‘2 ป.’ วัดพลัง เขย่าโผทหาร พลิกแผง ผบ.เหล่าทัพ 2 ต. ‘คอแดง’ นิ่ง ทร.คลื่นแรง

‘2 ป.’ วัดพลัง เขย่าโผทหาร พลิกแผง ผบ.เหล่าทัพ 2 ต. ‘คอแดง’ นิ่ง ทร.คลื่นแรง-ทอ.สามทอด ตท.24 ยึด สมช.

 

 

แม้จะกำหนดให้ ผบ.เหล่าทัพ ส่งบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายให้กลาโหมไม่เกิน 15 สิงหาคมนี้ เพื่อนำเข้าที่ประชุมบอร์ด 7 เสือกลาโหม

แต่มีข่าวว่า บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในรัฐบาลรักษาการ ได้หารือกับ ผบ.เหล่าทัพอย่างไม่เป็นทางการ และได้ ผบ.เหล่าทัพชุดใหม่แล้ว รวมทั้งให้ ผบ.เหล่าทัพ จัดโผโยกย้ายของตนให้สอดรับกับ ผบ.เหล่าทัพคนใหม่

โดยมีรายงานว่า บิ๊กแก้ว พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผบ.ทหารสูงสุด ได้หารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ เรื่อง ผบ.ทหารสูงสุดคนใหม่แล้ว โดยได้เปรียบเทียบระหว่าง รองอ๊อบ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี รอง ผบ.ทหารสูงสุด กับ เสธ.จ่อย พล.อ.ธิติชัย เทียนทอง เสนาธิการทหาร ที่เป็นเพื่อน ตท.24 เช่นกัน แต่คนละสไตล์ คนละแนวทาง และถือเป็น คนเก่ง และเหมาะสมทั้งคู่

แต่เป็นที่รู้กันว่า พล.อ.ทรงวิทย์อยู่ในสถานะที่ได้เปรียบ ทั้งด้านต้นทุนทางสังคม ในฐานะลูกชายอดีต ผบ.ทบ. และ รมว.มหาดไทย อย่างบิ๊กตุ๋ย พล.อ.อิสระพงศ์ หนุนภักดี และจบนายร้อย VMI สหรัฐอเมริกา เติบโตมาในสายวงศ์เทวัญ สาย ร.11 รอ. เป็นทั้งผู้พัน ผู้การ จนเป็น ผบ.พล.1 รอ. รองแม่ทัพภาคที่ 1 เป็น “ทหารคอแดง” ชุดแรกของ ทบ. ตั้งแต่ตั้ง ฉก.ทม.รอ.904

ความเป็นทหารคอแดง แถมเป็นที่โปรดปรานของผู้ใหญ่ รวมทั้งคอนเน็กชั่นสาย ทม.รอ. ทำให้ พล.อ.ทรงวิทย์เป็นเต็งหนึ่ง ผบ.ทหารสูงสุด ที่จะเป็นทหารคอแดง คนที่ 2

ส่วน พล.อ.ธิติชัย ก็เป็นคนเก่งของรุ่น และเติบโตมาใน บก.กองทัพไทย ในกรมยุทธการทหาร จนเป็น ผอ.กองยุทธการ ผอ.สำนักปฏิบัติการ ผอ.สำนักวางแผนการฝึกร่วมและผสม จนเป็นเจ้ากรมยุทธการทหาร และขึ้นรอง เสธ.ทหาร และเป็น เสธ.ทหาร

ที่สำคัญ เรียนเก่ง สอบได้ที่ 1 ได้ไปเรียนชั้นนายพันเหล่าทหารปืนใหญ่ที่ Fort Sill สหรัฐอเมริกา และได้รับรางวัล Master Warfighter แถมตอนจบ รร.เสธ.ทบ. สอบได้ที่ 1 ได้ทุนไปเรียนต่อ รร.เสธ.ทบ. สหรัฐ ที่ Fort Leavenworth และยังขยันเรียนต่อปริญญาโท สาขาการระหว่างประเทศและการทูต จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

สำหรับ พล.อ.เฉลิมพลแล้ว ทำใจลำบากไม่น้อย เพราะ พล.อ.ธิติชัยก็เป็นเด็กลพบุรีมาด้วยกัน

