กรุณาเลือกผมนะครับ | เรื่องสั้น : สาทิส ไฟพิมพ์

เรื่องสั้น | สาทิส ไฟพิมพ์

กรุณาเลือกผมนะครับ

 

ผมลืมตาขึ้นช้าๆ นี่คงเป็นการตื่นครั้งที่สองของวันนี้ เพราะเสียงนั่น…หลังข้าวมื้อเช้าบนหอฉัน ล้างถ้วยชามเสร็จ ก็ช่วยเด็กวัดล้างส้วมจนครบทุกห้อง สามโมงเช้าก็ถึงเวลาเอนกายบนแคร่ใต้ต้นก้ามปู ที่เก่าเวลาเดิมอีกครั้ง

เสียงมันดังมาจากเครื่องขยายเสียงบนศาลาการเปรียญของวัด “สายัณสวัสดิ์ครับพ่อแม่พี่น้องทั้งหลาย นี่เป็นเสียงจากวัดโคกเหลี่ยมราษฎร์ศรัทธาธรรม วันนี้เวลาสิบโมงตรง หรือสี่โมงเช้า ขอเชิญพ่อแม่พี่น้องมาฟังนโยบายของผู้สมัครชิงตำแหน่งกำนันตำบลผักกรอบ หมายเลขสาม นายจุมลา ศรีโคกเหลี่ยม คนที่พูดจริงทำจริง ไม่พึ่งพิง…(เซ็นเซอร์)… อย่าลืมอย่าพลาด เจอกันที่ศาลาการเปรียญวัดโคกเหลี่ยม สี่โมงเช้า สี่โมงเช้า ครับพี่น้อง มีของดีของเด็ดมาฝากกัน…” มัคนายกพ่วงตำแหน่งหัวคะแนน พูดซ้ำอีกสองสามรอบ ก่อนจะปล่อยเพลงลูกทุ่งฮิตฟังติดหูกระจายเสียงต่อ

“เฮ้ย!…ไอ้โพด นอนขี้เกียจตัวเป็นขนเลยนะมึง ตื่นๆ มาช่วยกูยกเก้าอี้เรียงแถวบนศาลาหน่อย เดี๋ยวท่านว่าที่กำนันจะมาปราศรัยหาเสียง เร็วเข้าสิมึง มัวแต่นอนกินบ้านกินเมืองอยู่ได้ บ้าแล้วยังขี้เกียจอีก” เสียงมัคนายกลั่นมาจากตีนบันไดขึ้นศาลา

คำว่า “บ้า” มันเป็นชนักปักหลังผมมาตั้งแต่จบประถมหก หลังพ่อแม่ถูกรถชนตาย ผมก็ไม่เหลือใคร ญาติพี่น้องที่เหลือ ไม่มีใครอยากเป็นภาระ ผมเดินเข้าบ้านลุง มุ่งไปบ้านป้า นอนบ้านน้า สุดท้ายก็ต้องออกจากบ้านอา ใครอยากจะหาเหาใส่หัว แค่ชีวิตพวกเขาเองก็แทบจะเอาตัวไม่รอด

โรคซึมเศร้าจู่โจมผมจน อสม.ช่วยกันหิ้วปีกไปส่งหมออนามัย กินยาจิตเวชอยู่สี่ห้าปี ก็ดีขึ้นบ้าง จากซึมเศร้ากลายเป็นหัวเราะทั้งวันสลับกันอยู่เยี่ยงนี้

เมื่อเห็นว่าถึงกินยาก็อย่างนั้น ไม่กินก็อย่างนั้น ทั้ง อสม. และหมออนามัย ก็ปล่อยผมไปตามเวรตามกรรม แม้ชีวิตจะ…(เซ็นเซอร์)…ไปบ้าง แต่ก็ยังมีวัดเป็นที่พึ่งสุดท้าย

“ให้เขามาอาศัยอยู่ในวัดนี่แหละโยม อาศัยข้าวก้นบาตร ประทังชีวิตไป ถือว่าช่วยชีวิตสัตว์โลก ขนาดแมวหมา อาตมายังเลี้ยงไว้เต็มวัด ก็ด้วยชาวบ้านเอามาปล่อยไว้นั่นแหละโยม แล้วคนทำไมเราจะไม่ดูดำดูดีล่ะ” หลวงตาวัดโคกเหลี่ยมราษฎร์ศรัทธาธรรม ท่านบิณฑบาตผมเอาไว้จากเจ้าหน้าที่สาธารณสุข

