ลมหายใจเดียวกัน | สถานีคิดเลขที่ 12 โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

สถานีคิดเลขที่ 12 | สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

 

ลมหายใจเดียวกัน

 

“ขออนุญาตกลับไปอาศัยอยู่บนผืนแผ่นดินไทยและร่วมอากาศหายใจกับพี่น้องคนไทยด้วยคนนะครับ”

เชื่อว่า พี่น้องคนไทย คงไม่ขัดข้อง กับคำขอ ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

เช่นกัน เชื่อว่า พี่น้องคนไทย พร้อมจะให้โอกาส นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนใหม่ จากพรรคเพื่อไทย

ที่ขอโอกาส ทำงาน ภายใต้ ความตั้งใจ ที่ว่า

“4 ปีต่อจากนี้ จะเป็น 4 ปี แห่งการเปลี่ยนแปลงประเทศ ไทยมีวิกฤติและปัญหาที่ต้องการทางออกอย่างเร่งด่วน ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ รายได้ รายจ่าย ความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ความมั่นคง สังคม การต่างประเทศ สิ่งแวดล้อม กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม การทุจริตประพฤติมิชอบ และอื่นๆอีกมากมายที่ล้วนก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำ ความไม่เท่าเทียม ความยากลำบาก ผมมีความประสงค์ที่จะดำเนินนโยบายต่างๆ ที่ได้เตรียมไว้เพื่อแก้ไขวิกฤติ สร้างการพัฒนา การเปลี่ยนแปลงในระดับมหภาค ไปจนถึงในภาคของครัวเรือน ขับเคลื่อนประเทศไทยไปข้างหน้า”

อนุมานจาก ทวีตของนายทักษิณ และคำแถลงของนายเศรษฐา

ตอนนี้ ต่างต้องการเป็น “ลมหายใจเดียวกัน”กับชาวบ้าน

ซึ่งเป็นเรื่องดี และน่าสนับสนุน

แม้รู้ดีว่า ชาวบ้านเอง ก็คงไม่ค่อยมีศักยภาพในการขัดขืนสักเท่าไหร่หรอก

ใครมาขอแบ่งอะไร แม้กระทั่งอากาศหายใจ ก็ต้องให้

และอยู่ในภาวะที่”ให้” เช่นนี้มาตลอด

แต่จะได้รับอะไรตอบแทนกลับคืนบ้าง อันนี้มักไม่มีคำตอบ

อย่างกรณีนายทักษิณ ที่ได้มีโอกาสมาร่วมอากาศหายใจกับพี่น้องคนไทยแล้ว

แต่ก็(มีใครไม่รู้)ได้สร้างปรากฏการณ์ความน่าสงสัย ขึ้นในหัวใจของชาวบ้าน

เป็นความน่าสงสัยในเรื่อง สิทธิพิเศษของผู้ต้องหา จนถูกตั้งคำถามถึงเทวดาอะไรไปนู่น

นายสมชาย หอมลออ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย และที่ปรึกษาอาวุโส มูลนิธิผสานวัฒนธรรม และสมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน ออกมาบอกตรงๆผ่านสื่อ เลยว่าเรื่องนี้เป็นตัวอย่างชัดเจนที่สะท้อนให้เห็น ถึงความเหลื่อมล้ำ

ระบบที่ไม่เป็นไปตามหลักการของความเสมอภาค การไม่เลือกปฏิบัติ ที่ไม่คำนึงถึงศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ และสิทธิเสรีภาพของประชาชน

ซึ่งมันเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าไม่มีบางสิ่งบางอย่างที่เกิดขึ้นในระบบ

“บางสิ่งบางอย่าง”คืออะไร ในใจของชาวบ้านย่อมรู้ดี

นั่นเองนายสมชาย จึงเรียกร้องถึงการขยายสิทธิเท่าเทียมกัน

ด้วยยังมีผู้ต้องหาจำนวนมากในที่คุมขังที่มีโรครุมเร้าเหมือนกัน ก็ควรมีโอกาสได้มีสถานะเช่นเดียวกัน

ถ้ารัฐบาลใหม่ชุดนี้ ตระหนักถึงเรื่องนี้ก็ควรจะต้องทำ ไม่ใช่เลือกที่จะทำกับคนบางคน หรือคนบางกลุ่มเท่านั้น เพราะเท่าที่ทราบมีหลายคนที่เสียชีวิตไป เพราะไม่มีโอกาสเท่าเข้าถึงบริการด้านการแพทย์ และสาธารณสุข

คำถามนี้ย้อนกลับไปถึงรัฐบาลใหม่ ที่มีนายเศรษฐา เป็นผู้นำ เช่นกัน

เพราะได้ประกาศจะขจัด ความเหลื่อมล้ำ ความไม่เท่าเทียม ใน “ทุกด้าน”ไม่ใช่แค่เรื่องสิทธิผู้ต้องหา

คำถามนี้จึงแหลมคม

แหลมคม ว่าจะสามารถทำได้จริงหรือไม่

จะก้าวพ้น ภาวะ”ความล้มละลายในความเชื่อถือในคำพูด” ที่เกิดขึ้นในปริมลฑลการเมือง หลังเลือกตั้งได้จริงหรือไม่

ถ้าทำได้จริง เราในฐานะพี่น้องคนไทย ก็พร้อมร่วมเป็น “ลมหายใจเดียวกัน”ได้อย่างสดชื่น และมีชีวิตชีวา!?!

——————