แต่ในที่สุด พล.อ.เฉลิมพลก็เลือก พล.อ.ทรงวิทย์ เป็น ผบ.ทหารสูงสุดคนต่อไป ที่จะมายืนหัวแถวของ ผบ.เหล่าทัพ แม้จะเป็นเตรียมทหาร 24 ก็ตาม เพราะเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับบิ๊กหนุ่ม พล.อ สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกลาโหม ที่จะยืนคนแรก เวลายืนแถว ผบ.เหล่าทัพอยู่แล้ว

พล.อ.เฉลิมพล ต้องจัดวางบาลานซ์ในกองทัพไทยให้ดี เพราะหากไม่ได้เป็น ผบ.ทหารสูงสุด พล.อ.ธิติชัยก็อยากที่จะรับราชการในกองทัพต่อ ไม่อยากที่จะโอนย้าย จากกลาโหม ไปเป็นเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)

ดังนั้น พล.อ.เฉลิมพล จึงขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ พิจารณาคัดเลือกคนที่เหมาะสมไปเป็นเลขาฯ สมช. โดยจะเสนอชื่อนายทหารในกลาโหม บก.ทัพไทย และ ทบ. ไปให้พิจารณาร่วมกับพลเรือนที่เหมาะสม

แต่การแต่งตั้งเลขาฯ สมช.คนใหม่ แทน พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม ที่จะเกษียณ 30 กันยายนนี้ อาจจะต้องรอรัฐบาลใหม่มาเลือกเลขาฯ สมช. เพราะหากรัฐบาลรักษาการของ พล.อ.ประยุทธ์ จะแต่งตั้ง ก็ต้องผ่านคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก่อน หรืออาจให้รองเลขาฯ สมช. รักษาการไปก่อน

โดยมีการจับตาไปที่บิ๊กหยอย พล.อ.อุกฤษฏ์ บุญตานนท์ เสนาธิการทหารบก (ตท.24) ที่มีอายุราชการถึงกันยายน 2570 จะเป็นยาวถึง 4 ปี

หรืออาจเป็นบิ๊กปั้น พล.อ.ไพบูลย์ วรวรรณปรีชา ผอ.สำนักนโยบายและแผนกลาโหม (ตท.24) ที่ว่ากันว่า พล.อ.สนิธชนก เพื่อนรักวางตัวที่จะให้เป็นปลัดกลาโหมต่อจากตนเอง ที่จะเกษียณกันยายน 2568 เพราะอาจต้องมีคนใดคนหนึ่งเสียสละ ข้ามไปอยู่ตึกแดง ทำเนียบรัฐบาล ส่วนอีกคนเป็นปลัดกลาโหมต่อ

ไม่แค่นั้น ยังมี ตท.24 อีกคน อย่างบิ๊กหนุ่ย พล.อ.ธราพงษ์ มะละคำ ที่ปรึกษาพิเศษ ทบ. ที่เป็นทหารคอแดง ที่เริ่มมีการพูดถึง

เพราะหากบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ตามกระแสบิ๊กดีลกับพรรคเพื่อไทย และอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร พล.อ.ธราพงษ์ ก็ต้องข้ามไปเป็นเลขาฯ สมช. ที่แม้จะเป็นทหารคอแดง แต่เมื่อต้องโอนย้ายไป ก็จะพ้นจากการเป็นทหารคอแดง ฉก.ทม.รอ.904 โดยมีอายุราชการถึงกันยายน 2569

จากเดิมที่เคยมีข่าวว่า จะเตรียมข้ามจาก ทบ. มาเป็นรองปลัดกลาโหม จ่อเป็นปลัดกลาโหมในอนาคต เพราะ พล.อ.ธราพงษ์ ถือเป็นที่รักของพี่ๆ น้องๆ เป็นทหารอาชีพ เงียบนิ่ง ไม่ค่อยพูด

เมื่อครั้งที่พลาดเก้าอี้แม่ทัพภาคที่ 1 เพราะต้องหลบให้บิ๊กปู พล.ท.พนา แคล้วปลอดทุกข์ รุ่นน้อง ตท.26 ที่มีสัญญาณให้ฟาสต์แทร็ก แซงโค้งอย่างไม่คาดฝัน

