อภินิหารบ้านนรสิงห์ สายใยจันทร์ส่องหล้า-ป่ารอยต่อฯ วัดพลัง‘บิ๊กตู่’ซ้อนแผน’บิ๊กป้อม’

อภินิหาร บ้านนรสิงห์ สายใย บ้านจันทร์ส่องหล้า-ป่ารอยต่อฯ วัดพลัง ‘บิ๊กตู่’ ซ้อนแผน ‘บิ๊กป้อม’ กองทัพขยับ กรกฎาฯ ฮาวาย

 

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังคงนั่งเป็นประมุขบนชั้น 2 ของบ้านนรสิงห์ต่อไป ตราบใดที่การจัดตั้งรัฐบาลยังไม่เสร็จสิ้นตามรัฐธรรมนูญ โดยยังคงเป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการ ควบ รมว.กลาโหมอยู่ต่อไป

บ้านนรสิงห์ ที่นั่งมาเข้าปีที่ 9 ถือเป็นเลขสวยสำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ยังคงไม่เก็บของ ท่ามกลางกระแสข่าวกำลังรอจังหวะเวลาที่จะยึดครองทำเนียบรัฐบาลต่อไป ด้วยแผนอันแยบยล?!?

ในฐานะที่เป็นนายกฯ สายมู ที่มีความเชื่อเรื่องเครื่องรางของขลัง หลังแพ้ศึกเลือกตั้ง แต่ยังไม่พ่ายการสงครามชิงอำนาจครั้งนี้

มีเกจิอาจารย์บางสำนักทำนายทายทักว่า พล.อ.ประยุทธ์มีเครื่องรางของขลัง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ครอบครองอยู่มากเกินไป ที่อาจทำให้การแผ่พลังได้ไม่เต็มที่

จึงมีรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้นำพระพุทธรูป พระบรมรูป และรูปปั้นของหลวงพ่อต่างๆ บางส่วน มาแจกจ่ายให้ลูกน้องนำไปเคารพบูชาต่อ

จนบางกระแสข่าวเข้าใจว่า เป็นการเตรียมเก็บของ

หรือแม้แต่การที่ พล.อ.ประยุทธ์เดินตรวจตึกไทยคู่ฟ้าก่อนกลับบ้าน จะบอกกับเจ้าหน้าที่ว่า “ให้ดูแลรักษาให้ดีไม่ว่าใครจะมาเป็นนายกฯ” ก็ตาม นั้นเสมือนจะทำให้เข้าใจว่าเป็นการสั่งอำลา

แต่ทว่า ปรากฏความเคลื่อนไหวต่างๆ ที่สะท้อนว่า พล.อ.ประยุทธ์ยังคงสู้ และพยายามที่จะอยู่บนตึกไทยคู่ฟ้า บ้านนรสิงห์แห่งนี้ นั่งเก้าอี้นายกฯ ต่อไป

รูปปั้นนรสิงห์ ยังคงตั้งอยู่ที่ระเบียงชั้น 2 ของตึกไทยคู่ฟ้าตามเดิม หลังจากตั้งมาตั้งแต่ต้นปี 2565 ตามคำชี้แนะของสมเด็จธงชัย วัดไตรมิตรฯ ที่ปรึกษาด้านโหราศาสตร์ เพื่อเสริมพลังให้ พล.อ.ประยุทธ์ ให้นั่งครองบ้านนรสิงห์นี้ต่อไป

หลังจากที่สมเด็จธงชัยมองว่า พล.อ.ประยุทธ์ถูกโฉลกกับนรสิงห์ มากกว่าพระพรหมที่อยู่บนยอดตึกไทยคู่ฟ้า จึงให้บูชาองค์นรสิงห์แทน

อีกทั้งด้วยดวงชะตาที่ไปทำพิธีชุบดวง เสริมดวงมาใหม่ รวมทั้งเส้นลายมือข้างขวาที่เปลี่ยนไป ผลพวงจากการทำหัตถการ ผ่าตัด ตอนที่มืออักเสบ ต้องเข้านอนโรงพยาบาลพอดีนั้น ตามความเชื่อ ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นคนใหม่ ดวงใหม่ หลังจากที่ 8 ปีที่ผ่านมา ถือว่าดวงชะตาขึ้นสูงสุดไปแล้ว ทั้งเป็น ผบ.ทบ. 4 ปี และเป็นนายกฯ อีก 9 ปี

ประกอบกับการเดินเกมการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ และผู้ช่วยพระเอกหลายคน ที่ในจำนวนนี้ บิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทบ. น้องรัก เป็นคนที่ถูกพาดพิงมากที่สุด จนมีรายงานว่า พล.อ.อภิรัชต์ปฏิเสธทุกกระแสข่าวลือก็ตาม แต่ก็ยังถูกโยงใย เพราะยังคงมีบารมีทั้งในกองทัพ แวดวงข้าราชการ และรวมถึงการเมือง

แม้แต่การเดินทางกลับไทยของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ที่ถูกจับตามองว่า เป็นเงื่อนไขสำคัญของการจัดตั้งรัฐบาลแบบผสมข้ามขั้ว ระหว่างพรรคเพื่อไทย กับพรรคขั้วอนุรักษนิยม

เพียงแต่รอเวลาให้พรรคก้าวไกล และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกฯ ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ และอาจต้องเผชิญชะตากรรมที่ทำให้ไม่อาจเป็นนายกฯ ได้เสียก่อน

ในเวลานี้ พล.อ.ประยุทธ์จึงพยายามนิ่ง และรอเวลา พร้อมเมื่อเวลานั้นมาถึง

เป็นที่น่าสังเกตว่า ท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่มีต่อนายทักษิณเปลี่ยนไป จากที่เคยออกอาการหงุดหงิดเมื่อนักข่าวถาม และระบุว่า “ไม่ต้องมาถามถึงชื่อนี้ ผมไม่ชอบ” ก็กลายมาเป็นยืนตอบคำถามได้

โดยระบุในตอนหนึ่งว่า ถ้าขัดแย้งกันแบบนี้ประเทศชาติก็เดินไม่ได้ ทำอะไรก็ต้องคิดไปไกลๆ อย่าคิดใกล้ ถ้าคิดใกล้ก็อยู่ตรงนี้ ก็ติดหล่มอยู่อย่างนี้ ต้องมองว่าเราจะอยู่กันอย่างไรในระยะยาว ผมไม่ได้ขัดแย้งกับใคร และยินดีด้วยซ้ำไป ถ้ามีรัฐบาลใหม่ได้ ตามกรอบเวลาที่กำหนดก็ดีเพราะต่างประเทศเขามองเราอยู่

ส่วนจะถึงเวลารวมขั้วระบอบทักษิณ ชินวัตร กับขั้วอำมาตย์ อนุรักษนิยม เพื่อยุติความขัดแย้งแล้วหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ระบุว่า ไม่มีขั้วอะไรทั้งนั้น ไปสร้างกันเอง

ที่น่าสังเกตคือ พล.อ.ประยุทธ์พยายามปัดป้องว่า ไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับการกลับไทยของนายทักษิณ ทั้งๆ ที่เป็นนายกฯ และเป็นรัฐบาลรักษาการ ที่ต้องรอดำเนินคดีทางกฎหมาย ตำรวจต้องไปรอรับตัว

โดยระบุว่า ถ้ากลับมาก็ดำเนินคดี ก็จบ ผมไม่ได้ไปเกี่ยวข้องอะไรทั้งสิ้น ผมไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร ให้กฎหมายเขาไปแก้กันตามกฎหมาย คือ ไม่ใช่นายกฯ ทำได้ทุกอย่างนะ จะบอกให้นะ ต้องทำทุกอย่างด้วยความระมัดระวัง เป็นอำนาจของใครก็ของใคร ก็ว่ากันไป

คำพูดและท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ไม่มีนัยยะของการต่อต้าน สะท้อนว่า นายทักษิณจะกลับไทยแน่นอน แต่จะเป็นช่วงใด หลังจากที่คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อยากให้กลับ เมื่อมีการจัดตั้งรัฐบาลเรียบร้อยก่อน เพราะกลัวโดนหลอก

