ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 7 - 13 กรกฎาคม 2566 |
---|---|
เผยแพร่ |
บทความพิเศษ
สังคม วรรณกรรม
ห้วงยาม สุจิตต์ วงษ์เทศ
นำเสนอ ‘ขุนเดช’
สภาพการณ์ในทางวรรณกรรมที่ “ยุวชนสยาม” ซึ่งเริ่มแตกเนื้อหนุ่มหลังการฉลอง 25 พุทธศตวรรษ
หลังรัฐประหาร 2500 หลังรัฐประหาร 2501
มิได้เป็น “สภาพ” อันเกิดขึ้นอย่างลอยๆ ไร้รากฐานความเป็นมา หาแต่มีความสัมพันธ์และเป็นผลสะเทือน
จากสภาพการณ์ทางสังคมและการเมืองในขณะนั้น
นี่ย่อมเป็น “สภาพ” อันเกิดขึ้นขณะที่ จิตร ภูมิศักดิ์ ถูกจับกุม คุมขัง ณ คุกลาดยาว
นี่ย่อมเป็น “สภาพ” ที่ สุจิตต์ วงษ์เทศ เริ่มเติบใหญ่
สังคมไทย
ใต้เงา รัฐประหาร
การรัฐประหาร “ซ้ำ” ของ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2501 ไม่เพียงแต่ส่งผลให้
รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2475 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2495 ถูกฉีกทิ้ง
สภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งเมื่อเดือนธันวาคม 2500 ถูกยุบ พรรคการเมืองอันจัดตั้งขึ้นตาม พ.ร.บ.พรรคการเมือง พ.ศ.2498 ถูกยกเลิก
หากแต่ยังมีนักเขียน นักหนังสือพิมพ์จำนวนหนึ่ง ถูกจับกุมคุมขังพร้อมกับนักการเมือง
หนังสือพิมพ์และนิตยสารทางการเมืองถูกสั่งปิด
ขณะเดียวกัน จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ยังได้ออกประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 17 หรือที่รู้จักกันในนาม “ปว.17” ควบคุมและคุกคามหนังสือพิมพ์และสิ่งตีพิมพ์โดยทั่วไปอีกด้วย
ผลสะเทือนต่อหนังสือ นิตยสาร คนเขียนหนังสือเป็นอย่างไร
บรรยากาศ เข้มงวด
เซ็นเซอร์ ตัวเอง
สุชาติ สวัสดิ์ศรี ครังที่เป็นบรรณาธิการ “สังคมศาสตร์ปริทัศน์” เขียนบทความ “แนวคิดของนักเขียนวรรณกรรมไทยตังแต่ พ.ศ.2475-2488 และปัจจุบัน”
เสนอในการสัมมนาทางวิชาการ ณ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อปี 2515
สรุปอย่างรวบรัดว่าเนื้อหาของประกาศคณปฏิวัติฉบับที่ 17 (ปว.17) “มีผลเป็นอย่างยิ่งต่อชีวิตทางความคิดของนักเขียนในยุคนั้น”
เท่ากับเป็นการส่งแรงสะเทือนในด้าน “ปราม” นักเขียน
อย่างที่ เฮอร์เบิร์ต ฟิลลิปส์ ประเมินจากสภาพความเป็นจริงว่า “โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการปลูกฝังสำนึกในการเซ็นเซอร์ตนเองของนักเขียนและนักหนังสือพิมพ์ไทย”
สภาพที่ติดตามมาในทางวรรณกรรมก็คือ หนังสือพิมพ์และนิตยสารส่วนใหญ่ไม่กล้าเสนอเรื่องราวทางการเมืองและทางสังคมอย่างจริงจัง
ถามว่า “ภาพกว้าง” ของ “หนังสือพิมพ์” และ “วรรณกรรม” เป็นอย่างไร
ข่าวคาว ประโคม
การเมือง หลบใน
หน้าแรกของหนังสือพิมพ์รายวันเต็มไปด้วยข่าวอาชญากรรม บทบรรณาธิการและบทความทางการเมืองเป็นสิ่งที่แทบไม่มีความหมาย
มีฐานะเสมอเพียงแค่เครื่องประดับ เพื่อแสดงว่ายังมีอยู่เท่านั้น
คอลัมน์ข่าวซุบซิบในวงสังคม และเรื่องคาวๆ ของดาราและสาวสังคมกลายเป็นด้านหลักของหนังสือพิมพ์
ยิ่งเมื่อมีคำสั่ง “ลับ” เป็นนโยบายมัดตราสังวิชาชีพหนังสือพิมพ์โดยไม่ยอมให้มีการออกหนังสือพิมพ์ใหม่ (ยกเว้นของทางราชการและของสมาคมอันไม่เกี่ยวกับการเมือง)
