ผงะถังดับเพลิงมรณะ บึ้มสนั่น-คร่า น.ร. ม.6 ตร.ฟัน จนท.ประมาท กทม.ผุดมาตรการแก้

อาชญากรรม | อาชญา ข่าวสด

 

ผงะถังดับเพลิงมรณะ

บึ้มสนั่น-คร่า น.ร. ม.6

ตร.ฟัน จนท.ประมาท

กทม.ผุดมาตรการแก้

 

เป็นเหตุการณ์ความสูญเสียที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นเลยจริงๆ สำหรับอุบัติเหตุถังดับเพลิงระเบิด ขณะซ้อมแผนดับเพลิงที่โรงเรียนราชวินิตมัธยม

จนเป็นเหตุให้นักเรียนชาย ม.6 ถูกชิ้นส่วนของถังดับเพลิงพุ่งเข้าใส่หน้าผากเสียชีวิต และมีนักเรียนนับสิบรายที่ต้องบาดเจ็บจากเหตุการณ์ครั้งนี้

แน่นอนว่าหลังจากเกิดเหตุ ก็เป็นเรื่องที่ต้องตรวจสอบหาสาเหตุ ซึ่งก็พบว่าเป็นข้อบกพร่องจากความประมาทเลินเล่อของเจ้าหน้าที่กู้ภัย ที่นำถังดับเพลิงชนิดซีโอทู หรือแบบที่บรรจุก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ วางกลางแดดเป็นเวลานานจนเกิดระเบิดขึ้น

ซึ่งก็ต้องดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้อง ตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นก็ถือเป็นบทเรียนให้รับทราบถึงอันตรายของถังดับเพลิง ที่หากใช้ผิดประเภท หรือดูแลไม่ได้ตามมาตรฐาน จากที่ควรจะเป็นประโยชน์ ก็อาจเป็นโทษมหันต์

และแน่นอนว่าทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องก็ต้องถอดบทเรียน พัฒนาองค์ความรู้ และหาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำแล้วซ้ำเล่า

เพราะความสูญเสียที่เกิดขึ้นก็มากเกินพอแล้ว!!

งานศพน้องเบนซ์

ถังดับเพลิงบึ้ม-น.ร.ดับสลด

เหตุสลลดครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 23 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยตำรวจ สน.นางเลิ้ง กทม. รับแจ้งเหตุถังดับเพลิงระเบิดระหว่างซ้อมดับเพลิง ภายในโรงเรียนราชวินิตมัธยม ถนนพิษณุโลก แขวงสวนจิตรลดา เขตดุสิต กทม. เป็นเหตุให้มีนักเรียนเสียชีวิตและบาดเจ็บ

ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณทางเดินหน้าห้องเรียนในอาคารเรียน พบศพนายขุมทอง เปรมมณี อายุ 17 ปี หรือน้องเบนซ์ นักเรียนชั้น ม.6/7 สภาพศพอยู่ในชุดนักเรียน มีบาดแผลฉกรรจ์ที่ศีรษะ และแขนขางอผิดรูป พบชิ้นส่วนถังดับเพลิง ชนิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือซีโอทู ขนาดน้ำหนัก 15 ปอนด์ และอุปกรณ์ดับเพลิงอื่นๆ

นอกจากนี้ มีนักเรียนได้รับบาดเจ็บทั้งหมด 10 คน ถูกนำส่งโรงพยาบาลใกล้เคียง

ทั้งนี้ จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ โรงเรียนราชวินิตมัธยม เชิญเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขตสามเสน มาสาธิตฝึกซ้อมการควบคุมเพลิง พร้อมวิธีการอพยพหนีไฟให้แก่นักเรียน

แต่ขณะที่กำลังสาธิต เกิดเหตุถังดับเพลิงซีโอทู ขนาด 15 ปอนด์ ที่วางไว้ด้านหลังครูฝึก เกิดระเบิดดังสนั่น นักเรียนที่นั่งอยู่หน้าศาลพระภูมิถูกแรงอัดร่างกระเด็นจากจุดเกิดเหตุ 9-10 เมตร เป็นเหตุให้นายขุมทองที่นั่งชมการสาธิตดับเพลิงอยู่แถวด้านหลัง ถูกเศษถังดับเพลิงพุ่งเข้าที่ศีรษะ เสียชีวิตทันที 1 ราย ท่ามกลางความตกใจและแตกตื่นของนักเรียนและครู

หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่และครูกันนักเรียนที่เหลือไว้ในพื้นที่ปลอดภัย ปิดพื้นที่ชั่วคราว ป้องกันเหตุวุ่นวาย ขณะที่บรรดาผู้ปกครองเมื่อทราบข่าวต่างเดินทางมารอรับลูกกลับบ้าน โดยทางโรงเรียนปล่อยให้นักเรียนทุกระดับเดินทางกลับบ้านได้ในเวลา 14.00 น.