นับแต่วันนั้นผมก็ถูกเรียกว่าเด็กวัด แต่ชาวบ้านส่วนใหญ่เรียกอีกชื่อหนึ่ง “ไอ้โพดผีบ้า”

“บ้าก็บ้าวะ ทำไมต้องเถียงด้วย” เมื่อไม่มีประโยชน์ที่จะตอบโต้ใครเขา ผมก็จำใจพูดกับตัวเองแบบนี้

 

เก้าอี้พลาสติกสีสด ถูกจัดเรียงไว้เป็นแถวเป็นแนว กะดูด้วยสายตาประมาณร้อยที่ได้กระมัง หลังงานเสร็จ ผมกำลังจะผละไปนอนต่อใต้ต้นไม้

“เดี๋ยวก่อนไอ้โพด นั่นมึงกำลังจะไปไหน ลงไปนอนอีกแล้วสิท่า ไอ้นี่สันหลังยาวเกินหน้าชาวบ้านชาวช่อง…กูว่าถ้านั่งบนศาลาคงร้อนกันแย่ เปลี่ยนลงไปนั่งใต้ต้นก้ามปูดีกว่า ขนเก้าอี้ลงเดี๋ยวนี้โว้ยไอ้โพด”

เป็นอันว่าเก้าอี้ถูกย้ายลงไปใต้ต้นไม้ บริเวณเอนกายาประจำของผม เวลานี้ผมเสียทั้งที่นอน เสียทั้งเวลานอน

“ตอนว่าที่กำนันมาปราศรัย มึงก็อย่าลืมมานั่งฟังด้วยนะโพด นั่งให้เต็มๆ เข้าไว้ ท่านจะได้มีกำลังใจพูด…แต่มึงอย่าเสร่อมานั่งด้านหน้าล่ะ อยู่หลังๆ นั่นแหละดี คนเข้าจะได้ไม่กลัว…เข้าใจ๋” มัคนายกสำทับผมเอาไว้ก่อน

สี่โมงกว่าแล้วทั้งชาวบ้าน ทั้งผู้สมัครกำนันยังไม่มีใครมา มีเพียงผมกับอีแด่นหมาแม่ลูกอ่อนกำลังนอนให้นมลูกหกตัวของมันอยู่อีกฝาก มันมองผมอย่างไม่ถูกกัน เข้าใกล้ไม่ได้ มันแยกเขี้ยวตาเขียวใส่

ก็แน่ล่ะซี ก่อนหน้านี้ผมเคยแย่งข้าวมันกิน มันคงจำฝังใจ ก็คนมันหิว มันดันหวงก้างไว้กินตัวเดียว ใครจะไปทนหิวไหว

เวลานี้ด้านหน้ามียายศรี กับป้าใส อสม.ที่เคยพาผมไปหาหมออนามัยนั่งประจำที่ แล้วก็มัคนายกเดินไปเดินมา กระวนกระวายใจยิ่งกว่าลงสมัครกำนันเองเสียอีก

กว่าท่านว่าที่กำนันจะเหยียบย่างมาได้ก็ปาเข้าไปเกือบห้าโมงเช้า กระบะสีเลือดหมูออฟโรดขับเคลื่อนสี่ล้อ จอดห่างจากต้นก้ามปูไม่ไกล ชายวัยเกือบห้าสิบลงจากรถ สวมเสื้อแขนยาวสีกรมท่า ใส่ยีนส์สีกลืนกัน บนศีรษะประดับหมวกปีกหนัง บนคอแขวนพระเครื่ององค์เขื่องใส่กรอบทองสะดุดตา

“มีมากี่คนล่ะมัคนายก” จุมลา ศรีโคกเหลี่ยม พยักพเยิดไปทางหัวคะแนน

“เอ่อๆ เดี๋ยวคงมากันอีกครับกำนัน” มัคนายกพูดเอาใจทั้งที่เขายังไม่ได้ถูกเลือกตามกระบวนการ

“เอ้า ไม่เป็นไร มาแค่นี้ก็พูดแค่นี้ ตอนคิดรายหัวมัคนายกก็เอาไปแค่นี้ก็แล้วกัน” ท่านว่าที่กำนันใจดีชะมัด

 

“พ่อแม่พี่น้องทั้งหลาย ก่อนอื่นผมนายจุมลา ศรีโคกเหลี่ยม ก็ต้องขอขอบคุณที่ทุกคนเสียสละเวลาอันมีค่า มานั่งฟังนโยบายของผม” จุมลาไม่พูดเฉยๆ ก้มไหว้เสียหน้าแทบจะจูบดิน

