องคุลีมาล ยุคปี60 : โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

สถานีคิดเลขที่ 12/สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร
—————-
องคุลีมาล ยุคปี60
——————

ปกมติชนสุดสัปดาห์ ถาม แทน อียู ด้วยอารมณ์ขัน ขื่น-ขื่น
ว่า เมื่อ คลาย (กฎ เจตจำนง และวิญญาณที่จะปกป้องประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน) ให้แล้ว
YOU (ซึ่งก็คงไม่ใช้ใครที่ไหน ไทยแลนด์นี่ล่ะ) ว่าไง
ซึ่งเราก็ได้ ยินผู้นำบริหารประเทศคือพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตอบไปแล้ว ว่า
ยังยืดตามโรดแมป (โดยไม่ระบุว่าจะเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายน อย่างที่อียูย้ำความจำไว้)ส่วนจะเลือกตั้งเมื่่อใด
ขึ้นอยู่กับ “กฎหมายลูก” จะเสร็จเรียบร้อยเมื่อใด
เจอ คำตอบ แบบนี้เข้า ไม่รู้ อียู ตามความยอกย้อน ทันหรือเปล่า
แต่ ในเมืองไทย เกิดปรากฏการณ์ แปลกๆ กับกฎหมายลูก ที่จะต้องผ่านอย่างน้อย 4 ฉบับถึงจะมีเลือกตั้งได้ไปแล้ว คือ
1)พ.ร.ป.การเลือกตั้ง ส.ส. 2)ร่าง พ.ร.ป.การได้มาซึ่งส.ว 3)ร่าง พ.ร.ป.คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) 4) พ.ร.ป.พรรคการเมือง
ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2 ยังอยู่ในการพิจารณาสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ยังไม่มีอะไรผิดปกติมากนัก
แต่ก็อย่าวางใจ ในขบวนการพิจารณาเกิดอะไรขึ้นได้เสมอ
ถึงขนาดมีคนมองในแง่ร้ายไว้ว่า หากหน้ามืดกันจริงๆ อาจมีสัญญาน”สุดท้าย” ให้ ล้ม พ.ร.ป.ทั้ง 2 เลยก็ได้
ส่วนฉบับที่ 3 พ.ร.ป.คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ที่ไม่น่ามีปัญหา เพราะสามารถโละกกต.ชุดเก่าไปได้ทั้งชุด
แต่ก็นั่นแหละ ด้วยหลักที่ว่า โลกนี้ไม่มีอะไรฟรี
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ที่ถูกโละ ก็ได้ย้อนศร เอาคืน
ด้วยการตั้งข้อสงสัยถึงที่มาของ 2 กกต.สายศาลฏีกา มีที่มาถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ด้วยที่ประชุมใหญ่ศาลฏีกาอาจจะไม่ได้ลงคะแนนเลือกโดยเปิดเผย
เรื่องนี้ ละเอียดอ่อน
เพราะหาก “ผิดจริง” คงเป็นเรื่องหัวเราะมิออก ร่ำไห้มิได้
และตอนนี้ สนช. ก็มีมติ ชะลอการตรวจสอบประวัติ 7 กกต.ไว้ก่อนและขอ ให้ ที่ประชุมใหญ่ศาล ชี้แจงขั้นตอนการเลือกมาให้พิจารณาก่อน
พ.ร.ป.คณะกรรมการการเลือกตั้ง ที่ว่าไม่มีปัญหา จึงมีปัญหาขึ้นมาดังที่ว่า
มีปัญหา เช่นเดียวกับ พ.ร.ป.พรรคการเมือง ที่มีผลบังคับใช้แล้ว
แต่กลับไม่สามารถเดินหน้าใดๆได้ เพราะเจอคำสั่งมาตรา 44 ของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ปิดล็อคเอาไว้
ไม่ยอมให้พรรคการเมืองดำเนินกิจกรรม ทั้งที่กฎหมายกำหนดขั้นตอนเอาไว้ชัดเจน
มีการเรียกร้องให้ปลด คสช. ก็ไม่ยอม
พล.อ.ประยุทธ์ มาตั้งแง่เอาไว้ล่าสุด ว่าจะปลดล็อคให้ แต่จะขอปลดเป็นขั้นเป็นตอน
ซึ่งก็ยังไม่เห็นว่าจะทำอย่างไร
แต่ก็ต้องมาปั่นป่วนซ้ำเข้าไปอีก เมื่อ “มือไม้และกองเชียร์คสช.” คือ นายไพบูลย์ นิติตะวัน และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ออกมาเคลื่อนไหว ให้แก้ไขพ.ร.ป.พรรคการเมือง
โดยอ้างความไม่ชอบธรรมของบางมาตรา รวมถึงมีปัญหาเรื่องระยะเวลาที่ถูกปิดล็อคไว้
“อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่”ยาวเฟื้อย ว่า การเคลื่อนไหวที่สอดคล้องกันนั้นต้องการอะไร
ถ้าไม่ชัดก็ต้องย้อนกลับ ไปอ่านเงื่อนไขที่จะให้มีการเลือกตั้ง ของพล.อ.ประยุทธ์ ข้างต้น
นั่นคือ กฎหมายลูกจะต้องเสร็จเรียบร้อยก่อน
พอมีเงื่อนไขนี้ กฎหมายลูกก็เริ่มทะยอยมีปัญหาขึ้นมาปั๊บ
ไปเข้าล็อก คนที่อยากเลื่อนเลือกตั้ง รวมถึงคนที่ไม่อยากให้มีเลือกตั้ง พอดิบพอดี
มาถึงตรงนี้ ใจก็ประหวัดไปถึงองคุลีมาล
ไม่ใช่องคุลีมาล”ตัดนิ้ว”ยุคสมัยพุทธองค์
แต่เป็นองคุลีมาล ปี 2560 ที่เที่ยวตัด “มือ” สำหรับใช้สิทธิของชาวบ้าน
ไม่มี พุทธองค์เตือนสติ
มีแต่เสียงลอยลม
อียู คลาย ให้แล้ว
แต่ “ยู” ยังไม่”คลาย” แถมยังมัดปมเพิ่มขึ้นอีก
——————