ทั้งนี้ จากการสอบสวนทราบว่าเจ้าหน้าที่ชุดสาธิตมีทั้งหมด 8 คน ขณะที่ถังดับเพลิงที่ระเบิดนั้น มีอายุ 6 ปี และเพิ่งนำไปเติมก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จากร้านย่านพัฒนาการ แต่ไม่เต็มความจุ เพื่อนำมาใช้สาธิตครั้งนี้เท่านั้น ซึ่งต้องตรวจสอบว่าเกิดจากความประมาทหรือไม่

ขณะที่ศพของน้องเบนซ์ หรือนายขุมทอง ถูกบำเพ็ญกุศลที่วัดสุนทรธรรมทาน (วัดแคนางเลิ้ง) เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ พวงมาลาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พวงมาลาของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และพวงมาลาของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ไปวางที่หน้าหีบศพ และพระราชทานเพลิงเป็นกรณีพิเศษ กับทรงรับศพไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์โดยตลอด

จุดเกิดเหตุ

แจ้งข้อหา 3 จนท.ปภ.

ขณะที่ความคืบหน้าเรื่องเกี่ยวกับคดี พ.ต.อ.รัฐธนนท์ เอกฐิติกุล ผกก.สน.นางเลิ้ง ระบุว่า ได้แจ้งข้อหาเจ้าหน้าที่ชุดสาธิตของสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ทั้ง 3 ราย ประกอบด้วย นายณภัทร ลอยเมฆ, นายอรรถพล บุทองรัตน์ และนายชาติอาชไนย บุญเกตุ ที่เป็นวิทยากรบรรยายภาคปฏิบัติ ณ ที่เกิดเหตุ ใน 2 ข้อหา คือ ความผิด ตามมาตรา 291 ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

มาตรา 390 ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัส

พร้อมนำตัวทั้งสามส่งฝากขังศาลอาญา ทั้งนี้ คำร้อง ระบุพฤติการณ์ว่า วันที่ 23 มิถุนายน ระหว่างเวลาที่โรงเรียนราชวินิตมัธยม จัดกิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการการป้องกันและระงับอัคคีภัย การซ้อมดับเพลิง และอพยพหนีไฟประจำปีการศึกษา 2566 ซึ่งได้เชิญวิทยากรมาจากสถานีดับเพลิงและกู้ภัยสามเสน เพื่อมาบรรยายและสาธิต โดยเริ่มกิจกรรมอบรมตั้งแต่เวลา 08.00-16.00 น.

ทั้งนี้ การบรรยายแบ่งเป็น 3 ช่วง มีตัวแทนนักเรียนชั้น ม.5 และ ม.6 นักเรียนแต่ละห้องจะส่งตัวแทนร่วมกิจกรรมดังกล่าวข้างต้น ที่บริเวณลานหน้าเสาธง ห้องละ 7 คน รวมนักเรียน 126 คน มานั่งดูการสาธิต โดยมีนายณภัทร ลอยเมฆ, นายอรรถพล บุทองรัตน์ และนายชาติอาชาไนย บุญเกตุ ผู้ต้องหาที่ 1-3 เป็นผู้ทำการสาธิต

ผู้ต้องหากับพวก นำถังดับเพลิงที่ไม่ได้คุณภาพตามมาตรฐาน มีสภาพเก่า มีการเวียนนำมาใช้งาน เพื่อใช้ในการสาธิต อบรมภาคปฏิบัติ วางไว้บริเวณลานที่โล่งแจ้ง ซึ่งขณะสาธิตมีสภาพอากาศร้อนและมีแสงแดดส่องที่บริเวณตัวถังโดยตรง

ทำให้เมื่อถังดับเพลิงซึ่งเป็นวัสดุโลหะที่ไม่ได้คุณภาพดังกล่าว มีอุณหภูมิที่สูงขึ้นจากแสงแดด เกิดความร้อนในภาวะจำกัด แต่ผู้ต้องหาไม่ได้มีการใช้ความระมัดระวังในการจัดการสถานการณ์ในขณะที่ทำการสาธิต ภาคปฏิบัติอย่างเพียงพอ กล่าวคือ ไม่ได้กั้นนักเรียนให้อยู่ในบริเวณที่ปลอดภัย ซึ่งตามวิสัยและพฤติการณ์ขณะเกิดเหตุ

ผู้ต้องหาทั้งสามซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ผู้มีความเชี่ยวชาญด้านการใช้อุปกรณ์ดับเพลิงโดยตรง สามารถใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่

