เผยแพร่ |
---|
การตัดสินใจต่อพรป.ว่าด้วยพรรคการเมืองกำลังจะกลายเป็นสันปันน้ำอันแหลมคมยิ่งในทางการเมือง
นั่นก็คือ จะแก้หรือไม่แก้
นั่นก็คือ จะแก้ตามกระบวนการทางกฎหมายอย่างปรกติ หรือจะแก้ด้วยวิธี”พิเศษ”
นั่นก็คือ จะแก้ตรงไหน อย่างไร
หากมองจากความเป็นจริงที่พรป.ว่าด้วยพรรคการเมืองคือผลผลิตอันมาจาก “คสช.”
เพียงเกิดความคิดที่จะ”แก้”ก็เป็น”ประเด็น”อยู่แล้ว
เนื้อหาและกระบวนการในการแก้ ยิ่งจะเพิ่ม”ประเด็น”และความร้อนแรงในทางการเมืองเพิ่มขึ้น
ที่คิดว่า “รุก” ก็จะกลายเป็น “รับ”
จุดเปราะบางเป็นอย่างมากก็คือ ความสงสัยที่ว่าทำไมคสช.จึงไม่ยอม “ปลดล็อก” พรรคการเมือง
เพราะยังมี “ความไม่สงบ” จริงหรือ
หากดูจากความเงียบหาย สลายไปของกรณีอาวุธสงครามและวัตถุระเบิด เป็นลำดับก็พอจะเข้าใจ
เข้าใจในเงื่อนงำ
ในที่สุด กรณีนี้ก็จะฟ้องให้เห็นว่า “ความไม่พร้อม”ของคสช.ต่างหากที่กำลังนำไปสู่ปัญหา
นั่นก็คือ กฎหมายไม่สามารถ”บังคับ”ใช้ได้ในทางเป็นจริง
และยิ่งปล่อยให้เนิ่นนานไปก็ยิ่งฟ้องให้เห็นว่า แม้กระทั่ง”รัฐ
ธรรมนูญ” ก็ไม่สามารถ”บังคับ”ใช้ได้ในทางเป็นจริง
เพราะนั่นเป็นกฎหมาย”ประกอบ”รัฐธรรมนูญ
คำถามที่ตามมาโดยเฉพาะเมื่อพรรคประชาธิปัตย์ตัดสินใจดับเครื่องชนในเรื่องการไม่”ปลดล็อก”
อะไรคือ “ความกลัว” ของ “คสช.”
กลายเป็นว่า ความกลัวต่อ”การเลือกตั้ง”นั่นเองที่สะท้อนการ ไม่พร้อมในทางการเมือง
สถานการณ์จึงเริ่ม”บานปลาย”
กลายเป็นว่า ไม่เพียงแต่กลัวต่อความพ่ายแพ้ต่อพรรคการ เมืองบางพรรค หากกลายเป็นความกลัวและหวาดระแวงต่อทุก พรรคการเมือง”เก่า”
แนวรบจึงขยายและเริ่มบานปลาย