ลึกแต่ไม่ลับ | “ไม่มีลุง” เทก้าวไกล “เศรษฐา 1”

จรัญ พงษ์จีน

ลึกแต่ไม่ลับ | จรัญ พงษ์จีน

“ถ้าใช้เสือทำงาน ต้องให้พื้นที่ แล้วปล่อยไปล่าเหยื่อมาให้ ไม่ต้องบังคับ ไม่ต้องกำหนดวิธี เพราะเสือคือนักล่า… ขณะเดียวกันถ้าใช้ควายทำงาน ต้องให้หญ้าเขาให้พอ ต้องบังคับ แล้วใช้ไถนา ควายอึดก็จริงแต่ต้องจูง” คนไทยเข้าใจสับสน “ชอบใช้เสือเยี่ยงควาย ใช้ควายแทนเสือ บ้านเมืองเลยวุ่นวาย ขายกระเบื้อง ดังที่เป็นอยู่” ฉบับนี้ขึ้นต้นด้วย “คำคม ลอกจากกลุ่มคติธรรม”

“สมันตัวน้อยๆ” ที่ชื่อ “ก้าวไกล” อยู่กลางดงเสือ เขี้ยวลากดิน เชิงพราว หลังเลือกตั้ง วัยรุ่นคะนองเดช มีความฮึกเหิม ขณะสถานการณ์ยังไม่มีอะไรชัดเจน ไม่รู้จักรอคอย-ไม่รู้จักอดทน ออกตัวแรง ล้อเลย “หมุนฟรี”

“ศึกเลือกตั้ง” เมื่อ 14 พฤษภาคม วันเวลาปาเข้าไป 2 เดือนกว่าแล้ว “รัฐบาลใหม่” ยังไม่รู้ออกหัว ออกก้อย คาดเดาไม่ได้ว่า รูปพรรณสัณฐานอัปลักษณ์ ขี้ริ้วขี้เหร่ โหลยโท่ย หรือสมาร์ต สง่างาม ระดับ “พระรามงง”

รู้แต่ว่า “ก้าวไกล” ประสบการณ์ทางการเมืองอ่อนปวกเปียก การไม่ประเมินสถานการณ์ให้ดีอย่างถ่องแท้ แล้วจึงค่อยลงมือ มุทะลุ คิดไปวัดฝีมือกับผู้ที่เข้มแข็งกว่า ชั้นเชิงเหนือเมฆมากกว่า “กระดูกคนละเบอร์” เลยชนปังตอ หงายหลังตึงดังที่ทราบ

“ก้าวไกล”กวาดที่นั่งจากการเลือกตั้ง 2 ระบบมาอันดับ 1 ด้วย 151 ที่นั่ง และสามารถรวบรวมแนวร่วมฝั่งประชาธิปไตยได้ 8 พรรคลงนามเอ็มโอยูจัดตั้งรัฐบาล 312 มากกว่าครึ่งหนึ่งของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ถึง 62 เสียง ถ้ากฎหมายปกติ อยู่รอดปลอดภัยสบายมาก

แต่กลับติดกับดัก มาตรา 272 ที่เป็นไฟต์บังคับเอาไว้ว่า “มติเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ต้องมีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา”

การลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งแรก เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม จากการประชุมร่วมของรัฐสภา “นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เลยตกม้าตายอย่างไม่น่าเชื่อ ได้รับเสียงโหวตเห็นชอบให้เป็นนายกฯ 324 เสียง จาก ส.ส.พันธมิตร 8 พรรค 311 เสียง กับ 13 ส.ว.ที่กล้าผ่าทางตันพลังฝ่ายจารีต มาช่วยอนุเคราะห์สมทบ แต่ไม่ถึงเกณฑ์ 376 เสียง “กึ่งหนึ่งของสองสภารวมกัน”

อย่างไรก็ตาม การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในรอบที่ 2 เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม มีการหยิบประเด็นว่าด้วยการเสนอชื่อ เป็นญัตติซ้ำ ญัตติต้องห้าม ผิดข้อบังคับการประชุมสภาที่ 41 และญัตติถูกเขี่ยตกไป ในวันเดียวกันนั้น “ศาลรัฐธรรมนูญ” มีคำสั่งรับคำร้องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง พร้อมมีคำสั่งให้ “นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ไว้ชั่วคราว จนกว่าจะมีคำวินิจฉัย

“พรรคก้าวไกล” ไม่ใช่เหล็กไหล ที่ยิ่งถูกทุบ ยิ่งคม และแปรสภาพเป็นดาบ แต่เจอเข้าดอกเดียว ยุ่ยดุจกระดาษทิชชู่ซับหมึก ลิ้นปี่จุก เสียการทรงตัว หลังจากนั้นต้องมอบภารกิจการฟอร์มรัฐบาลให้ “พรรคเพื่อไทย” รองแชมป์ นำธงสืบแทน ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

