ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 15 - 21 ธันวาคม 2560 |
---|---|
เผยแพร่ |
รู้ชีวิต…ด้วยดวงดาว(๙๐๑)
ศ. ดุสิต
อ่านอนาคตของคุณไม่ยากหรอก…แค่รู้จักดาว 10 ดวงเท่านั้น!
เรื่องลึกในโหราศาสตร์ไทยชุด “คลังโหร”
วิถีโคจรของดาว (ต่อ)
พิจารณาตามปกติแล้วปรากฏว่า ดาวคู่นี้เป็นหกเป็นแปดต่อกัน ฉะนั้น จึงไม่ “ถึง” กันแน่ คุณก็ตอบโผงออกมาว่า ดาวคู่นี้ไม่ถึงกัน เพราะฉะนั้น เรื่องของ “มรณะ” จึงไม่ต้องมาเกี่ยวด้วยในปีนั้น
ผิด!
เพราะตรวจตามระบบ “ดาวกระทบดาว” แล้วปรากฏว่าดาวคู่นี้ถึงกันได้
ถึงยังไง?
ถึงก็เพราะดาวอังคารสถิตอยู่ที่ราศีมังกรก็จริง แต่มีดาวพุธลอยอยู่ที่ราศีพิจิกเรือนอังคารเห็นไหมครับ?
ตามกฎความสัมพันธ์ของดาว ไม่ว่าดาวเจ้าเรือนจะอยู่ที่ไหนก็จะส่งกระแสถึงเรือนของตัวเองได้ทั้งนั้น ฉะนั้น กระแสของดาวอังคารจึงต้องมาถึงราศีพิจิกได้อย่างแน่นอน เมื่อมาถึงก็กระทบกับดาวพุธที่ลอยอยู่ แล้วดาวพุธเป็นเกษตรเจ้าเรือนราศีมิถุน ก็ย่อมส่งกระแสไปยังราศีมิถุนได้แหง็มๆ อยู่แล้ว แล้วดาวพฤหัสฯ ท่านลอยอยู่ในราศีมิถุนก็ต้องกระทบกับกระแสของดาวพุธเข้าอย่างจังเบอร์เลย
ทีนี้เห็นรึยังล่ะครับว่า กระแสมรณะจากดาวอังคารนั้นไหลแฝงดาวพุธไปหาดาวพฤหัสฯ ได้อย่างสบายบรื๋อเลย
ก็เป็นอันว่า “มรณะ” และ “วินาสน์” ได้เข้ามาร่วมวงไพบูลย์กับดาวพันธุในปีนั้นด้วย
ฉะนั้น การอ่านก็จึงต้องอ่านถึงความหมายของมรณะและวินาสน์ผสมด้วยนั่นเอง มรณะคือการสูญเสียหรือโยกย้ายเปลี่ยนแปลง วินาสน์คือความเสียหายหรือเหตุปัญหาที่ฉับพลันทันทีโดยไม่คาดมาก่อน หรือมีอีกความหมายหนึ่งคือ “อย่างเงียบๆ” ก็ได้ อะไรเหล่านี้แหละครับที่จะต้องนำมาผสมกับ “พันธุ” ในปีนั้นละ
คำตอบที่เป็นของจริงก็คือ ปีนั้นเจ้าชาตาต้องย้ายบ้านมาอยู่หลังใหม่ และก็ต้องเสียเงินเสียทองในเรื่องการโยกย้ายเป็นธรรมดา
และเนื่องจากดาวพฤหัสฯ ตัวพันธุนั้นไปลอยอยู่ในราศีมิถุนซึ่งเป็นภพกัมมะ เมื่อต้องกระแสมรณะวินาสน์เข้าด้วย ก็ปรากฏว่าปีนั้นเจ้าชาตามีปัญหาเรื่องของการงานที่ทำอยู่อีก ซึ่งมีสิทธิ์ถึงขั้นอาจต้องสูญเสียตำแหน่งงาน (เดิม) ไปในปีนั้นด้วยก็ได้