จนเป็นที่เห็นใจของพี่ๆ น้องๆ ที่ยังคงให้กำลังใจกันจนทุกวันนี้

ไม่แค่นั้น ในส่วนกองทัพบกมีข่าวสะพัดจากสายบ้านป่ารอยต่อฯ แหกโค้งออกมาว่า หาก พล.อ.ประวิตรเป็นนายกรัฐมนตรี ชื่อของนายทหารที่จะเป็น ผบ.ทบ. อาจเปลี่ยนจากบิ๊กต่อ พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ รอง ผบ.ทบ. น้องรักสายทหารเสือราชินีของ พล.อ.ประยุทธ์ก็เป็นได้

เพราะ พล.อ.ประวิตร ก็มีลูกรักสองคนที่สามารถขึ้นเป็น ผบ.ทบ.ได้ อย่าง พล.อ.ธราพงษ์

แต่ทว่า อาจมีปัญหาเพราะแม้จะเติบโตมาในสายคอมแมนด์ ในสายบูรพาพยัคฆ์ เป็นทั้งผู้พัน ผู้การกรม และ ผบ.พล.ร.2 รอ. และรองแม่ทัพภาคที่ 1 ก็ตาม แต่ทว่า ไม่ได้เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 จึงอาจผิดธรรมเนียม ผบ.ทบ.ในยุคปัจจุบัน แม้จะเป็นทหารคอแดงก็ตาม

แต่ที่ยังไม่อาจมองข้ามได้ คือ บิ๊กโต พล.อ.สุขสรรค์ หนองบัวล่าง ผู้ช่วย ผบ.ทบ. น้องรักสายบูรพาพยัคฆ์คอแดงของ พล.อ.ประวิตร ที่เป็นแคนดิเดต ผบ.ทบ. ที่สมน้ำสมเนื้อกับ พล.อ.เจริญชัย

แม้จะมีกระแสข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้คุยกับบิ๊กบี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. และ ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 แล้วว่า ผบ.ทบ.คนต่อไปคือ พล.อ.เจริญชัย ถึงขั้นที่มีการมอบหมายงานให้ดูแลแทนใน 3 เดือนสุดท้ายของ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ก่อนเกษียณแล้วก็ตาม

ดังนั้น จึงจ้องจับตาเกมของ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตรในการชิงอำนาจในการคุมกองทัพ เพราะต้องไม่ลืมว่า พล.อ.ประวิตร ก็ต้องการถอดสลักรัฐประหารเช่นกัน และคนที่ พล.อ.ประวิตรไว้วางใจมากที่สุดก็คือ พล.อ.สุขสรรค์

แม้ว่าตำแหน่ง ผบ.ทบ.จะไม่ใช่มีแค่ พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ร่วมพิจารณาเท่านั้นก็ตาม แต่ยังต้องมี “หน่วยเหนือ” ร่วมตัดสินใจด้วยเพราะ ผบ.ทบ.ต้องเป็น ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 และเป็นทหารคอแดงด้วยนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม พล.อ.สุขสรรค์ ก็ถือว่าเติบโตมาในสายคอมแมนด์มาตลอด ตามเส้นทางเหล็กของสายบูรพาพยัคฆ์ จนเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 และขึ้น ผช.ผบ.ทบ. และที่สำคัญยังเป็นเสนาธิการ ฉก.ทม.รอ.904 ด้วย

 

แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จะนัดผู้บัญชาการเหล่าทัพส่งบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายให้กลาโหมภายใน 15 สิงหาคมนี้ และเตรียมนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อจะให้เสร็จสิ้นประกาศออกมาไม่เกินสิ้นเดือนสิงหาคม ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ เปลี่ยนนายกฯ คนใหม่

แต่หาก พล.อ.ประวิตร จะให้ดึงเกมรอ ก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะทั้ง พล.อ.สนิธชนก ปลัดกลาโหม และบิ๊กช้าง พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ก็ล้วนเป็นน้องรักของ พล.อ.ประวิตร แต่ พล.อ.ประวิตร ก็อาจจะต้องผิดใจกับ พล.อ.ประยุทธ์