ต่อมาเวลาประมาณ 11.17 น. ถังดับเพลิง 1 ถัง ระเบิดขึ้น โดยแรงระเบิดทำให้ตัวถังดับเพลิงแตก และมีเศษชิ้นส่วนของถังดับเพลิงพุ่งกระเด็นไปถูกนายขุมทอง เปรมมณี อายุ 17 ปี นักเรียนที่เข้ารับการอบรมอยู่ในขณะนั้น เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ และมีนักเรียนคนอื่นๆ ได้รับบาดเจ็บ

ภายหลังศาลอนุญาตฝากขังเเล้ว 3 ผู้ต้องหายื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาเเล้วอนุญาตปล่อยชั่วคราวทั้ง 3 คน ตีราคาประกันคนละ 5 หมื่นบาท โดยไม่ได้กำหนดเงื่อนไข

จนท.ดับเพลิงบวชให้

กทม.วางแผนป้องกัน

สําหรับในส่วนของการป้องกัน น.ส.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า กทม.เรียกเก็บถังดับเพลิงชนิดคาร์บอนไดออกไซด์ในสถานีดับเพลิงทั้งหมด รวมทั้งมีนโยบายหยุดปฏิบัติการซ้อมดับเพลิงแก่หน่วยงานต่างๆ จนกว่าจะตรวจความปลอดภัยอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องครบถ้วน ยืนยันว่าถังดับเพลิงที่ระเบิดเป็นถังคาร์บอนไดออกไซด์ ต่างจากถังที่ใช้ในหน่วยราชการและชุมชน

นอกจากนี้ สั่งการให้ทุกสถานีดับเพลิง สำนักงานเขต ประธานชุมชน ร่วมกันตรวจถังดับเพลิงเคมีแห้งในชุมชนทั้งหมด เพื่อระบุรายละเอียดอายุการใช้งาน จำแนกถังเก่าที่มีแนวโน้มความเสี่ยงออกจากพื้นที่ พร้อมบำรุงรักษาถังใหม่ที่ยังใช้งานได้ รวมถึงออกข้อปฏิบัติขั้นตอนสำหรับเจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบสภาพใช้งานของถัง เช่น ตรวจสอบมาตรวัดความดันภายในถัง สภาพสายดับเพลิง สภาพตัวถัง เป็นต้น

หากพบชำรุดเสียหายสามารถแจ้งสำนักงานเขตเพื่อเปลี่ยนได้ สำหรับภาคประชาชน กทม.มีแผนเพิ่มช่องทางแจ้งถังดับเพลิงชำรุดผ่านระบบทราฟฟี่ ฟองดูว์ต่อไป

ส่วนการซ้อมดับเพลิงในอนาคต จะกำหนดให้ใช้ถังเปล่า และจะไม่มีการฉีดพ่น แต่จะเสริมความรู้ผ่านสื่อวิดีโอ สนับสนุนชุดป้องกันระหว่างซ้อม กรณีโรงเรียน นักเรียนสามารถติดตามการซ้อมได้บนชั้น 2-3 ของอาคาร เพื่อความปลอดภัย จากนี้ไป การปรับปรุงมาตรฐานปฏิบัติการทั้งหมด จะใช้มาตรฐานเดียวกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย (มท.)

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ระบุว่า ถังที่ใช้ฝึกซ้อมมีแรงดันสูงมากกว่า 800 พีเอสไอ ถังทั่วไปที่อยู่ในชุมชน จะเป็นถังเคมีแห้งแรงดัน 190 พีเอสไอ ถังแบบเคมีแห้ง จะมีหน้าจอวัดความดันอยู่ แต่ว่าถังที่ใช้ซ้อมไม่มี แต่จะมีวาล์วที่ปล่อยเวลาเกิดความดันสูง

จากนี้ถังสำหรับฝึกซ้อมต้องต้องตรวจสอบทุก 5 ปี มีการทดสอบด้วยแรงดันไฮโดรสแตติก ก็คืออัดแรงน้ำเข้าไปให้เกินค่ามาตรฐานกี่เท่า เพื่อให้มั่นใจว่าตัวนี้จะรองรับได้อยู่ ต้องปรับแล้วก็ได้สั่งการให้ทำบัญชีของถังทั้งหมด

รวมทั้งใช้ระบบจีพีเอส ให้รู้เลยว่าชุมชนนี้มีถังอยู่ที่ไหนบ้าง ทำให้เราสามารถตรวจสอบได้ง่ายขึ้น รู้ว่าถังนี้หมดอายุเมื่อไหร่

วางมาตรการไม่ให้เกิดเหตุซ้ำอีก!!