นี่เป็นการ “อ่าน” ดาววันเกิดจรอย่างง่ายๆ และเป็นการอ่านอย่างที่บุพพาจารย์ท่านได้สั่งสอนเอาไว้อย่างนี้ และก็จบลงเพียงแค่นี้ ซึ่งก็น่าจะเพียงพอที่จะได้รู้แล้วว่า ดาววันเกิดจรนั้นให้ผลอย่างไรบ้างในแต่ละปี
ที่ว่ามาทั้งหมดนี้ก็คงจะพอทำให้คุณๆ เห็นกันแล้วว่า “ดาววันเกิด” นั้นโคจรอย่างไร และส่งผลในการโคจรแต่ละปีนั้นอย่างไร
แม้ว่าดวงทุกดวงจะไม่เหมือนกัน แต่เราก็สามารถที่จะใช้ “หลัก” ที่ผมแสดงให้ดูนี้ไปใช้ได้กับทุกดวงด้วยโดยไม่ต้องห่วงว่าจะผิด
เพราะอิทธิพลของดาววันเกิดนั้นจะแสดงผลของมันอย่างตรงไปตรงมา ไม่เห็นแก่หน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหนทั้งนั้นแหละ
สรุปก็คือ ขอให้จำ “หลัก” ง่ายๆ เอาไว้ว่า ปีใดดาววันเกิดจรไปสถิตที่ราศีใดภพใด ความหมายของราศีนั้นภพนั้นก็จะส่งผลออกมาในปีนั้น
และให้ชำเลืองดูยังภพที่ร่วมธาตุกับราศีที่ดาววันเกิดนั้นจรอยู่ด้วย
ดูว่าความหมายของภพทั้งสองนั้นจะเข้ามาร่วมวงกับภพที่ดาววันเกิดจรอยู่หรือไม่
มีหลายครั้งทีเดียวที่ปรากฏว่ามันมาร่วมวงด้วย ไม่ร่วมอย่างตรงๆ ก็ร่วมอย่างอ้อมๆ
แต่การที่เราทายเป็นเพราะรู้วิธีทายอย่างนี้ ก็นับว่าเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่มารับคำพยากรณ์จากเราแน่นอนทีเดียว
ที่จริง “การโคจรของดาวต่างๆ” นั้นยังมีมากกว่านี้อีก แต่ละอย่างก็มีกลวิธีในแบบของตัวเองไปคนละอย่าง มีแนวทางโคจรและการใช้ในรูปแบบที่หลากหลาย เอาไว้โอกาสที่เหมาะสมผมคงจะได้มาบรรยายให้คุณๆ ได้เรียนรู้กันอีก
ในตอนนี้ขอพักเรื่องนี้ไว้ตรงนี้ก่อนเพื่อเราจะได้หาความรู้ในเรื่องอื่นกันต่อไป
ชีวิตทุกชีวิตในโลกนี้ ถ้าเราจะค้นหาเรื่องราวในชีวิตของแต่ละชีวิตก็จะค้นหาได้จากสิ่งหนึ่งซึ่งเราเรียกว่า “อายุ”
และวิธีค้นหานั้นเราก็สามารถที่จะหาได้จากการผูกดวงพยากรณ์
ดังที่คุณจะได้เห็นต่อไปนี้แหละครับ
ดวงอายุจร
ส่วนใหญ่นั้นพวกเราแทบทุกคนต่างก็ทำ “ดวงอายุจร” กันเป็นทั้งนั้น เพราะดวงอายุจรที่เราทำกันก็คือ เอาดวงเดิมนั่นแหละมาตั้ง แล้วนับอายุย่างของเจ้าชาตาว่าปีนั้นย่างเท่าไหร่ รู้ว่าย่างเท่าไหร่ก็นับไล่จากลัคนาไปเท่าอายุย่างนั้น ตกราศีใดก็วางลัคนาจรลงไป
เท่านี้ก็เสร็จแล้ว