แต่การตั้ง ผบ.ทบ. และ ผบ.เหล่าทัพ ถือเป็นหลักประกันความมั่นคงของรัฐบาลใหม่ และเก้าอี้นายกรัฐมนตรี หากเป็น พล.อ.ประวิตร

ดังนั้น จึงมีข่าวสะพัดว่า พล.อ.ประยุทธ์กระชับเวลาให้เร็วขึ้นโดยให้ส่งบัญชีรายชื่อโยกย้ายนายทหารภายในวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จากเดิม 15 สิงหาคม เพื่อต้องการให้เสร็จสิ้นขั้นตอนต่างๆ และนำทูลเกล้าฯ ได้เร็วขึ้น

จึงต้องจับตาเกมชิงอำนาจกองทัพ และการแต่งตั้งผู้บัญชาการเหล่าทัพชุดใหม่ ที่จะต้องมาดูแลกองทัพ ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองที่เข้มข้น และยังมีความหวาดหวั่นเรื่องการปฏิวัติรัฐประหารอยู่

 

สําหรับเก้าอี้ ผบ.ทร. ที่กำลังทำให้บรรยากาศในกองทัพเรือเข้มข้นและร้อนแรง ที่เทียบกับคลื่นในท้องทะเล ระดับ 5 ที่เคยทำให้เรือหลวงสุโขทัยอับปางมาแล้วเลยทีเดียว จนอาจมีพลิกโผได้เสมอ หากมีปฏิบัติการเหนี่ยวรั้งโผทหาร ไว้รอรัฐบาลใหม่ นายกฯ ใหม่ เพราะรอได้ไม่เกิน 15 กันยายน ที่จะต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯ รอคำสั่งจะต้องมีผลตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2566

กล่าวกันใน ทร.ว่า หาก พล.อ.ประวิตรเป็นนายกฯ ชื่อของ ผบ.ทร.คนใหม่อาจกลายเป็นบิ๊กดุง พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผบ.กองเรือยุทธการ ที่ใครๆ มองว่ามีโอกาสน้อยกว่าเพราะมีอายุราชการเหลือแค่ 1 ปี อีกทั้ง ผบ.กองเรือยุทธการ อาจไม่สามารถขึ้นเป็น ผบ.ทร.ได้เลย

แต่ก็มีกระแสข่าวสะพัดว่า พล.ร.อ.อะดุง มีแบ๊กอัพระดับอดีตบิ๊ก ทร.ในแวดวงสัญญาณพิเศษ ที่พร้อมสนับสนุน รวมทั้งอดีตบิ๊ก ทร. ที่ใกล้ชิด พล.อ.ประวิตร

ไม่แค่นั้น ตัว พล.ร.อ.อะดุง ก็ดูมีความหวัง และถูกจับตามองว่า จะกลายเป็นตาอยู่ ในสถานการณ์ที่แคนดิเดตอีก 2 คน ที่เป็นตัวเต็ง กำลังถูกทำให้ขัดแย้งกัน

จากกรณีการปูดข่าวในเพจดัง ที่มักมีเรื่องใน ทร.มาแฉบ่อยๆ และทำมายาวนาน มาหลาย ผบ.ทร. คราวนี้พุ่งเป้าไปที่ “นายพล ช.” ปมค่าคอมมิสชั่นรถเกราะ และการเรียกบริษัทไปเป็นสปอนเซอร์ดูแลตอยไปต่างประเทศ และการสั่งแก้สัญญาให้บริษัทที่ทิ้งงานสร้างอาคารศรชล

ทันทีที่นายพล ช. โดนถล่ม บิ๊กคลื่น พล.ร.อ.ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษก ทร. ก็ได้ไฟเขียวจาก ผบ.ทร. ทำหน้าที่ในการชี้แจงทุกประเด็น

แต่ก็ไม่ได้ระบุว่า ทร.จะตรวจสอบหรือไม่อย่างไร เพราะบริษัทค้าอาวุธนั้น ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจง ปฏิเสธเรื่องจ่ายค่าคอมมิสชั่นแล้ว แต่พุ่งเป้าไปที่ศึกการแต่งตั้งโยกย้าย ที่เสมือนเป็นการพลิกสถานการณ์ มาพุ่งเป้าที่แคนดิเดต ผบ.ทร.คนอื่นๆ แทน

