112 ทะลุดีกรี เมาจริงๆ หรือแกล้งเมา | เหยี่ยวถลาลม

เกือบ 2 ทศวรรษที่การเมืองไทยวกวนอยู่กับการสร้างปีศาจทักษิณและทำลายปีศาจทักษิณ จนทำให้บรรยายกาศย้อนยุคไปคล้ายสมัยสงครามเย็นที่สร้าง “ผีคอมมิวนิสต์” ขึ้นมาชวนให้ขนหัวลุก คนไม่มีศาสนา ฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ ฆ่าพระ เผด็จการทหารใส่ร้ายป้ายสี จับขัง จัดตั้งและปลุกระดมมวลชนฝ่ายขวา ให้รังเกียจวิชาการใหม่ๆ บีบคั้นกดดันนักวิชาการ ครูบาอาจารย์ นิสิตนักศึกษารุ่นลูกคราวหลาน เมื่อสุมไฟความเกลียดชังจนได้ที่แล้ว 6 ตุลาคม 2519 จึงลงมือปิดล้อมสังหารหมู่

รัฐไทยผลักไสคนรุ่นใหม่ หนุ่มสาวหัวก้าวหน้าให้หนีตายไปพึ่ง “พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย” นักการทหารและงานความมั่นคงต่างก็รู้กันดีว่า กว่าจะ “ตาสว่าง” เข็นนโยบาย 66/2523 ออกมาใช้ได้ “กองทัพปลดแอกประชาชนแห่งประเทศไทย” เกือบเอาธงแดงมาปักกลางมหานคร

บทเรียนมี ไม่เรียน ไม่จดไม่จำ

“เผด็จการทหาร” เป็นปัญหาของประเทศไปอีกนานแค่ไหน!?

ทั้งๆ ที่ประเทศนี้ได้ชื่อว่า ปกครองด้วย “ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” แต่ครั้งหนึ่ง ศาลรัฐธรรมนูญเคยมีมติ 5 ต่อ 4 ว่า การเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่อง “ที่มาของ ส.ว.” ซึ่งมาจากการแต่งตั้ง โดยจะเปลี่ยนเป็น “มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน” นั้น – “เป็นการกระทำเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”!

หัวเราะไม่ออก “รัฐประหาร” 2 ครั้งในเดือนกันยายน 2549 และพฤษภาคม 2557 กลับยอมรับกันว่าเป็น “รัฏฐาธิปัตย์”

สามารถใช้อำนาจข่มบังคับกดหัวคนได้โดยชอบ

คนที่ถูกเข้าใจว่าเป็น “ร่างทรง” ของปีศาจทักษิณรายแล้วรายเล่า พรรคการเมืองแล้วพรรคการเมืองเล่าถูกปราบสิ้น

 

ล่วงมาจนถึง ” 22 พฤษภาคม 2557″ รัฐประหารของ “คสช.” เล่นหนักถึงกับสถาปนา “ระบอบ 3 ป.” ขึ้นพร้อมกับ “รัฐธรรมนูญ 2560” ที่ให้หัวหน้าคณะรัฐประหารแต่งตั้ง “ส.ว. 250 คน”

ซึ่งนั่นก็เหมือนกับมี “พรรคการเมือง” หนึ่งซุกไว้เพื่อให้ยกมือโหวตเลือก “นายกรัฐมนตรี” ในวันข้างหน้า

ประเทศเสรีประชาธิปไตย ไม่มีที่ไหนทำกัน!

“ปีศาจทักษิณ” ถูกทุบทำลายจนอ่อนแรง หดลีบและเล็กลง จนน่าจะสูญพันธุ์ ดังเช่นพรรคประชาธิปัตย์

แต่ไม่เลย!

ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง พรรคเชื้อสายปีศาจทักษิณยังไม่เคยลิ้มลองแม้แต่ “อันดับ 2”

เพิ่งจะ “14 พฤษภาคม 2566” นี้เองที่ “ก้าวไกล” พรรคน้องใหม่ที่สืบเนื่องมาจาก “อนาคตใหม่” ก้าวขึ้นมายืนที่ 1 ด้วยจำนวนผู้แทนฯ ที่เฉือนกันแค่ 10 คน

“เพื่อไทย” หาใช่ “ประชาธิปัตย์” ย่อมต้องแสดงสปิริตให้ “พรรคอันดับ 1” เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล (ก่อน)

คราวนี้ “ก้าวไกล” กับ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีก็ต้องถูก “ล็อกเป้า” จากสไนเปอร์ทางการเมือง

แต่ที่ “ชาดา ไทยเศรษฐ์” จากพรรคภูมิใจไทยออกมาเกรี้ยวกราดชนิดเลือดสาดเต็มจอว่า “ผมอาจจะขอเค้าว่า ขอออกกฎหมายใหม่ ยิงไอ้คนที่หมิ่นสถาบันแล้วไม่ติดคุกดีมั้ย” นั้น นับเป็นความเสียหาย

และที่ “ส.ว.ขาประจำ” ดาหน้ากันออกมาอภิปรายสกัดกั้น “พิธา” และ “ก้าวไกล” ด้วยการอ้าง “ม.112” นั้นก็กลับกลายเป็นเพียงแค่การจุดไฟ “ความเกลียดชัง”