อันเป็นการชี้วัดได้ว่า มีการเจรจาต่อรองเรื่องการกลับไทยของนายทักษิณ กับผู้มีอำนาจ จึงทำให้คุณหญิงพจมานเกรงว่าจะถูกหลอก

ด้วยเพราะเวลานี้ มีข่าวลือสะพัดว่า มีการวางแผนถึงขนาดวางเส้นทางการบิน การเลือกสนามบิน ของนายทักษิณแล้ว และต้องประสานฝ่ายผู้มีอำนาจในการรอรับ และหลักประกันความปลอดภัย

ในขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์และฝ่ายสนับสนุน เดินเกมในความนิ่ง ฟากพี่ใหญ่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก็เดินเกมเข้มข้น

หลังจากมีสัญญาณจากบ้านจันทร์ส่องหล้าแล้วว่า จะไม่ให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวคนเล็ก เป็นนายกฯ ในช่วงนี้ ให้เลี้ยงลูก และทำงานพรรคเก็บเกี่ยวประสบการณ์ทางการเมืองไปก่อน รอเลือกตั้งสมัยหน้า และจะเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ ของพรรคเพื่อไทยแทน หากพรรคก้าวไกลไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้

ดังนั้น จึงมีชื่อของ พล.อ.ประวิตรเป็นนายกรัฐมนตรี ในสูตรจับขั้วรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย กับ พปชร. พรรคภูมิใจไทย และฝั่งอนุรักษนิยม ที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์

อีกทั้ง พล.อ.ประวิตรก็ไม่ได้ปฏิเสธกระแสข่าวนี้ เพียงแค่บอกว่า ต้องให้พรรคก้าวไกลที่ชนะที่ 1 จัดตั้งรัฐบาลก่อน

ในเวลานี้ สถานการณ์พลังส้ม และกระแสรุกแก้ ม.112 ที่ทำให้ฝ่ายอนุรักษนิยม ขั้วอำมาตย์ จำเป็นที่จะต้องจับมือกับพรรคเพื่อไทย และนายทักษิณ เพื่อต่อสู้กับพลังของพรรคก้าวไกล และต้องยอมให้นายทักษิณกลับไทย และอาจต้องอำนวยความสะดวกในเรื่องกระบวนการยุติธรรมให้ด้วยซ้ำ

จนถึงขั้นที่ พล.อ.ประยุทธ์ออกตัวว่า “ไม่ใช่นายกฯ ทำได้ทุกอย่างนะ จะบอกให้นะ ต้องทำทุกอย่างด้วยความระมัดระวัง เป็นอำนาจของใครก็ของใคร ก็ว่ากันไป” นั่นเอง

ระหว่างนายทักษิณ กับ พล.อ.ประวิตร กับบิ๊กดีล เป็นเรื่องที่วงการการเมืองพูดกันมานานแรมปี และลือกันถึงเวลานี้

ว่าในที่สุด พรรคเพื่อไทยอาจจะเกิดปัญหาภายใน และเสียงแตกในการโหวตนายกฯ ในสภา และอาจมี ส.ส.บางส่วน รวมทั้งงูเห่า โหวตให้ พล.อ.ประวิตร มากกว่านายเศรษฐา ก็เป็นได้

เหล่านี้เป็นฉากทัศน์การประเมินสถานการณ์ของฝ่าย พล.อ.ประวิตร จนทำให้คนรอบข้าง และบ้านป่ารอยต่อฯ ต่างมีความหวัง และเชื่อว่า ในที่สุด พล.อ.ประวิตรอาจจะเป็นนายกฯ ในสูตรรัฐบาลข้ามขั้ว ตามบิ๊กดีลที่มีเงื่อนไขไฟเขียวให้นายทักษิณกลับไทย