“ถ้าผมได้เป็นกำนัน สิ่งแรกที่ผมจะทำก็คือ…” จุมลามองหน้ายายศรีซึ่งหูหนวกไปแล้ว กับป้าใสซึ่งเป็นต้อกระจกเมื่อไม่นานมานี้ สลับกันไปมา

“…เสนอหน่วยเหนือ ให้เปลี่ยนป่าเสื่อมโทรมของตำบลเรา ให้เป็นพื้นที่ทำกิน ส.ป.ก.สี่ขีดศูนย์…เอ่อ” จุมลาเอียงคอไปถามลูกสมุนข้างๆ

“สี่ขีดศูนย์หนึ่ง” ลูกน้องต้องเป็นธุระตอบให้

เรียกได้ว่าจุมลาเตรียมข้อมูลมาพูดดีมาก!

ข่าวที่เคยเข้าหูผมโดยไม่ได้ตั้งใจ ได้ยินคนพูดกันบนศาลา ตอนรอพระฉันเช้าในวันพระ “…ฟาร์มหมูของไอ้จุมลามันขยายเข้าไปในป่าชุมชน ไม่ใช่แค่ไร่สองไร่ เป็นร้อยๆ ไร่เลยนะเอ็ง”

“เจ้านายหรือพวกเจ้าหน้าที่ไม่ทำอะไรเลยหรือไง”

“เห็นว่าพวก…(เซ็นเซอร์)…ไปรังวัดที่ให้เลยด้วยซ้ำ”

“ชาวบ้านเป็นร้อยเป็นพันไม่มีที่ทำกิน พวกนี้กลับได้ที่มีโฉนดมาง่ายๆ…เวรกรรม”…

“นโยบายข้อที่สอง เราจะเสนอให้ อบต.เพิ่มงบดูแลคนด้านสาธารณสุขให้มากขึ้น พวกเราจะได้มีสุขภาพที่แข็งแรงกันทุกครอบครับ” เที่ยวนี้จุมลามองมาที่ผม พลางแสยะยิ้ม

หนาวที่ผ่านมา ควันไฟเหนือเชิงเขาใกล้ป่าชุมชน มาจากการเผาซังข้าวโพด ที่คนงานในฟาร์มของจุมลาปลูกไว้เป็นอาหารหมู บนพื้นที่มากกว่าร้อยไร่ ฝุ่นพิษลอยมาคลุมทั้งตำบลนานเป็นสัปดาห์ ลูกเล็กเด็กแดง ผู้เฒ่าผู้แก่ ป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะคนที่เป็นหอบหืดอยู่แล้ว อาการกำเริบนอนโรงพยาบาลเป็นแถว

จะโทษแต่ฟาร์มหมูของจุมลาก็ไม่ถูกต้องนัก ชาวบ้านในตำบลนี้ต่างก็เผาซังข้าวหลังทำนาปีเตรียมทำนาปรังกันต่อ พวกเขาอาจไม่มีทางเลือกมากนัก จะใช้วิธีการไถกลบก็มีค่าจ้างแพงเหลือเกิน ราคาน้ำมันก็ขึ้น การเตรียมดินก่อนเพาะปลูกข้าวจึงจำเป็นต้องเผาซังเพื่อให้ไถดะและคราดได้ง่าย

“นโยบายข้อที่สาม ผมจะสนับสนุนให้พ่อแม่พี่น้องมีรายได้เสริมหลังฤดูเก็บเกี่ยว จะได้ไม่ต้องย้ายถิ่นฐาน เข้าไปทำงานในกรุงเทพฯ หรือปริมณฑล อยู่บ้านเรา พัฒนาบ้านเรา บ้านเราเจริญ” จุมลาจบด้วยนโยบายโดนใจหรือเปล่า ไม่มีเสียงตอบรับจากผู้ฟัง

ในฟาร์มหมูของนายจุมลา เต็มไปด้วยแรงงานผิดกฎหมายจากประเทศเพื่อนบ้าน ริมรั้วของฟาร์มหมูสร้างเพิงพักไว้ห้าหกสิบหลัง รองรับการอยู่อาศัยของคนเหล่านี้ เขาจ้างแรงงานต่างชาติดีกว่าจ้างชาวบ้านชาติเดียวกัน เหตุก็เพราะจ่ายค่าแรงงานเถื่อนสามคนเท่ากับจ่ายคนบ้านเดียวกันหนึ่งคน