แม้ว่ากระแสข่าวนี้จะออกมาในแวดวงข่าวสายอาวุธยุทโธปกรณ์มาระยะหนึ่งก่อนที่จะลงเพจดัง เพราะมีการจับตาโครงการจัดซื้อรถเกราะของ ทร. ที่บริษัทหนึ่งเคยได้ แต่มาตอนนี้กลับกลายเป็นอีกบริษัทหนึ่ง จึงเกิดข่าวลือต่างๆ ขึ้น และไปแฉผ่านเพจดังกล่าว เพื่อหวังถล่มนายพล ช. และคู่แข่ง แต่พร้อมๆ กันนั้น ก็สะเทือนไปทั้งกองทัพเรือ เพราะทำให้แคนดิเดตโดนลูกหลงไปตามๆ กัน

จนมีการวิเคราะห์กันใน ทร.ว่า งานนี้เป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัว เพราะสะเทือนแคนดิเดตที่กำลังเบียดกันอยู่

ทั้งบิ๊โอ๋ พล.ร.อ.ชลธิศ นาวานุเคราะห์ ที่ย่อมไม่เป็นผลดีที่ถูกโจมตี เพราะกระทบภาพลักษณ์ ไม่ว่าจะจริงหรือไม่ก็ตาม

และก็ไม่เป็นผลดีต่อบิ๊กวิน พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข ผช.ผบ.ทร. ที่เป็นคู่แคนดิเดต ที่มีอายุราชการ 2 ปีเท่ากันด้วย ซึ่งหากใครมองเกมออก ก็ย่อมรู้ได้ว่า ไม่น่าใช่เกมของฝ่าย พล.ร.อ.สุวิน

อย่างไรก็ตาม พล.ร.อ.สุวิน ได้เปรียบในเรื่องอาวุโสที่สุด แม้จะเป็นรุ่นน้อง แต่เกษียณ 2568 พร้อม พล.ร.อ.ชลธิศ อีกทั้งหากเทียบประวัติและผลงาน และเส้นทางการเติบโตแล้ว พล.ร.อ.สุวิน ก็ดูจะได้เปรียบกว่า และถูกจับตามองว่าเป็นเพื่อนร่วมรุ่นมัธยมของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ ที่มีโอกาสจะร่วมรัฐบาล

แต่อย่างไรก็ตาม พล.ร.อ.ชลธิศ นั้นได้เปรียบในเรื่องความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับบิ๊กจ๊อด พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผบ.ทร. โดยเฉพาะหลังบ้านที่สนิทสนมกันมายาวนาน แต่ในระยะหลังๆ มานี้ เริ่มมีเรื่องคาใจกัน ในเรื่องแนวทางการทำงาน และการตัดสินใจในโครงการต่างๆ แต่ก็เคลียร์ใจกันได้

มีรายงานด้วยว่า พล.ร.อ. ชลธิศ และ พล.ร.อ.อะดุง ต่างก็มีความมั่นใจในแบ๊กอัพของตนเอง ขณะที่ฝ่าย พล.ร.อ.สุวิน ก็มั่นใจในการตัดสินใจ และความเป็นธรรมของ พล.ร.อ.เชิงชาย

ก่อนหน้านี้ พล.ร.อ.เชิงชาย เคยให้สัมภาษณ์ว่า ผบ.ทร.คนต่อไปต้องเป็น “คนดี” แต่จะหมายถึง ต้อง “คลีน” ใช่หรือไม่นั้น ผบ.ทร.ไม่ได้ตอบตรงๆ แต่มองภาพรวมทั้งอาวุโส ความสามารถ และผลงานด้วย

 

ขณะที่กองทัพอากาศนั้น เป็นที่รู้กันดีเรื่องสัญญาใจ สัญญาสุภาพบุรุษ ระหว่างบิ๊กตุ๊ด พล.อ.อ.อลงกรณ์ วัณณรถ ผบ.ทอ. กับบิ๊กป้อง พล.อ.อ.นภาเดช ธูปะเตมีย์ อดีต ผบทอ. ผู้มีพระคุณ ที่ตั้งมาเป็น ผบ.ทอ. จนกลายเป็น “ตำนาน 3 ทอด”

