มองรัฐบาลผ่านม่านตา อดีตแกนนำพันธมิตร ‘รัฐบาลเศรษฐาต้องระวังเงาทักษิณ’

รายงานพิเศษ | เดชพิชญ์ แสงเพ็ชร์

 

มองรัฐบาลผ่านม่านตา

อดีตแกนนำพันธมิตร

‘รัฐบาลเศรษฐาต้องระวังเงาทักษิณ’

 

สุริยะใส กตะศิลา คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต มองรัฐบาลสลายขั้ว ว่ายังไม่เห็นแผน ยังมองไม่ออกว่าจะทํายังไง คือมันพูดง่าย ใครก็พูดได้ นักการเมืองก็แข่งกันพูดมาทุกสมัยว่าลดความขัดแย้ง สมานฉันท์ ปรองดอง แต่เวลาปฏิบัตินี่ไม่ทําแล้วก็ไปซ้ำเติมความแตกแยกหรือเปิดแผลใหม่เข้ามาหรือเปล่า แบบนี้น่ากลัว

ที่สําคัญช่วงของความขัดแย้งเกือบ 20 ปีที่ผ่านมานี่มันมีกลุ่มก้อนการเมืองบางกลุ่มใช้ประโยชน์จากความขัดแย้ง ถ้าพูดให้แรงที่สุดก็ต้องบอกว่าหากินกับความแตกแยกของผู้คน โดยชูนโยบายที่ดูเหมือนจะทําให้ผู้คนรักใคร่กัน สมัครสมานสามัคคีเป็นเอกภาพ แต่พอถึงเวลาจริงๆ มันคนละอย่าง

ครั้งนี้ก็เหมือนกัน ตราบใดที่ผมยังไม่เห็นแผน เห็นนโยบาย เห็นมาตรการ ผมสันนิษฐานไว้ก่อนมันอาจจะเป็นแค่คำทางการเมือง ต้องตั้งข้อกล่าวหาไว้ก่อน

พอเขาถวายสัตย์ปฏิญาณ ครม.ชุดใหม่เสร็จ แถลงนโยบายแล้วมีคณะทํางานเป็นเรื่องเป็นราว ก็ต้องมาว่ากันอีกที

 

โฉมหน้า ครม.ที่ปรากฏ

ผมพยายามคิดหลายตลบถึงการตั้ง ครม.โดยปลดล็อกระบบโควต้า ระบบทุนทางการเมือง ที่เราติดกับดักมาตลอดทุกยุคทุกสมัย

แต่ใครเป็นรัฐบาลก็เหมือนกัน พูดอย่างตรงไปตรงมามันไม่ใช่แค่เพิ่งมีกับรัฐบาลนี้ เพียงแต่ชุดนี้คนคาดหวังค่อนข้างมาก เพราะเป็นรัฐบาลที่มีลักษณะพิเศษ สูตรพิเศษข้ามขั้วสลายขั้ว แล้วก็ประกาศชัดว่าจะเป็นรัฐบาลที่พยายามจะแก้ปัญหาเรื่องปรองดอง วิกฤตเศรษฐกิจ และเรื่องรัฐธรรมนูญอะไรทํานองนี้

แต่พอดูตัวคนแล้วต่อให้เป้าหมายชัดก็แต่ตัวคนเข้ามามีวิกฤตศรัทธาตั้งแต่เริ่มต้น มันจะเข็นไปสู่เป้าหมายยังไง คุณเอาตํารวจมาคุมครู กับเอาครูไปคุมทหาร มันผิดที่ผิดทางแล้ว

ต้นทุนของการก่อรูป 11 พรรคมันฝ่าด่านฝ่าวิกฤตสารพัดวิกฤตมากระทั่งปัจจุบันวิกฤตเหล่านั้นยังตามหลอน ปลดระวางไม่ได้ และโดนกล่าวหาว่า เช่น ตระบัดสัตย์โกหกประชาชน เชื่อถือไม่ได้

ผมจึงคิดว่าต้องดูว่ารัฐบาลนี้จะใช้ช่วงเวลาในการสร้างผลงานที่อาจจะทําให้ผู้คนคาดไม่ถึงหรือลืมความขมขื่นอะไรแบบนั้นได้หรือไม่ เพราะว่าการได้มาซึ่งรัฐบาลนี้มันมีต้นทุนที่สูงมาก โดยเฉพาะพรรคใหญ่ หรือแม้กระทั่งพรรคไม่ได้ใหญ่มากแต่ประกอบส่วนกับรัฐบาลนี้

เช่น พรรคลุงตู่ ผมคิดว่าจะมีคําถามตามมาจากมวลชนสูงเหมือนกันว่าจะรวมกันได้จริง หรือว่าสุดท้ายก็เป็นแค่เกมของนักการเมืองที่ใช้ปรองดองเป็นข้ออ้าง แล้วก็มาแบ่งปันจัดสรรผลประโยชน์กัน แล้ววันนี้มันก็เห็นภาพชัดด้วยตัวรัฐมนตรีที่มีชื่อในโผ มันอธิบายได้ว่าเป็นระบบโควต้าทั้งนั้น