หนำซ้ำแรงงานบ้านเดียวกันแทบจะไม่ทำงานประเภทนี้กันแล้ว ถือว่าค่าแรงต่ำ ทำงานสกปรก ล้างขี้หมูเหม็นติดจมูกไปสามวัน

ก่อนกลับ จุมลา ศรีโคกเหลี่ยม เดินตรงมาทางผม หยุดข้างๆ โน้มตัวกระซิบกระซาบข้างหูผม “…” ก่อนจะยืดตัวตรง “ยังไงอย่าลืมไปเลือกกูนะไอ้โพด แล้วมึงจะไม่เสียใจ” พลางตบบ่าผมสองสามทีแล้วเดินไปขึ้นรถ…

 

สามวันต่อมา หลังติดตามหลวงตาไปบิณฑบาต ผมก็รีบจัดแจงเตรียมสำรับถวายพระเณรตามปกติ เสร็จสิ้นมื้อเช้าก็ถึงเวลาพักผ่อนกายา…

“ไอ้โพดโว้ย!…มึงนี่นอนได้ทุกวี่ทุกวัน ขี้เกียจสันหลังยาว รีบมาช่วยกูจัดเก้าอี้หน่อยโว้ย เดี๋ยวท่านว่าที่กำนันเบอร์หนึ่ง จะมาปราศรัย เสร็จแล้วมึงรีบไปตามเฒ่าหวังกับเฒ่าอ่ำให้กูด้วย” มัคนายกตะโกนลั่นมาจากตีนบันไดศาลา

เบอร์หนึ่ง นายชีวิน เหลี่ยมโคกกุล อดีต ส.อบต.ผักกรอบ เททั้งหน้าตัก ลาออกจากตำแหน่งเดิม ลงชิงตำแหน่งกำนัน ว่ากันว่าเขาได้รับการสนับสนุนจากนักการเมืองระดับชาติ เพื่อสร้างฐานเสียงในท้องถิ่น เรียกกลยุทธ์ “ป่าล้อมเมือง” ที่เคยใช้ได้ผลมานักต่อนัก ไม่ว่าจะเป็นการเมืองหรือธุรกิจ

ผมนั่งริมซ้ายหลังของแถวเก้าอี้ ส่วนฝั่งตรงข้ามอีแด่นนอนหลับนิ่งๆ มีลูกทั้งหกตัววิ่งเล่นอยู่รอบๆ มาถึงตอนนี้ผมยังเข้าหน้ามันไม่ติด ทั้งที่อาสาเอาข้าวน้ำให้สัตว์ในวัดทุกตัวกิน รวมอีแด่นและลูกๆ ของมันด้วย คงต้องทำต่อไปอีกสักระยะ หวังว่ามันจะยกโทษให้ผม

เที่ยวนี้นอกจากเฒ่าหวังซึ่งขาพิการเดินไม่ได้ ต้องนั่งรถเข็น กับเฒ่าอ่ำเป็นอัมพฤกษ์ครึ่งฉีก นั่งอยู่แถวหน้าแล้ว มัคนายกใช้บทเรียนครั้งที่แล้ว รีบไปเกณฑ์เด็กนักเรียนชั้น ป.6 ยกชั้น มานั่งแก้ขัดให้ดูหนาแน่นเข้าไว้ แน่นอนว่าแกก็ได้ค่าหัวเพิ่ม ตามจำนวนผู้ฟังเช่นกัน

นายชีวิน ร่างผอมสูง วันนี้สวมเสื้อตาหมากรุก ผู้ติดตามสามคนนำเอาถุงผ้าสกรีนเบอร์ผู้สมัครมาแจกชาวบ้านด้วย

“นโยบายของผมไม่มีใครเหมือน และไม่เหมือนใครแน่นอน ผมจะผลักดันให้มีรถรับส่งคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล หมู่บ้านละหนึ่งคัน นอกจากจะเป็นรถฉุกเฉินแล้วยังทำเป็นรถรับส่งผู้สูงอายุหรือคนที่ไม่มีรถ ไปรับยาต่อเนื่องที่โรงพยาบาลได้ด้วย เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”

มัคนายกเคยเล่าให้พรรคพวกฟังตอนเล่นหมากรุกใต้ศาลา ผมบังเอิญได้ยินเข้าพอดี “ไอ้รถฉุกเฉินส่งคนบาดเจ็บจากมอเตอร์ไซค์ล้ม คนขับมันขับรถอีท่าไหนก็ไม่รู้ ลงไปย้ำเทือกกลางนา คนเจ็บตาย เจ้าหน้าที่อีกคนรวมทั้งคนขับเจ็บสาหัส”