แต่วิธีนี้เป็นแบบง่าย ง่ายก็คือหยาบ (ไม่ละเอียด) ใช้ในกรณีที่เราขี้เกียจทำดวงจรใหม่ หรือต้องดูกันในเวลาอันจำกัด ไม่มีเวลาที่จะโอ้เอ้ทำดวงจรกันใหม่ได้ ก็ต้องใช้แบบนี้
เมื่อมีแบบหยาบก็ต้องมีแบบละเอียดด้วย แต่แบบละเอียดนี้ไม่ค่อยได้เปิดเผยกันนัก จะเป็นเพราะเปิดเผยแล้วก็ไม่ค่อยมีใครใช้ (เพราะมันต้องใช้เวลามากขึ้น) ซึ่งอาจจะเป็นเพราะธรรมชาติของคนเรามักจะ “ขี้เกียจ” กันอยู่แล้วก็ได้ แต่นี่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ผมต้องการนำเสนอไว้เพื่อให้เป็นความรู้ติดตัวกันไว้ ใครจะใช้หรือไม่ใช้ก็ไม่ว่ากัน
อยากดูแบบละเอียดก็ใช้ ไม่อยากดูก็ไม่ต้องใช้
บทขยาย
วิธีที่ ๑
เมื่อกำหนดว่าอายุย่างเท่าใดแน่แล้ว แทนที่เราจะเลื่อนลัคนาไปไว้ยังราศีที่อายุตกนั้น เราจะต้องใช้วิธีขับดาวในดวงทั้งหมดไปยังราศีของอายุที่ย่างนั้น (ราหู-เกตุเดินย้อนจักร) โดยรักษาลัคนาไว้ที่ราศีเดิม (ตรงข้ามกับวิธีเดิมเลยเห็นไหมล่ะ?)
ยกตัวอย่างให้ดูดวงหนึ่งก็ได้ สมมติว่าเจ้าชาตานี้มีอายุย่าง 56 ปี มีดวงเดิมและดวงจรดังนี้
คุณคงเห็นแล้วว่า มีความแตกต่างกันอย่างไรในดวงทั้งสองนี้ ทั้งๆ ที่เป็นดวงของคนคนเดียวกัน และดวงนี้แหละที่เป็นภววิสัยของชีวิตในความเป็นจริงของเขา
คือจริงยิ่งกว่าการใช้วิธีขับลัคนาไปแปะไว้ที่ราศีอายุย่างเพียงอย่างเดียว ดวงดาวต่างเปลี่ยนที่และเปลี่ยนศักยภาพของตัวเอง เปลี่ยนหน้าที่ เปลี่ยนทุกอย่าง ไม่เปลี่ยนอย่างเดียวคือลัคนาที่ใช้กำหนดดวงชาตาซึ่งยังอยู่ควบคุมอยู่ที่เดิม แต่ดาวที่อยู่ในความควบคุมเปลี่ยนหมด
ลองพิจารณาดูให้ถี่ถ้วนเถิด แล้วคุณจะทึ่งในวิชาการนี้ ทั้งๆ ที่มันเป็นวิชาที่จะเรียกว่าแสนธรรมดาก็ได้
วิธีที่ ๒
ก็ทำเหมือนกับวิธีที่ ๑ นั่นแหละ แต่คราวนี้ท่านให้เลื่อนลัคนาขึ้นไปตามอายุย่างด้วย คือให้ลัคนาขึ้นไปคุมดาวอยู่ที่นั่นนั่นเอง (ดูรูปตัวอย่าง)
ดวงนี้จะว่าไม่แตกต่างกันก็ไม่ได้ เพราะมีความแตกต่างในเรื่องของการกำหนดภพที่ไม่เหมือนกัน แต่ถ้าดูกันจริงแล้วก็คล้ายๆ กับการดูแบบรวดเร็วที่เราชอบทำกันนั่นแหละ คือเอาลัคนาไปแปะไว้ตามอายุย่าง เพียงแต่แบบนี้ต้องขับดาวไปตามลัคนานั้นด้วย ไม่ใช่ไปแต่เพียงลัคนาตัวเดียว
ใครชอบวิธีไหนก็ตามแต่ใจของแต่ละคน ผมมีหน้าที่นำมาเสนอให้คุณได้รู้ไว้เท่านั้น ขอลาไปตรงนี้แหละครับ