ฮุน เซน กับ “กองพลน้อยที่ 70” กองพลน้อยฯ ที่ใหญ่มาก-คับอาเซียน

อภิญญา ตะวันออก

ขณะ “อัญเจียฯ” ประจำสัปดาห์นี้ตีพิมพ์เผยแพร่ ที่กัมพูชากำลังมีการเลือกตั้งทั่วประเทศเป็นครั้งที่ 7 (นับแต่ปี 1993) และคาดหมายว่า พรรคของนายฮุน เซน (สมเด็จเตโชเสน-ชื่อตามสื่อท้องถิ่น) มีโอกาสชนะเลือกตั้ง หลังจากพรรคฝ่ายค้าน พรรคแสงเทียน/เพลิงเทียนที่ได้รับความนิยม กลับถูกตัดสิทธิ์มิให้ลงเลือกตั้งจาก คจบ. (คณะกรรมการเลือกตั้ง) และศาลรัฐธรรมนูญ

โดยไม่อาจคาดหมายว่า ความคับแค้นจากผู้รักพรรคนี้จะพากันไปใช้สิทธิ์และฉีกบัตรเลือกตั้งตามคำแนะนำของนายสัม รังสี หรือไม่?

หากเป็นการเลือกตั้งของกัมพูชา ที่ปราศจากพรรคหลักฝ่ายค้านที่ได้รับความนิยมลงแข่งขัน

มีเรื่องเล่าว่า สมเด็จฮุน เซน นั้น ยิ่งใกล้เลือกตั้งใกล้เข้ามา ก็ยิ่งถือกรรไกรออกงานตัดริบบิ้นฉลองสมโภชพิธีเปิดโปรเจ็กต์ต่างๆ ไม่เว้นแต่ละวัน ทั้งสาธารณสุข ธุรกิจ คมนาคม ศาสนา การศึกษา กีฬา ตลอดจนความมั่นคง!

เรียกว่าตั้งแต่พิธีเปิดซีเกมส์ ท่านเตโชยังคิวแน่นทุกวัน

และเชื่อไหมล่าสุดนั้น เขาได้ทำพิธีเปิดอาคาร “กองบัญชาการ” แห่งใหม่ของค่าย “กองพลน้อยที่ 70” ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่า หน่วยกองพลนี้ ตั้งขึ้นมาเพื่อปฏิบัติภารกิจลับของฮุน เซน ในอดีต

ว่าแต่ ทำไมจู่ๆ สมเด็จเสนจึงรื้อฟื้น “หน่วยลับ” กองทัพน้อยที่แสดงแสนยานุภาพนานา ออกมา ณ โอกาสนี้?

ทั้งๆ ที่กำลังจะมีการเลือกตั้ง? หรือเท่ากับประกาศศักดาให้ฝ่ายตรงข้ามได้เห็นถึงความอหังการ์ในการเลือกตั้งครั้งนี้ที่เต็มไปด้วยกลวิธีอันเฉพาะ!

ซึ่งไม่น่าจดจำสำหรับใครก็ตามที่ริอ่านจะแข่งอำนาจกับสมเด็จฮุน เซน เลย

การสมโภชกองบัญชาการแห่งใหม่ “กองพลน้อยที่ 70” ที่เป็นเหมือนหน่วยรบเฉพาะกิจ ขึ้นตรงกับสมเด็จฮุน เซน เป็นเหมือนหน่วยรบพิเศษหรือกองกำลังเฉพาะกิจที่ขึ้นตรงกับสมเด็จฮุน เซน นั้น เท่ากับกำราบฝ่ายต่างๆ ที่ผ่านมานั่นเอง

ปัจจุบัน กองพลน้อยฯ ที่ว่านี้ได้กลายเป็นหน่วยองครักษ์พิเศษที่ให้อารักขาเหล่าผู้นำสูงสุดของประเทศ ซึ่งขึ้นตรงกับผู้นำสูงสุดโดยตรงคนนั้นอยู่ดี

ดังนี้ ฝ่ายต่อต้านต่างๆ ที่พยายามผลักดัน หวังว่าสมเด็จกลาโหมสอ เค็ง-มหาดไทย และสมเด็จพิชัยเสนาเตีย บันห์-กลาโหม จะร่วมมือกันเพื่อโค่นสมเด็จฮุน เซน นั้น

ช่างหวังกันเกินเอื้อม!