“ก็เห็นว่าคนขับซึ่งเป็นคนของ…(เซ็นเซอร์)…เมาตั้งแต่เช้า ยังตะแบงไปขับรถส่งคนเจ็บอีก”

“ตอนนั้นนายชีวินเป็นประธานคณะอนุกรรมการเรื่องรถฉุกเฉินของ…(เซ็นเซอร์)…อยู่ แต่ไม่ยักจะพูดอะไร ทำเฉยไปเสียอย่างนั้น ก็ไอ้คนขับเป็นหลานชายแท้ๆ จะไปทำรุนแรงไล่องไล่ออกได้ไง”…

“นโยบายที่สองของผม ก็รับรองว่าไม่เหมือนใครอีกเหมือนกัน ผมจะติดตั้งไวไฟให้ทุกหมู่บ้านได้ใช้อินเตอร์เน็ตกันฟรี ต่อไปนี้พี่น้องเอ้ย รับรองว่าตั้งแต่ลูกเล็กเด็กแดงไปจนถึงผู้หลักผู้ใหญ่ จะได้เข้าถึงการสื่อสาร และหาความรู้กันได้ทุกที่ทุกเวลา”

เด็ก ป.6 ที่นั่งอยู่เฮกันลั่น ทำเอานายชีวินหน้าบานยิ้มไม่หุบ

“น้องๆ ถึงแม้ว่าจะลงคะแนนเสียงไม่ได้ แต่อย่าลืมไปบอกผู้ปกครองให้เลือกเบอร์สองนะลูก” นายชีวินอ้อนขอคะแนนจากเด็กๆ

เท่าที่ผมได้ยินได้ฟังตอนคนมาใส่บาตรวันพระ ต่างบ่นกันอุบเรื่องเด็กติดเกม ไม่ยอมทำงานบ้าน ไม่อ่านหนังสือ ไม่ฟังสิ่งที่ผู้ใหญ่พูด ฯลฯ สรุปคือ ไม่ทำอะไรสักอย่าง นอกจากจ้องมือถือเกือบจะตลอดเวลา

ซ้ำร้าย นายชีวินคนนี้ยังเคยถูกกล่าวหาว่าเข้าไปพัวพันกับเว็บพนันออนไลน์ และเว็บแทงหวยเถื่อน เขาเป็นนายหน้าหาคนไปสมัครเล่น ก็จะเป็นใครที่ไหนเสีย ก็พวกวัยรุ่นที่ตกงานทั้งหลาย พวกนี้มีโทรศัพท์มือถือใช้ทุกคน เงินเติมค่าโทร.ก็ได้มาจากพ่อแม่ของตนเองนี่แหละ

ตนเองเล่นคนเดียวไม่พอ ไปชักชวนพ่อแม่ปู่ย่าตายายญาติสนิทมิตรสหายมาเล่นด้วย ครอบครัวถึงขั้นเป็นหนี้นอกระบบ พวกแก๊งหมวกกันน็อกมาตามทวงดอกกับต้นทุกวี่ทุกวัน

“นโยบายที่สาม ผมจะสนับสนุนการกวาดล้างยาเสพติดให้หายไปจากชุมชน จะส่งเสริมให้เยาวชนทำกิจกรรมสร้างสรรค์ทั้งดนตรีและกีฬา”

เด็กนักเรียน ป.6 เฮกันลั่นอีกครั้ง

ชาวบ้านร่ำลือกันหนาหู นายชีวินเป็นตัวกลางระหว่างคนมี…(เซ็นเซอร์)…ผู้ค้ารายใหญ่ กับเยาวชนในพื้นที่ จัดจำหน่ายยาบ้ากันเป็นระบบ เงินทองที่ได้มาเป็นกอบเป็นกำของเขา นำไปต่อยอด ลงเล่นการเมืองท้องถิ่น และใช้กินอย่างสบาย ความร่ำรวยล้วนมาจากธุรกิจสีเทาแทบทั้งสิ้น

นายชีวิน เหลี่ยมโคกกุล เดินมาด้านหลังแถวเก้าอี้ ระหว่างนั้นเด็กๆ กรูกันเข้ามาห้อมล้อม ตะโกนพร้อมกัน “เบอร์หนึ่งๆๆๆ” ทำเอาเท้าเขาแทบไม่ติดพื้น เท้าสองข้างเริ่มลอยขึ้นๆ ห่างจากดินหลายเซนติเมตร ก่อนจะเป็นฟุต