“อ้าว ไหงงั้น” ครั้น “เพื่อไทย” รับไม้ให้เป็นแกนนำฟอร์มรัฐบาล ยังไม่ทันข้ามคืนดี ก็แสดงตรรกะแปลกๆ กระโดดค้ำถ่อข้ามกำแพงไปสวมจีวรเหลือง แบบไม่เกรงใจพระจะว่าเอาเลย

เลิกบริโภคน้ำส้มคั้นชั่วคราว นัดหมายพรรคฝ่ายตรงกันข้าม ไปลัลล้า ปาร์ตี้มิ้นต์ช็อกกันสบายใจเฉิบ ทั้งภูมิใจไทย-รวมไทยสร้างชาติ-พลังประชารัฐ แล้วเกิดมีประเด็นดราม่า ตามหลังออกมาว่า “เพื่อไทย” แปรสภาพเป็นไม้หลักปักขี้ควาย ถีบหัวส่งเพื่อนร่วมอุดมการณ์เก่า ทิ้ง “ก้าวไกล” ย้ายขั้ว เปลี่ยนข้าง ไปจับมือจูบปากจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับปฏิปักษ์เก่า

ประกอบด้วย “เพื่อไทย+ภูมิใจไทย+พลังประชารัฐ+รวมไทยสร้างชาติ+ประชาชาติ+ชาติไทยพัฒนา+5 พรรคเล็ก” ฐานคะแนนออกมาเท่เท่าเดิม 312 เสียง

ที่เหลือเป็นฝ่ายค้าน คือ “ก้าวไกล-ประชาธิปัตย์-ไทยสร้างไทย”

แต่จังหวะเดียวกันนั้นมีกาคาบข่าวรายงานว่า ระหว่างวันคล้ายเกิดคนชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” 26 กรกฎาคม ไม่กี่เพลา มีอดีตแกนนำ คนขาใหญ่ “ก้าวไกล” เดินทางไปฮ่องกง เข้าอวยพรและมีการสนทนาวิสาสะระหว่างกัน

และจึงเกิดที่ไปที่มา รัฐบาลสูตรใหม่ “ไม่มีเราไม่มีลุง” เสนอชื่อ “เศรษฐา ทวีสิน” แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเบอร์ 2 ของเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 พรรคร่วมจะประกอบด้วย “เพื่อไทย” 141 “ภูมิใจไทย” 71 “ประชาธิปัตย์” 17 “ชาติไทยพัฒนา” 10 “ประชาชาติ” 9 และ 8 พรรคเล็ก 9 ที่นั่ง ศิโรราบรวมฐานที่มั่น 259 ที่นั่ง

พรรคก้าวไกล เสียสละ มาตลอด แม้ตำแหน่งประธานสภา ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ก็เสียมาแล้ว ก็พร้อมที่จะเสียสละให้เป็นที่ประจักษ์อีกครั้ง แต่มีข้อแม้ว่า “ต้องไม่มี 2 ลุง” ร่วมวงศ์ไพบูลย์ คือ “พลังประชารัฐ-รวมไทยสร้างชาติ” ออกมาเยี่ยงนี้ จะยกมือสนับสนุนให้ทั้ง 151 เสียง ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ดัน “เศรษฐา ทวีสิน” เข้าป้าย เสียงจะชนะท่วมท้น 410 เสียง เกินกึ่งหนึ่งสองสภารวมกันสบายๆ โดยไม่ต้องพึ่งบริการ ส.ว.เลยแม้แต่เสียงเดียว เพดานทะลุเกิน 376 เสียง เกินไฟต์บังคับแล้ว

ถือเป็นการประกาศปิดสวิตช์ ส.ว. อย่างถาวร มีเอกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร “ก้าวไกล” ยอมให้เพื่อนเหยียบบ่า ผ่าทางตันได้สำเร็จ โดยไม่ต้องมีผลตอบแทน

ล่าสุดตอกย้ำความชัดเจนในข้อตกลง “ดีลลับฮ่องกง” เป็นที่เรียบร้อยแล้วรัฐบาล “ไม่มีลุง” ก้าวไกลเทให้ทั้ง 151 เสียง ร่วมด้วยช่วยกัน ให้ก้าวข้ามกับดักมาตรา 272 พ้นโดยไม่ต้องใช้เสียงวุฒิสมาชิก

แต่ “เศรษฐา 1” เสียงสนับสนุน 259 ที่นั่ง เกินครึ่งเพียง 9 เสียง ส่อเค้า เล่าอาการอันตรายเพราะ ส.ส.บางคนต้องไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี เลยตัดสินใจดึง พรรคไทยสร้างไทย มาเติมเต็มอีกพรรค 6 เสียง รวมเป็น 265 ที่นั่ง

“ทักษิณ ชินวัตร” เองก็ปรับแผนเดินทางกลับเมืองไทย เล็กน้อย เลื่อนโปรแกรมจากวันที่ 10 สิงหาคม เป็น 15 สิงหาคม ที่ข้างดอนเมืองเหมือนเดิม