1. มีตัวแทนกลุ่มทุนชัดเจน กลุ่มทุนใหญ่ได้รัฐมนตรีกระทรวงสําคัญ

2. เป็นการตอบแทนบรรดาพวกคนทํางานให้พรรค ที่สามารถกวาดต้อนหัวคะแนน สร้างคะแนนได้อะไรทํานองนี้

จึงไม่ได้ฉีกออกไป มีนวัตกรรมใหม่ๆ เช่น เอาคนนอก คนดีมีคุณภาพ คนที่ไม่บอบช้ำ ไม่มีมลทิน

โจทย์ใหญ่ที่นายกฯ เศรษฐาต้องเผชิญ

เฉพาะหน้าก่อนเลยนะ ผมคิดว่าภาพที่มี leader 2 คนที่เริ่มมีการแซวว่าเราจะมีนายกรัฐมนตรี 2 คนเหมือนกัมพูชาในอดีตไหม คือ คุณทักษิณ ชินวัตร กับ คุณเศรษฐา ทวีสิน ผมห่วงว่าบทบาทของคุณทักษิณจะไปบดบัง ไปเบียดบทบาทของนายกฯ เศรษฐา จนทําให้โฟกัสการเมืองมันไปอยู่ที่คุณทักษิณ จนสุดท้ายกลายเป็นกระสุนตกของรัฐบาลนี้รึเปล่า คนอาจจะรู้สึกว่าคุณทักษิณไม่ยุ่งการเมืองจะมาเลี้ยงหลาน

ดังนั้น สถานการณ์เฉพาะหน้าต้องบาลานซ์บทบาทของลีดเดอร์ 2 คนนี้ให้ได้ก่อน สําหรับรัฐบาลนี้ เพราะเงาของรัฐบาลนี้ผมคิดว่ายังเป็นภาพคุณทักษิณ ซึ่งคุณเศรษฐาจะสร้างตัวเองขึ้นมาให้อยู่เหนือคุณทักษิณหรือเป็นผู้นํารัฐบาลนี้ได้ ทําอันนี้ไม่ได้ หรือทําได้ช้า นโยบายใหญ่มันยังไม่ไป แค่ชื่อ ครม.ออกมาบางคนก็รู้สึกไม่แฮปปี้ละ กระทรวงดีๆ กระทรวงสําคัญที่ไปเกี่ยวข้องกับนโยบายที่สําคัญของพรรคทําไมไม่ได้ อะไรแบบนี้ ก็ต้องรีบประชุมพรรค ต้องเข้าไปเคลียร์อธิบายพรรค

ที่สำคัญคือเรื่องบารมี โดยเฉพาะในโครงสร้างรัฐบาลพรรคร่วมนี้ กลไกที่สําคัญที่สุดในการจัดการรัฐบาลคือ “ผู้มีบารมี” ถามว่าวันนี้คุณเศรษฐาไม่ใช่บทบาทนั้น แต่กลับเป็นคุณทักษิณ ถ้าบาลานซ์ไม่ได้ จะกลายเป็นสุดท้ายผลประโยชน์ส่วนตนส่วนรวมแยกกันไม่ออก

บทเรียนในอดีตไม่ถูกนํามาใช้ก็จบเห่เหมือนกัน

 

ทำไมประยุทธ์ถึงยอมศัตรูในอดีต

อย่างพรรคเพื่อไทยขึ้นมามีอำนาจ?

ไม่มีใครคิดหรอกว่าฉากทัศน์แบบนี้มันจะเกิดขึ้นในศตวรรษนี้ ไม่ว่าใครเขียนบทก็ตาม หรือไม่ว่าจุดมุ่งหมายปลายทางลึกๆ คืออะไรก็ตาม การเมืองแบบนี้มันอาจจะทําในสิ่งที่เราคาดไม่ถึงก็ได้

สมมุติเวลาคุณพูดว่า “พิเศษ” ในความหมายที่ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ คือมันไม่ปกติ ใช่ไหม

จากนี้ไปการที่รัฐบาลทําให้คนรู้สึกแบบนี้ แล้วก็เหมือนหวังอะไรบางอย่างที่มันอาจจะต้องเกิดแล้วมันดี แต่ถึงเวลามันไม่มาหรือไม่มี รัฐบาลให้ไม่ได้เนี่ย แรงไม่พอใจ ความรู้สึกผิดหวังมันจะแรงขึ้น

ไม่ใช่แค่กับเพื่อไทยนะ ผมหมายถึงว่าพรรคที่ถูกลากไปด้วย คือตอนนี้คุณอาจจะมองว่าเพื่อไทยเป็นจําเลยคนเดียว ไม่ใช่นะ ผมว่าทุกพรรคนั่นแหละ คุณไปอยู่ใน mou แบบนี้อ่ะ คุณเป็นแล้วคุณไม่สนใจไม่ผลักดัน ignor กับยุทธศาสตร์ใหญ่ๆ ของบ้านเมือง คุณก็ไปแบ่งเค้ก ถอนทุน เตรียมกระสุนเลือกตั้ง อันนี้พังเลย