แท้จริงนั้น ฮุน เซน ที่คุมกองพลน้อยฯ นี้มาตั้งแต่ทศวรรษที่ 1997 นั้น นี่คือ “ศูนย์อำนาจ” ที่แท้จริงของฮุน เซน โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยกองทัพที่คุมโดยกลาโหมแต่อย่างใด

และด้วยเหตุนั้น ทำไม พลเอกฮุน มาแนต จึงถูกแขวนออกจากกองทัพโดยทันที แม้วันที่พ่อมาเปิดพิธีนั้น นอกจากจะไม่สวมเครื่องแบบ แต่งชุดพลเรือนแล้ว ฮุน มาแนต ยังถูกเรียกคำนำหน้าว่าด๊อกเตอร์แทนยศนายทหาร ซึ่งน่าสังเกตว่า หรือเขาจะยุติบทบาทในกองทัพเพื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ ในการเลือกตั้งที่สุดจะวังเวงมากครั้งนี้

กล่าวคือ ไม่มีแม้แต่การหาเสียง

กองพลน้อยฯ แห่งนี้ เกิดขึ้นตอนที่ฮุน มาแนต อายุได้เพียง 20 ปีเท่านั้น และตลอดอาชีพนายทหาร 20 ปีนั้น ภารกิจหนึ่งของเขาคือการส่งเสริมกองทัพน้อยฯ ของบิดาให้แข็งแกร่งรุดหน้า

ทว่า ในวันที่สมเด็จบิดาทำพิธีเกียรติยศดังกล่าว ฮุน มาแนต กลับซ่อนตัวในเงามืดของบิดาเหมือนตอนที่เขาอายุเพียง 20 ปี และหลบอยู่ในเซฟเฮาส์ในเวียดนามตอนใต้ ขณะเกิดรัฐประหารในพนมเปญ

และนั่นคือวันที่กองพลน้อยฯ ถือกำเนิดขึ้นมา

มันคือแสนยานุภาพพิเศษที่สร้างความแข็งแกร่งมั่นคงต่ออำนาจ ต่อระบอบแห่งนี้ อย่างไร้เทียมทาน โดยหากว่ากองกำลังอารักขาที่ถูกฝึกให้ชำนาญหน่วยนี้จะถูกดัดแปลงในปฏิบัติการพิเศษเพื่อปกป้องระบอบฮุนเซนอย่างถาวร?

โดยเฉพาะในสมัยยุค’90 ใครก็ตามที่เคยได้ยินเรื่องราวกล่าวขานถึงปฏิบัติการ “กำราบขมัง” หรือศัตรูฝ่ายตรงข้ามที่ชวนให้ “ขนหัวลุก” โดยเฉพาะอดีตนายพลฝ่ายฟุนซินเปกที่ไม่มีโอกาสกลับมาคืนชีพหลังถูกสังหารหมู่ในเหตุการณ์รัฐประหาร/1997

ที่ยังเหลือรอด แต่ก็เหมือนปราศจากชีวิตคือ อดีตพลเอกยึก บุนชัย คนนั้น

ดังนี้ การที่ฮุน เซน ยกระดับกองพลแห่งนี้ ตลอด 25 ปีที่ผ่านมาให้เป็นเสมือนกองบัญชาการเฉพาะกิจพิเศษของตนนั้น

จึงเท่ากับว่า “กองพลน้อยที่ 70” นี่เองที่เป็นเหมือนยุทธศาสตร์แห่งชัยชนะที่ฮุน เซน ยึดโยงมาตลอด

ไม่แต่เท่านั้น ฮุน เซน ยังขยายให้เป็นเหมือนอนุสรณ์สถานแห่งความยิ่งใหญ่ในภาคของกองทัพ ที่มีตนเป็นผู้นำสูงสุด

และยากที่จะเชื่อว่าจะมีผู้นำกองทัพคนใดสามารถแทรกตัวเข้ามาปลดแอกตนได้ ยิ่งในเมื่อว่าที่ผู้นำคนต่อไปคือลูกชายตนเอง!

สาบานว่า ผู้นำกัมพูชาคนนี้ไม่ได้เพ้อไปตอนที่เขาให้สัมภาษณ์ว่า จะปกครองกัมพูชาต่อไปถึง 100 ปี!

ว่าแล้ว ทำไม ฮุน เซน จึงให้ความสำคัญ “กองพลน้อยที่ 70” ในช่วงนี้ นี่เป็นนัยยะที่ลึกซึ้งต่อทุกฝ่ายในการกำหนด “ไทม์ไลน์” ขึ้นมาอย่างน่าสนใจ?

กล่าวคือ นอกจากเพื่อการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงแล้ว ผู้นำเขมรยังยึดโยงกับภารกิจความมั่นคงในภูมิภาคที่ไม่ใช่แค่ตนเองหรืออาเซียน แต่เป็นจีนแผ่นดินใหญ่!

