดภัย ไม่มีแหล่งอบายมุข ตกค่ำต่างคนต่างกลับบ้าน สถิติอาชญากรรมต่ำมาก ตำรวจว่างงานเพราะไม่ค่อยมีคดีความให้สะสาง แผ่นดินล้อมรอบด้วยทะเล หายใจปลอดโปร่ง ช่วงโควิด-19 ระบาด ตายไม่ถึง 200 คน

 

ขบวนรถวิ่งมาได้ครึ่งทาง กว่าสองชั่วโมงครึ่ง หยุดแวะพักที่ร้าน Sara Coffee Shop ให้คลายเหนื่อยกับกาแฟติมอร์รสเลิศ อะโวคาโดปั่นใส่ไอศกรีม ริมรั้วชั้นบนที่ตั้งโต๊ะลูกค้า ต้นกุหลาบกำลังออกดอกใหญ่สีเหลืองงาม ให้เห็นเป็นต้นแรกนับแต่วันมาถึง ทั้งๆ ที่กุหลาบเป็นไม้ประจำชาติของติมอร์ ชาวบ้านกลับไม่นิยมปลูก ไม่รู้เหตุผลเพราะอะไร หน้าบ้านริมถนนปลูกต้นยี่โถมากกว่า ดอกชมพู แดง ขาว ห้อยย้อยเป็นพวงตลอดทาง

ออกเดินทางต่ออีกชั่วโมงครึ่ง รวมเวลา 5 ชั่วโมงถึงโรงเรียน 11.00 น.พอดี ตั้งอยู่บนพื้นที่ราบสูงจากระดับน้ำทะเล 500 เมตร

นักเรียนหญิงชาย ครู และผู้บริหาร นับร้อยคนตั้งแถวรอต้อนรับ ตีกลองเป็นจังหวะดนตรีพื้นถิ่น เด็กๆ ทยอยเดินมาสวมผ้าทอหลากสีคล้องคอแขกผู้มาเยือนจนครบทุกคน พร้อมสัมผัสมืออันอบอุ่น

นักเรียนหญิงคนหนึ่งก้าวออกมายืนแถวหน้า กล่าวเป็นภาษาอังกฤษ The key of life

กุญแจชีวิต

การศึกษา แสงสว่างแห่งชีวิต ของขวัญของชีวิตทางวิชาการ

การศึกษา กุญแจแห่งอนาคตอันสดใสและคุ้มค่า กาวเชื่อมความฝันที่ไร้รอยต่อ

การศึกษา เส้นทางสู่ความสำเร็จอันศักดิ์สิทธิ์ การขับขี่ที่ราบรื่นสู่ความยิ่งใหญ่

การศึกษา ทำให้ความคิดที่แตกต่างปรากฏให้เห็น ขับไล่ความไม่รู้ทั้งปวง

การศึกษา นำเราไปสู่หนทางแห่งความเจริญรุ่งเรือง ทำให้วันพรุ่งนี้ของเราเกิดความมั่นคงที่ชัดเจน

การศึกษา กระบวนการเรียนรู้ ทำให้เราแสวงหารายได้ในอนาคต

การศึกษา การค้นพบตัวตนที่แท้จริงคือคติประจำใจ นำไปสู่ชีวิตที่ประสบความสำเร็จคือปัจจัยสำคัญ และการแสวงหาประโยชน์จากศักยภาพของเรา

การศึกษา พิทักษ์ปกป้องเสรีภาพได้ยิ่งกว่ากองทัพ เรือชูชีพที่ทำให้เราเห็นและผ่านวันแห่งมรสุม

ยินดีต้อนรับ ยินดีต้อนรับ

โอ้ มิตรสหาย ยินดีต้อนรับเสมอ

ฉันรู้ว่าคุณไม่มีวันที่แน่นอน มาเยี่ยมเราได้ตลอดเวลา

ให้โอกาสฉันปฏิบัติต่อคุณด้วยความรักและนับถือ

ให้ฉันได้เห็นความสุขสบายของคุณ เพราะคุณคือคนสำคัญ

ทันทีที่เสียงก้องกังวานของเด็กน้อยจบลง เสียงปรบมือดังเป็นระยะอยู่นาน จากนั้นทุกคนพากันเดินเข้าสู่อาคารหอประชุมโรงเรียน เพื่อร่วมรายการต้อนรับการมาเยือนอย่างเป็นทางการ