จิตสำนึก เกิดจากสมอง ? | ฟ้า พูลวรลักษณ์

ฟ้า พูลวรลักษณ์

บทความพิเศษ | ฟ้า พูลวรลักษณ์

 

หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (๑๘๙)

 

จิตมนุษย์ คือทุกสิ่งทุกอย่าง หากไม่มีมัน ก็จะไม่มีอะไรเลย

ไม่มีโลก

ไม่มีตัวตน

ไม่มีข้างนอก

ไม่มีข้างใน

แต่เมื่อมีจิต

จิตนี้ยังแบ่งออกเป็นสามประเภท

Prosocial หรือ เอื้อเฟื้อสังคม

Individualistic หรือ เห็นแก่ตัว

Competitive หรือ ชอบเอาชนะ

หากจิตมนุษย์มีแต่แบบแรก สังคมของเราก็แสนจะดี

แต่ในความเป็นจริง เรามีประเภทที่สองและที่สาม ไม่ใช่น้อย และเกิดเป็นสงครามสามก๊ก

ประเภทไหนมีมากกว่ากัน ฉันไม่รู้ ในที่นี้จะสมมุติว่า พวกเขามีมากพอกัน เหมือนแม่สี สังคมจะดีหรือไม่ ขึ้นกับว่า พวกเขาสื่อสารกันอย่างไร ในสถานการณ์ไหน

เพราะประเภทที่สอง หรือสาม ไม่ได้หมายความว่า พวกเขาเป็นคนเลว คน Individualistic คือคนที่ชอบคิดถึงตัวเองเป็นหลัก และมองผลประโยชน์แก่ตัวเองก่อน แต่พวกเขาก็อาจเป็นคนดีมากก็ได้

คน Competitive คือคนที่ชอบเอาชนะ มีความพอใจที่จะนำหน้า โดดเด่น ชอบการแข่งขัน คนแบบนี้ก็อาจเป็นคนดีมากได้เช่นกัน

การผสมผสานพวกเขาสามประเภท จึงเกิดโลก

 

นักวิทยาศาสตร์แบ่งจิตออกเป็น จิตสำนึกเล็กๆ นานาชนิด แล้วศึกษา วิเคราะห์ ด้วยเพราะหากตรงเข้าไปหาจิตเลย จะพบว่ามันลี้ลับเกินไป ยากเกิน

ในความเห็นของฉัน ยิ่งซอยยิ่งรู้น้อยลง

แต่ในความเห็นของพวกเขา ยิ่งซอยยิ่งรู้มากขึ้น

สำนักจิต ยังแบ่งออกเป็นหลายสำนัก

สำนักแรก Dualist ในสมัย Descartes ที่แบ่งสรรพสิ่งออกเป็น

จิต

วัตถุ

มันเรียบง่ายดี จึงเป็นคลาสสิค แต่ข้อเสียคือมันคล้ายจะหยาบไป เกิดช่องโหว่มากมาย ยิ่งเข้าสู่สมัยใหม่นี้ มันกลายเป็นเชย

มีนานาสำนักที่แตกต่าง

เช่น Illusionism ผู้เชื่อว่าสรรพสิ่งเป็นภาพลวงตา เท่ากับว่า จิตนี้เป็นเพียงอุปาทาน สิ่งที่เราสัมผัสนี้เป็นเพียงภาพลวงตา

หรือ Pan-psychism ผู้เชื่อว่าจิตครอบคลุมสรรพสิ่ง ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอนุภาคเล็กปานไหน มันก็มีจิต เพียงแต่เล็กมาก จนตัวเราไม่อาจรู้สึก หรือในสิ่งใหญ่มาก ก็มีจิตเช่นกัน หากแต่มันใหญ่เหลือเกิน จนตัวเราก็ไม่รู้สึกเช่นกัน ไม่อาจสื่อสารกันได้ เช่นจักรวาลนี้

นักวิทยาศาสตร์ชอบที่สุด คือจิตกายภาพ หรือ Physicalism ที่เชื่อว่า จิตสำนึก เกิดจากสสาร

พูดง่ายๆ จิตเกิดจากสมอง

หากให้ฉันเลือก ฉันคงเลือกทุกอย่าง เหมือนกินบุฟเฟ่ต์

อันนั้นนิด อันนี้หน่อย

 

นักวิทยาศาสตร์ปฏิเสธสิ่งลี้ลับ จึงเชื่อว่า จิตเกิดจากสมอง

ไม่มีสมอง ไม่มีจิต

แน่ล่ะ นักวิทยาศาสตร์ยอมรับว่า มีสิ่งลี้ลับ แต่ทว่า เวลาเจาะลึกลงไป ก็พบว่าสิ่งลี้ลับเหล่านั้น ไม่อาจพิสูจน์ มันมักกลายเป็นความเหลวไหล