“วางกูลงเดี๋ยวนี้ พวกมึงจะยกกูขึ้นจากพื้นทำไมวะ” นายชีวินหันไปตะคอกใส่ลูกน้องสองคนที่หิ้วปีกเขาออกจากวงล้อมของเด็กๆ

“พวกผมทำตามหน้าที่ครับท่าน ปกป้องท่านจากภยันตราย”

“จากเด็กสิบกว่าขวบนี่นะ คิดได้ไงวะ”

นายชีวินหยุดยืนข้างๆ ผม พลางโน้มตัวกระซิบกระซาบ “…” ครั้นยืนตัวตรง “อย่าลืมเลือกข้าด้วยนะท่านโพด คะแนนเสียงหนึ่งคะแนนอาจเปลี่ยนชีวิตข้าได้ เป็นผู้ชนะในที่สุด ใครจะไปรู้” เขาตบบ่าผมสองสามที ก่อนจะเดินไปขึ้นรถตู้สีดำคันหรู

 

ครั้นถึงยามเย็นขณะนำน้ำมะตูมไปถวายหลวงตาบนกุฏิ ท่านก็ถามว่า “ไปเอาเงินจากไหนมาเยอะแยะหึโยมโพด ไม่ได้ไปทำผิดกฎหมายนะ”

“เปล่าขอรับ มีคนพิศวาสให้มา ผมเพียงทำในสิ่งที่เขาอยากให้ทำ” ผมตอบไปตามตรงไม่กล้าโป้ปดท่าน

“อืม…ก็ดีแล้วที่ฝากไว้กับอาตมานี่…แล้วโยมจะเอาเงินไปทำอะไรรึ”

“เผื่อต้องใช้ในอนาคตครับ”

“อืม…คนบ้านี้มันสติดีกว่าชาวบ้านทั่วไปอีก เก็บเงินไว้ใช้ในอนาคตเสียด้วย พวกนั้นมีแต่กู้เงินอนาคตเอามาใช้ แล้วก็ทำงานงกๆ หาเงินไปส่งดอกเขา” ท่านรำพึงรำพันเบาๆ

“อะไรนะครับหลวงตา ผมได้ยินไม่ถนัด”

“ไม่มีอะไรหรอกโยม ก็ดีแล้ว อนาคตไม่มีใครรู้ว่าจะเป็นอย่างไร คิดเผื่อเอาไว้ไม่ประมาท อย่างที่พระพุทธองค์ท่านเคยตรัสเอาไว้” หลวงตาเอ่ยชม

 

“เฮ้ย! ไอ้โพด วันนี้ท่านว่าที่กำนันเบอร์สอง จะมาปราศรัย มึงอย่าลืมไปจัดเก้าอี้อย่างที่เคยทำ กูจะไปเกณฑ์ อสม.มาฟัง ทำให้เรียบร้อยนะเว้ย กลับมาต้องเสร็จ” มัคนายกย้ำผมก่อนจะขึ้นคร่อมจักรยานขี่เข้าไปในหมู่บ้าน

เที่ยวนี้สมองหรือความโลภของมัคนายกไม่อาจรู้ได้ แกพัฒนาขึ้นไปอีกขั้น เข้าไปเกณฑ์ อสม.กับนักเรียน ป.6 กลุ่มเดิม มานั่งฟังผู้สมัคร รับทรัพย์ค่าหัวเพิ่มอีกเท่า

“พ่อแม่พ่อน้องทั้งหลาย ขอขอบคุณที่สละเวลาอันมีค่ามาฟังผม นายสินวัฒน์ โคกเหลี่ยมหนา วันนี้ผมมีสิ่งดีๆ มาบอก ถ้าเลือกผมเป็นกำนัน รับรองว่าทุกคนจะไม่ผิดหวัง” ผู้สมัครเบอร์สองเริ่มต้นด้วยเสื้อยืดสกรีนใบหน้า และเบอร์ผู้สมัครแจกให้ทุกคน

“ใส่ไปในวันเลือกตั้ง ผมจะขอบคุณมาก…” ก่อนเขาจะพูดต่อ ลูกน้องคนหนึ่งโน้มตัวเข้ามากระซิบกระซาบ “ใส่ไม่ได้นะครับเจ้านาย วันเลือกตั้งห้ามหาเสียง ถ้าทำอย่างนั้น มีหวังท่านอาจถูกตัดสิทธิ์และเข้าคุกได้”