กล่าวคือ บิ๊กแอร์ พล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ ดัน พล.อ.อ.อลงกรณ์ ขึ้นมาเป็น ผช.ผบ.ทอ. ก่อนที่ตนเองจะเกษียณ โดยที่ พล.อ.อ.แอร์บูล เสนอให้ พล.อ.อ.นภาเดช เป็น ผบ.ทอ. กลายเป็นความสัมพันธ์เชิงบุญคุณของเพื่อน ตท.21 ด้วย

เมื่อ พล.อ.อ.นภาเดช ขึ้นมาเป็น ผบ.ทอ. ก็สนับสนุน พล.อ.อ.อลงกรณ์ เป็น ผบ.ทอ. ที่อาจถูกมองว่า เพราะสัญญาใจ และด้วยความใกล้ชิดส่วนตัวกับ พล.อ.อ.อลงกรณ์ด้วย

มาถึงตอนนี้ ไม่ใช่เรื่องเกินคาด หาก พล.อ.อ.อลงกรณ์จะเสนอชื่อน้องรักของ พล.อ.อ.นภาเดช อย่างบิ๊กณะ พล.อ.อ.ณรงค์ อินทชาติ เสธ.ทอ. เป็น ผบ.ทอ.คนใหม่ เป็นทอดที่ 3 ตามสูตรทายาท “ป้อง-ตุ๊ด-ณะ” คนละ 1 ปี

แม้จะมีแคนดิเดต ผบ.ทอ.หลายคน แต่ พล.อ.อ.ณรงค์ ถือว่าเป็นเต็งหนึ่ง และมีการเตรียมพร้อมในด้านนโยบาย แผนงาน ในการจะเป็น ผบ.ทอ.

แต่อย่างไรก็ตาม หากมีการยื้อโผทหารไว้รอรัฐบาลใหม่ โดยเฉพาะรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ หรือ พล.อ.ประวิตรเป็นนายกฯ หรือร่วมรัฐบาลก็ตาม

ตัวเต็ง ผบ.ทอ. อาจจะไม่ใช่ พล.อ.อ.ณรงค์ ก็เป็นได้ แต่ให้จับตามองที่บิ๊กหนึ่ง พล.อ.อ.ชานนท์ มุ่งธัญญา รอง ผบ.ทอ. ที่อาวุโสสุด และความรู้ความสามารถเป็นที่ยอมรับ ที่อาจจะได้ล้างอาถรรพ์ “ผู้การกองบิน 4” ที่ยังไม่เคยมีใครได้เป็น ผบ.ทอ.เลย

หรือแม้แต่คนที่อยู่เงียบๆ ทำงานไปอย่างบิ๊กไก่ พล.อ.อ.พันธุ์ภักดี พัฒนกุล ผช.ผบ.ทอ. ที่ก็มีพลัง ตท.24 พร้อมหนุนให้ชิงกับ ตท.23 อีกทั้งมีอายุราชการเหลือ 2 ปีอีกด้วย

เพราะที่แน่ๆ ตท.24 กำลังยึดหัวแถว ผบ.เหล่าทัพแล้ว 2 ที่ คือ พล.อ.สนิธชนก ปลัดกลาโหม และ พล.อ.ทรงวิทย์ ที่คาดกันว่าจะเป็น ผบ.ทหารสูงสุดคนต่อไป เพราะ ตท.24 ก็เป็นรุ่นที่ เบียดกับ ตท.23 มาตลอด

ดังนั้น ใครๆ ก็อยากจัดโผทหาร เพราะครั้งนี้ได้แต่งตั้งทั้ง 4 ผบ.เหล่าทัพฝ่ายทหารแบบยกแผง เพราะใครได้กองทัพไว้ในกำมือ ย่อมอุ่นใจว่าจะไม่โดนรัฐประหาร และเป็นกองหนุนที่มั่นคงสำหรับรัฐบาล และเก้าอี้นายกฯ เพราะหากไม่ใช่คนของตัวเอง ก็ย่อมเสียวสันหลังไปตลอด