เหมือนป่าดงดิบนี้ มีความเร้นลับจริง แต่ก็ไม่ใช่อย่างที่เรา Fantasy มันเข้ม มันโหด แต่ก็ไม่ใช่อย่างที่เราคิดฝัน

เคยมีการรวมตัวผู้มีอำนาจจิตพิเศษหลายคน ให้พวกเขาคิดหรือทำอะไรบางอย่างร่วมกัน ก็ปรากฏว่าล้วนเป็นความล้มเหลว ไม่เกิดประโยชน์แต่อย่างไรเลย

เคยไปหาผู้มีอำนาจจิต พวกเขาหยั่งรู้อะไรที่เราคาดไม่ถึง แต่ทว่า กลับมองข้ามสิ่งสำคัญที่สุดไป เหมือนคนโง่งมงาย เท่ากับว่า พึ่งพาอะไรไม่ได้อีกเช่นกัน

แม้ว่าจะมีคนมากมายที่เห็นต่าง พวกเขาเชื่อว่า จิตที่เล็กกว่า หรือใหญ่กว่าสมอง มีอยู่ เพียงแต่พิสูจน์ไม่ได้ มันเป็นเรื่องของความเชื่อ ศรัทธา หรือคือสิ่งลี้ลับ

 

ตัวฉันเลือกจิตคลาสสิค แม้จะยอมรับว่ามันเป็นทฤษฎีที่ไม่สมบูรณ์ แต่ทำงานได้ดี จิตมายาหรือจิตครอบคลุม มันเวิ้งว้างกว้างใหญ่ จนฉันกลัว

การเชื่อในจิตมายา หรือจิตครอบคลุม อาจทำให้เกิดจิตวิปลาส นอกจากจะเข้าไปเป็นครั้งคราว แล้วรีบถอยออกมา เหมือนไปช้อปปิ้งในสถานที่ไม่ควรอยู่นาน

ส่วนจิตกายภาพนั้น มันกระด้างเกินไป

ฉันรู้สึกแห้งแล้ง ไม่สงบ

แต่จิตกายภาพ นั้นก็ไม่กล้าประมาท ศึกษาบ้าง หากมีโอกาส

ด้วยยอมรับว่า มากมายหลายสิ่งเรายังไม่รู้ อย่าประมาทสิ่งที่คล้ายจะกระจอกงอกง่อยนี้

ที่จริง มีมากมายหลายสิ่งที่ไม่มีทางใดที่ใครจะรู้เลย ไม่ว่าจะเป็นปราชญ์ใหญ่ปานไหน ไม่ว่าจะเป็นพุทธะท่านใด ต่อให้คุณทรงฤทธิ์ขนาดไหน

จิตกายภาพ ประกอบด้วยสารเคมีมากมาย

เรียงตัวกันจนลานตา

เราต้องไม่ลืมว่า นักวิทยาศาสตร์คือ อัจฉริยะปัญญาอ่อน

ที่จริง พวกเขานั่นเอง คือหนึ่งสิ่งลี้ลับในจักรวาล

 

ชีวิตของฉัน จำได้ว่า จิตของฉันมีพัฒนาการจากประสบการณ์ เช่น ในความรัก การให้อภัย ฯลฯ การเปลี่ยนแปลงของจิตของฉันมีความสำคัญสูงสุด เพราะมันคือทุกสิ่ง

อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นพัฒนาการของจิต คือการเรียนรู้

มันจะมาเป็นระยะๆ

ในรอบสิบปีหลังนี้ จิตของฉันมีการสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ในการเรียนรู้ Quantum Entanglement

การที่อนุภาคมูลฐาน ส่งสัญญาณต่อกันในพริบตา ไม่ว่าจะอยู่ห่างกันปานไหนก็ตาม เวลาจิตของฉันยอมรับมัน มันผิดสามัญสำนึกมาก จนจิตต้องปรับตัว เปลี่ยนแปลง

๑๐

หรือในการเรียนรู้ปฏิสสาร

ความเร้นลับของปฏิสสาร อยู่ที่ว่า มันเป็นการคิดค้นออกมาจากความว่างเปล่า การยอมรับมันคือการยอมรับว่า มีอะไรในความว่างเปล่า นี้เปลี่ยนจิตของเราได้ ความรู้ในเชิงนามธรรมนั้นง่าย ด้วยเรารู้มานานหลายพันปีแล้ว ว่าสรรพสิ่งเกิดจากความว่างเปล่า แต่การแยกมันออกมาเป็นตัว จับได้ น่าทึ่งยิ่งนัก และความรู้ของหนึ่งปฏิสสาร กำเนิดความรู้หนึ่งปฏิจักรวาล ด้วยรายละเอียดครบทุกอย่าง ครบทุกอนุภาค ทุกโมเลกุล

การเปลี่ยนแปลงระดับนี้ ต้องเปลี่ยนที่จิตของตัวเราก่อน