“เอ่อ…เอาอย่างนี้นะครับพี่น้องทั้งหลาย ใส่เสื้อได้ถึงก่อนวันเลือกตั้ง เว้นวันเลือกตั้งหนึ่งวัน หลังจากนั้นก็ตามอัธยาศัย…” สินวัฒน์แถไปได้ตามสไตล์นักการเมือง

“เพื่อไม่ให้เสียเวลา นโยบายที่หนึ่ง คูปองแลกสินค้าอุปโภคบริโภคเดือนละสามร้อยบาท จัดไปเลย”

อสม.ส่งเสียงไชโยโห่ร้อง เป็นไปตามที่มัคนายกนัดแนะเอาไว้

นายสินวัฒน์เป็นตัวกลางจัดหานมโรงเรียนให้ทั้งตำบล จะด้วยระบบการจัดส่งไม่ดีหรืออย่างไรไม่ทราบ นมที่ส่งให้เด็กดื่ม ทำพิษ ทำนักเรียนท้องเสียต้องส่งเข้าโรงพยาบาลกันหลายร้อยคน และไม่ใช่แค่ครั้งเดียว มันเกิดหลายครั้งจนเป็นกรณีซ้ำซาก ทว่า…(เซ็นเซอร์)…ก็ยังให้เขาเป็นผู้ประมูลผ่านทุกปี

“นโยบายต่อมา ผมให้ความสำคัญกับการศึกษาของเด็ก จะจัดรถรับส่งประจำหมู่บ้านไปส่งนักเรียนถึงโรงเรียนประจำอำเภอฟรี ตลอดไป”

เด็กนักเรียนโห่ร้องกันระงม บางคนถึงขั้นกรี๊ดเสียงแหลมจนผู้ใหญ่เอามือปิดหู มัคนายกต้องปรี่เข้าไปพูดกับเด็กกลุ่มที่เขานัดแนะเอาไว้ “เอาดังก็พอ ไม่ต้องแหลมขนาดนี้” มัคนายกว่า เด็กๆ ผงกศีรษะรับทราบ

นายสินวัฒน์อีกเช่นกัน เขาเป็นประธานผู้ปกครองโรงเรียนมัธยมประจำตำบล แนะนำให้…(เซ็นเซอร์)…รับเงินใต้โต๊ะ เพื่อให้เด็กที่สอบไม่ผ่านเข้าเรียนในกรณีพิเศษ เงินที่ได้ก็นำมามาแบ่งกัน

นโยบายสุดท้าย ถนนหนทางทุกสายในตำบลจะต้องไม่มีลูกรัง

เฒ่าหวังโห่ร้องจนฟันปลอมหลุดจากปาก “ต่อไปนี้กูก็ไสรถเข็นไปได้ทุกที่แว้ว” ทุกสายตาจับมาที่ชายบนรถเข็น

บริษัทก่อสร้างของนายสินวัฒน์รับเหมาโครงการของ…(เซ็นเซอร์)…มาเนิ่นนาน เรียกได้ว่าแทบจะผูกขาดตลอดชาติ

ผมเปลี่ยนจากแถวหลังด้านซ้ายย้ายมาด้านขวา เพราะอีแด่นดันมานอนตรงที่เดิมที่ผมเคยนั่ง มันยังไม่ให้อภัยผม แม้เวลาจะผ่านมาแรมเดือนแล้ว สักวันผมต้องชนะใจมันให้ได้

นายสินวัฒน์หยุดเดินข้างผม ก้มตัวลงมากระซิบกระซาบข้างหู “…” ก่อนจะยืดตัวขึ้น “คุณโพดครับวันเลือกตั้งกำนันอย่าลืมไปเลือกผมนะครับ คะแนนของคุณสำคัญกับผมมาก แม้จะเป็นแค่คะแนนเดียวแต่มันตัดสินแพ้ชนะได้ รบกวนด้วยนะครับ” สินวัฒน์ค้อมศีรษะเล็กน้อย พลางยกมือแตะไหล่ผมพอเป็นพิธี

 

คูหาเลือกตั้งจัดไว้ในศาลาเอนกประสงค์ประจำหมู่บ้าน เจ้าหน้าที่มาเตรียมการกันตั้งแต่เช้าตรู่ ระหว่างเดินตามหลวงตาและพระรูปอื่นๆ ออกไปบิณฑบาต ผมสังเกตเห็นชาวบ้านมารอใช้สิทธิ์กันตั้งแต่ไก่โห่ พอเปิดหีบปุ๊บก็เลือกทันที จะได้ไปทำงานในไร่นาต่อ