ผมคิดว่าสมการของการแข่งขันทางการเมืองในการเลือกตั้งครั้งหน้าจะไม่เหมือนที่ผ่านมาแน่นอน ก้าวไกลจะแรงได้มากกว่าเดิม ซึ่งผมคิดว่านี่เป็นโจทย์ใหญ่ของบรรดาพรรคร่วมรัฐบาลชุดนี้

ฉะนั้น การยุบควบรวมพรรค มันจะเกิดขึ้น แล้วจะเกิดขึ้นก่อนเลือกตั้งนานด้วยซ้ำเพื่อเตรียมการบางอย่าง

ผมรู้สึกอย่างนั้น

 

ในฐานะที่เคยเข้าไปอยู่ในเรือนจํา

มองกรณีของคุณทักษิณอย่างไร?

ผมว่าให้อธิบายด้วยภาพดีกว่า จนวันนี้ยังไม่มีใครออกมาการันตีว่าคุณทักษิณแกขาข้างหนึ่งได้เข้าไปย่างกรายในเรือนจําจริงๆ หรือยัง

คนอาจจะเข้าใจว่าพอเข้าไปในเรือนจําแล้วมันคือคุก จริงๆ ไม่ใช่

ส่วนแรกมันคือฐานพยาบาล ต้องตรวจสุขภาพ ตรวจเลือดสารพัด เอ็กซเรย์ ตรวจหัวใจ ถอดเสื้อ ฉีดน้ำ คือดูละเอียดมาก ก่อนปล่อยเข้าไปในเรือนจํา ตรงนั้นมันอาจจะเป็นแค่ช่วงพักอยู่ ช่วงอยู่ที่ฐานพยาบาล

ที่บอกว่าแดน 7 ถ้าจะถามหารูปถ่ายราชทัณฑ์ก็คงไม่ให้ แต่ถ้าใครปล่อยภาพอีกภาพด้านหนึ่งว่ากินดีอยู่ดีอะไรแบบนี้ มีคนแห่ไปเยี่ยมอันนั้นอันตราย คำว่า “สองมาตรฐาน” จะเกิดขึ้นทันที

แล้วการเมืองไทยช่วงเหลืองแดงสมัยนู้น คำนี้คือประเด็นใหญ่ที่สุด เป็นคำที่คุณทักษิณพูดบ่อยมากกว่าคนอื่นด้วยซ้ำไป

ถ้าคิดแค่กลับบ้านไม่สนใจอะไรเลย ไปสร้างมาตรฐานที่ผิดเพี้ยน ใช้ความเป็นอภิสิทธิ์ชน อันนี้จะทําให้ภาพเหล่านี้ไปครอบภาพคุณเศรษฐา-รัฐบาล แล้วสุดท้ายมันจะเป็นกระสุนตก เวลาเขาโจมตีรัฐบาลเศรษฐามันจะเห็นภาพคุณทักษิณอยู่ข้างหลัง

ถ้าแยกภาพนี้ไม่ออก เพื่อไทยเหนื่อยนะบอกเลย ก้าวไกลอยู่เฉยๆ ก็ได้คะแนน เอางี้ดีกว่า แล้วมันเป็นชนวนได้ต้องระวัง

จริงๆ การกลับมาของคุณทักษิณ ผมก็ไม่มีปัญหา แกกลับมารับโทษก็ดีด้วยซ้ำ ต้องสนับสนุนหากยอมรับคําพิพากษา แต่กลับมารับคําพิพากษาท่าไหนหากไม่ได้รับผิดรับโทษ ไม่ว่าจะเหลืองแดงส้มที่ไปอยู่ในเรือนจําถูกล่ามโซ่ใส่ตรวน-กุญแจมือ ใส่ชุดนักโทษกัน กล้อนผมอะไรแบบนั้น กลายเป็นสังคมที่สู้กันมา 20 ปีเรื่องสองมาตรฐานมันไม่ได้หายไปเลย

สุดท้ายผมก็หวังว่ารัฐบาลใหม่ซึ่งเป็นรัฐบาลที่โชกโชนมากับสงครามความขัดแย้ง ข้อดีของรัฐบาลนี้คืออะไรรู้เปล่า? คือคุณเอาสองปีกสองฝ่ายที่มันรบกันมาตลอด มานั่งอยู่ใน ครม.เดียวกัน มาประชุมร่วมกันเพื่อกําหนดนโยบายชาติบ้านเมือง นี่คือจะเป็นจุดแข็งได้ถ้าใช้ให้เป็น

แต่ถ้าทั้งหมดนี้มันคือเกมฮั้ว ไม่ใช่การปรองดอง เป็นการฮั้วของนักการเมือง มันอันตราย คุณกําลังฆ่าตัวเองอยู่

ติดตามคลิป

https://www.youtube.com/@MatichonWeekly