เป็นการตอกย้ำให้เห็น “ที่มา” และ “ประโยชน์” ที่ยึดโยง ซึ่งฝ่ายหนึ่งยึดโยงอยู่กับ “เสียงของประชาชน” กับอีกฝ่ายหนึ่งยึดโยงอยู่กับ “คนที่เซ็นแต่งตั้ง”

“ส.ว.” เป็นผลพวงจากรัฐธรรมนูญฉบับรัฐประหารจึงเป็นประหนึ่ง “พรรคการเมือง” ที่เป็นปฏิปักษ์กับ “เสียงประชาชน”

หลังเลือกตั้งปี 2562 ปีศาจทักษิณและพรรคเพื่อไทย ซึ่งชนะเลือกตั้งมาเป็นอันดับ 1 ก็เคยโดน “ส.ว.” กลุ่มเดียวกันนี้ฉกเก้าอี้ “นายกรัฐมนตรี” ไปให้กับ “พลังประชารัฐ” พรรคอันดับ 2 พร้อมกับยกมือโหวตให้ “ประยุทธ์ จันทร์โอชา” อดีตหัวหน้า คสช.ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี “รอบสอง”

 

มาคราวนี้ที่บรรดา ส.ว. และ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลเดิม ยกเอา ” ม.112″ ขึ้นมาอ้างเพื่อสกัดกั้น “พิธา” กับ “ก้าวไกล” นั้นแค่ฉากบังหน้า

จะผ่านโลดถ้าชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเป็น “ลุงๆ”

แท้จริงแล้ง การแก้ไขปรับปรุง ม.112 ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับการโหวตเลือก “นายกรัฐมนตรี” ที่เป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร

แก้ไขกฎหมายเป็นงานของฝ่ายนิติบัญญัติ

อำนาจบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ เป็นอิสระและถ่วงดุลซึ่งกันและกัน

“สมาชิกรัฐสภา” จะไม่เข้าใจหลักพื้นฐาน ว่าด้วย “การแบ่งแยกอำนาจ” เชียวหรือ

คำถามจึงมีว่า ใครชักใยอยู่เบื้องหลัง “ม.112” แก้ไขไม่ได้จริงหรือ!?

KAY Tweetings ขุดคลิปเก่าที่ “คำนูณ สิทธิสมาน” 1 ใน ” ส.ว.” ฝีปากกล้าเคยให้สัมภาษณ์ชัดถ้อยชัดคำว่า

“กฎหมายทุกฉบับทุกมาตราแก้ไขได้ โดยเฉพาะกฎหมายอาญา ม.112 ผมเห็นว่าแก้ไขได้”

แต่ในวันโหวตเลือกนายกฯ ครั้งแรก 13 กรกฎาคม “คำนูณ” คนเดียวกันนี้จีบปากจีบคออภิปราย

“…แก้ไขไม่ได้”

จริงหรือว่า บทบัญญัติในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จะเป็น The Untouchable หรือเป็นสิ่งที่แตะต้องไม่ได้

เปล่าเลย คนที่โหน ม.112 หรืออาศัย ม.112 เพื่อประโยชน์ทางการเมืองต่างก็รู้อยู่แก่ใจว่า ในโลกนี้ไม่มีกฎหมายที่ “แก้ไขไม่ได้”

เคยมีการแก้ไข ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ถึง 2 ครั้ง เมื่อปี พ.ศ.2499 และปี พ.ศ.2519

กูรู ผู้รู้ ผู้สันทัด นักกฎหมายแท้ๆ ต่างก็ “มองเห็น” ตรงกันว่า การแก้ไข ม.112 เพื่อไม่ให้ผู้หนึ่งผู้ใดนำไปใช้กลั่นแกล้งรังแกกัน ตลอดจนลดระวางโทษลงเพื่อให้เหมาะสมหรือได้สัดส่วนกับพฤติการณ์ อันเป็นดุลพินิจของผู้พิพากษาแต่ละกรณีนั้น จะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด

“แก้ไข” เพื่อหยุดการใช้ประโยชน์ทางการเมือง!

 

เกือบ 20 ปีมานี้ การเมืองไทยวนเวียนอยู่กับเรื่อง “ปีศาจทักษิณ” รัฐประหาร 2 ครั้ง เขียนรัฐธรรมนูญใหม่ทุกครั้ง เอาเงินยัดปากนักการเมืองให้เปลี่ยนข้าง พูดมากนักหรือชุมนุมก็ส่องด้วยสไนเปอร์ สิ้นใจแต่ยังไม่สิ้นฤทธิ์ เมื่อเลือกตั้งฝ่ายรัฐประหารก็แพ้ทุกครั้ง

เพียงแต่ 14 พฤษภาคม 2566 รัฐธรรมนูญฉบับเผด็จการได้ให้กำเนิด “ปีศาจตัวใหม่” ที่สดใส มากไปด้วยแรงบันดาลใจ ร่าเริงและร้อนแรง เช่น “ก้าวไกล” ได้รับเลือกมาเป็นพรรคอันดับ 1

ในสถานการณ์เช่นนี้ “เพื่อไทย” มีแต่ต้องร่วมสร้างจารีตประเพณีที่ดีของระบอบประชาธิปไตย

ไม่ใช่ “เมา” ไปตามยุทธวิธีเผด็จการ ที่ใช้ “ม.112” เพื่อประโยชน์ทางการเมือง!?!!