คำประกาศ “ปฏิเสธ” เข้าร่วม “ซ้อมรบ” ในนามสมาชิกอาเซียนที่มีอินโดนีเซียเป็นตัวตั้งตัวตีนั้น เท่ากับแสดงให้เห็นถึงท่าทีของกัมพูชาที่มีต่อจีนและพร้อมจะ “ขวาง” ทุกฝ่ายหากว่าเรื่องดังกล่าวจะเป็นปมเดียวกันคือ “ทะเลจีนใต้” และมักใช้เวทีอาเซียนที่ตนเป็นประธาน ต้านแนวคิดเรื่องนี้อย่างแข็งกร้าว

ซึ่งแน่นอน บัดนี้ประเทศกำลังกลืนไม่เข้าคายไม่ออกว่าใครเพื่อนหาใช่ใครอื่น แต่เป็นเวียดนาม-ที่เคยแบ๊กอัพสนับสนุนฮุน เซน ตลอดมา

โดยเฉพาะการซ้อมรบใน “Golden Dragon” อย่างสดๆ ร้อนๆ ระหว่างกองทัพสาธารณรัฐประชาชนจีน-กัมพูชาที่ยาวนานถึง 2 สัปดาห์ ซึ่งพิกัดที่ว่านั้นจนรู้สึกได้ถึงภัยคุกคามที่เฉียดใกล้เวียดนามเพียงใด

และจะว่าไป ก็เวียดนามมิใช่หรือ? ที่สนับสนุนฮุน เซน ด้านความมั่นคง โดยเฉพาะหน่วยฝึก “กองทัพน้อยฯ” ที่เสริมอำนาจฮุน เซน เติบกล้ามาถึงทุกวันนี้

ไม่ว่าจะเป็นภารกิจ “กุดหัว” ปราบปรามฝ่ายตรงข้ามอย่างโหดร้าย ผู้คนถูกปราบปรามและล้มตายในต่างกรรมต่างวาระ กองพลน้อยฯ กัมพูชาซึ่งมีที่มาจากรัฐประหาร/1997 และตามมาด้วยการกวาดล้างทุกฝ่าย อาทิ การกวาดล้างทั้งชาวเขมร-เวียดนามที่เป็นเสี้ยนหนามต่อพรรคคอมมิวนิสต์

อาทิ ในปี 1999 ที่การกวาดล้างเกิดขึ้นชานกรุงพนมเปญ

25 ปีผ่านไป ผลพวงเหล่านั้น กลับกลายเป็น “หอก หลาว ง้าว ทวน” ที่พุ่งกลับไปต้นทางผู้ให้กำเนิดซึ่งคือฮานอยในวันนี้ โดยเฉพาะต่อประเด็นซ้อมรบร่วมของอาเซียนที่กองทัพกัมพูชาปฏิเสธ และเผยให้เห็นถึงท่าทีของกัมพูชาต่อความเป็นภาคีกับกองทัพพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่ส่อแนวโน้มจะสร้างปัญหาต่อภูมิภาคในอนาคต!

โดยเฉพาะการที่กัมพูชาเปิดทางให้ผู้เชี่ยวชาญจีนเข้ามาสร้างที่ทำการฐานทัพเรือเรียมเพื่อยกระดับทัพเรือของตนให้ก้าวหน้า โดยเฉพาะการเน้นไปที่เทคโนโลยีสมัยใหม่ หรือ “ปัจจัยกเทศน์” ตรงหน้าบ้าน ห่างแผ่นดินเวียดนามไม่ถึง 20 ไมล์ทะเล!

สำหรับเจ้าของต้นทาง “กองพลน้อยฯ” อย่างฮานอย พวกเขาคงคิดถึงวลีเหล่านี้ อาทิ ชาวนา-งูเห่า, ขว้างงูไม่พ้นคอ, ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว และอื่นๆ อีกมาก สำหรับกัมพูชาที่ “กินเฝอ” หรือ “ก๋วยเตี๋ยวญวน” ตลอดมา

แถมลือกตั้งที่ผ่านมา ไม่ว่าจะกี่ครั้ง ฮานอยนั่นเองที่อยู่เบื้องหลังต่างกรรมต่างวาระในความสำเร็จของฮุน เซน ใครเลยจะนึกฝันว่าการเลือกตั้งรอบนี้ คือวันที่สหายรักคนเดิม เพิ่มเติมคือ เป็นปฏิปักษ์ไปเข้ากับฝ่ายศัตรู?

คณะฮานอยได้แต่คราง และรู้สึก “ฌือกบาล!” ไม่อยากเห็นฮุน เซน ได้ไปต่อ!