หลังจากทำภารกิจตอนเช้าเสร็จ วันนี้ผมคงไปงีบใต้ต้นก้ามปูไม่ได้แล้ว ต้องรีบไปใช้สิทธิ์ แม้จะบ้าแต่ผมก็มีสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ

“นั่นมึงจะไปไหนวะไอ้โพด…กินเสร็จก็ชิ่งเลยนะมึง มาช่วยกูทำความสะอาดอาสนะสงฆ์หน่อยเว้ย” มัคนายกเรียก

ผมโชว์บัตรประชาชนแล้วชี้ไปทางหน่วยเลือกตั้งประจำหมู่บ้าน แค่นี้แกก็คงพอเข้าใจ

“คนบ้าอะไรกันตั้งใจไปเลือกตั้ง คนดีๆ บางทีก็ไม่ไป” มัคนายกโบกมือให้ผมไปทำหน้าที่พลเมืองให้เรียบร้อย

“แล้วรีบๆ กลับมาช่วยกูนะโว้ยไอ้โพด”

 

คนสมัครลงรับเลือกตั้งกำนันมีสามคน หลังผ่านกระบวนการยืนยันตัวตน ผมก็ได้บัตรเลือกตั้งถือเข้าไปยังคูหาสีเขียวแก่ ปากกาหนึ่งด้ามวางบนอยู่โต๊ะ

ผมประหวัดคิดไปถึงนายจุมลา เขากระซิบข้างหูผมในวันนั้น “คนอื่นพูดนโยบายอะไร มึงอย่าลืมไปบอกกูด้วย แลกกับสามร้อย”

นายชีวินก็มาอีหรอบเดียวกัน “…ข้าจ่ายให้ห้าร้อย” นายสินวัฒน์ “…ผมให้คุณโพดหนึ่งพันบาทไปเลย” จะด้วยเหตุผลกลใดมิทราบ พวกผู้สมัครถึงเลือกผม คนอื่นสติสมประกอบก็ไม่ไปจ้าง เขาคงคิดว่าถ้าจ้างคนดีๆ อาจพูดไม่จริง พูดเอาใจตนเองมากเกินไป คนบ้านี่แหละไม่โกหกใครดี

ปัญหาต่อมาคือ ผมจะเลือกใครดี?

“ถึงจะบ้าแต่เราก็รักษาสัจจะ”…ผมเขียนกรอบสี่เหลี่ยมขึ้นมาบนบัตรเลือกตั้งถัดลงมาจากหมายเลขสาม เขียนหมายเลขสี่ลงไป พลันกากบาททับอีกรอบ ผมไม่ได้ทำผิดกฎหมาย เพียงสร้างรูปรอยบนบัตรเท่านั้น อย่างมากก็แค่เป็นบัตรเสีย…ผมตื่นจากภวังค์ เมื่อกี้เป็นเพียงความคิดจากอาการจิตเวช แท้จริงมีช่องไม่เลือกใครด้านล่างอีกช่อง ผมก็เพียงทำเครื่องหมายลงไปก็จบ

หลังหย่อนบัตรลงหีบ ผมก็ยิ้มหน้าบานรีบวิ่งกลับไปยังวัด ตรงดิ่งไปยังศาลาการเปรียญ รีบไปช่วยมัคนายกทำความสะอาดอาสนะสงฆ์

อีแด่นหมาแม่ลูกอ่อนยืนจังก้าอยู่ตีนบันได มันจ้องเขม็งมาทางผม ตาของมันขึ้นแววเขียวปัด ผมหยุดเดินไม่ขยับเขยื้อน ดูท่ามันจะเอาจริง ถ้ามันกระโจนมาผมจะได้หลบทัน

ไม่ถึงเสี้ยวนาที อีแด่นเปลี่ยนเป็นกระดิกหาง ครางเบาๆ ก่อนจะเข้ามาคลอเคลียที่ขาของผม มันคงยกโทษให้ผมแล้วแหละ จะไม่ยกโทษให้ได้ยังไง ก็สี่ห้าวันมานี้ผมซื้อลูกชิ้นจากรถพุ่มพวงเลี้ยงมันกับลูกทั้งหกตัว อิ่มหนำสำราญกันล้วนหน้า

“พวกมึงนี่เหมือน…(เซ็นเซอร์)…ไม่มีผิด ต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยนถึงจะดีกันได้ ไอ้ชาติหมาเอ๊ย” ผมด่าอีแด่นเบาๆ อย่างเหลืออด •