หนังสือพิมพ์ที่ยังไม่ถูกยึดใบอนุญาตก็ทำในลักษณะ “ตัวลีบ”
ขณะเดียวกัน “หัวหนังสือ” กลายเป็นสินค้าราคาสูงลิ่ว ทะยานทะลุเลขระดับ 6 หลัก
ยุคแห่ง พาฝัน
รักโศก จุ๋มจิ๋ม
จากปัจจัยทางสังคมและทางการเมืองเช่นนี้เองนำไปสู่การอุบัติขึ้นของวรรณกรรม ในความเห็นของนักวิจารณ์ เช่น สุชาติ สวัสดิ์ศรี เห็นว่า
“เต็มไปด้วยเรื่องราวพาฝัน”
และนักวิชาการอย่าง นิตยา มาศะวิสุทธ์ สรุปผ่านบทความ “แนวโน้มของวรรณ กรรมไทยปัจจุบัน พ.ศ.2515” ว่า
วรรณกรรมไทยพูดกันแต่เฉพาะเรื่องรักโศก จุ๋มจิ๋ม
หรือมิฉะนั้น ก็เป็นเรื่องครอบครัว เมียน้อย เมียหลวง เป็นเรื่องที่ “เร้าอารมณ์” แต่ไม่ “เร้าสมอง”
ดังที่ ชีรณ คุปตะวัฒนะ มองย้อนหลังกลับไปในในวันวานของวรรณกรรมสะท้อนให้เห็นบรรยากาศแห่ง “กลอนรักหวานที่กล่าวถึงสายลมแสงแดด ดวงดาว อารมณ์เหงาอ้างว้างและการผิดหวังในความรักของคนหนุ่มสาว”
เป็นไปดังที่ ขรรค์ชัย บุนปาน ทุบโต๊ะเมื่อปี 2511 ว่าเป็นงานในประเภท “กลอนหาผัวหาเมีย”
มอง มหาวิทยาลัย
ยังไม่มี “คำตอบ”
กล่าวสำหรับสภาพในมหาวิทยาลัย เนื่องจากในห้วงภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เรื่อยมาจนถึงปี 2500
นิสิตนักศึกษาได้ตื่นตัวและแสดงบทบาทที่จริงจังในทางการเมืองอย่างสูง
โดยเฉพาะในการคัดค้านและเปิดโปงการเลือตั้งสกปรกเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2500 อันกลายเป็นปัจจัยหนึ่งซึ่งนำไปสู่การรัฐประหารเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2500
ดังนั้น ภายหลังการรัฐประหารเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2501 เป้าหมายที่สำคัญประการหนึ่งของคณะปฏิวัติก็คือ การทำลายและแยกสลายพลังของนิสิตนักศึกษามิให้ดำรงอยู่ในลักษณะอันเป็น “ขบวนการ”
จะเห็นได้จากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการปกครองตนเองของนิสิตนักศึกษาในแต่ละมหาวิทยาลัย
องค์กรนักศึกษาหากไม่ถูกทำลายก็ตกอยู่ในการควบคุมอย่างเข้มงวด
โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ถึงกับกำหนดให้อาจารย์เป็นนายกสโมสรและดำรงตำแหน่งประธานชุมนุมต่างๆ
กิจกรรมอันเกี่ยวกับ “การเมือง” และ “สังคม” ถูกห้ามอย่างสิ้นเชิง
จิตร ภูมิศักดิ์ อยู่ไหน
สุจิตต์ วงษ์เทศ ทำอะไร
ความเป็นจริงก็คือ จิตร ภูมิศักดิ์ ถูกจับกุมคุมขังทันทีที่รัฐประหารเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2501
จากนั้นก็ถูกส่งไปอยู่ “ลาดยาว”
ขณะที่ สุจิตต์ วงษ์เทศ เรียนอยู่วัดมกุฏกษัตริยาราม แล้วจรไปยังวัดนวลนรดิศ แล้วจรไปยังผดุงศิษย์พิทยา
เข้าเป็นนักศึกษาคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร
บนพื้นฐานทางสังคมและการศึกษาเช่นนี้เองที่เป็นรากฐานให้ สุจิตต์ วงษ์เทศ เขียน “นิราศเมืองนนท์” เขียนเรื่องสั้น “คนบาป” นำเสนอภาพและบทบาทของ “ขุนเดช” เข้ามา
ส่วน จิตร ภูมิศักดิ์ เวลาของเขาส่วนหนึ่งเขียน “โคลงสรรเสริญเกียรติกรุงเทพมหานคร” และต่อมาก็รจนา “หิรันตยักษ์ม้วนแผ่นดิน”
ในนามของ กวี ศรีสยาม
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022