แต่ก็มีกระแสข่าวสะพัดว่า ใครจะเป็นหลักประกันให้นายทักษิณได้มากกว่า ระหว่าง พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.ประยุทธ์ ที่มีผู้ช่วยพระเอก ทั้งที่เป็นคีย์แมน และที่เป็นองค์กร และอำนาจอยู่ในมือใครมากกว่า ไม่นับรวม 250 ส.ว. ที่สัดส่วนของ พล.อ.ประยุทธ์มีมากกว่า แถมทั้งมีรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ก็มี ส.ส.งูเห่าไว้ในมือแล้ว

จึงอาจมีปฏิบัติการแผนซ้อนแผน ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร เกิดขึ้นกลางสภา ในวันโหวตเลือกนายกฯ ที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

จนมีคำพูดในแวดวงผู้สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ว่าในที่สุดจะเกิด “อภินิหารลุงตู่” ขึ้น โดยเมื่อนั้น จะเป็นที่รู้กันดีว่า พลังภายใน พลังพิเศษมาจากไหน

หากเป็นเช่นนั้น พล.อ.ประวิตร พี่ใหญ่ก็จะถูกสะกิดให้ต้องมาช่วยน้องเป็นนายกฯ อีกสมัย เพื่อเตรียมการต่อสู้กับพรรคก้าวไกลในการเลือกตั้งสมัยหน้า

 

ที่ต้องจับตามองคือ พล.อ.ประวิตรมีแผนเดินทางไปอังกฤษและยุโรป ในกลางเดือนมิถุนายนนี้ แม้จะไปพักผ่อน ดูแลสุขภาพ เพราะไม่ได้ไปนาน ตั้งแต่โควิด แต่การเดินทางนี้ย่อมต้องถูกจับตามองว่า จะได้พบกับนายทักษิณหรือไม่ และในเวลานั้น นายทักษิณอยู่ประเทศใด

เพราะสิ่งสำคัญที่นายทักษิณต้องเคลียร์คือ ลูกๆ ที่ไม่เอา “ลุงๆ” ยังไม่ยอมให้ พล.อ.ประวิตร หรือ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ แต่ยืนยันสนับสนุนนายเศรษฐา

แต่ถึงเวลา ในฐานะพ่อ และผู้ก่อตั้งพรรคเพื่อไทย ก็คงต้องตัดสินใจ เพราะสำหรับคุณหญิงพจมานแล้ว ไม่มีปัญหาสำหรับ พล.อ.ประวิตร เพราะความสัมพันธ์อันดีและยาวนาน เพราะคุณหญิงพจมานก็มีส่วนสำคัญในการสนับสนุน พล.อ.ประวิตรเป็น ผบ.ทบ. ถึงขั้นต้องย้ายบิ๊กตุ้ย พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ญาติผู้พี่ ที่เป็น ผบ.ทบ.มา 1 ปี ข้ามไปเป็น ผบ.ทหารสูงสุด เปิดทางให้ พล.อ.ประวิตรเป็น ผบ.ทบ.

อีกทั้งหลังการรัฐประหาร ทั้ง 2549 และ 2557 พล.อ.ประวิตรก็ช่วยดูแลครอบครัวชินวัตรมาตลอด

ดังนั้น จึงจับตามองได้ว่า พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.ประยุทธ์ อาจมีแผนคนละแผน เดินกันคนละเกม เพื่อครองอำนาจ ที่อาจต้องมีการ “หักเหลี่ยม” กันเองหรือไม่

 

พล.อ.ณรงค์พันธ์ บิ๊กจ๊อด พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผบ.ทร. บื๊กตุ๊ด พล.อ.อ.อลงกรณ์ วัณณรถ ผบ.ทอ. บิ๊กเด่น พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.

ขณะที่ในส่วนกองทัพ ยังคงอยู่ภายใต้การกุมบังเหียนของ พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯ และ รมว.กลาโหม รักษาการ ที่ยังเป็นประธานบอร์ด 7 เสือกลาโหม ในการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารชั้นนายพลที่กำลังงวดเข้ามา

โดยนัดแนะให้ส่งบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารของแต่ละเหล่าทัพให้กลาโหมภายใน 15 สิงหาคมนี้ และคาดว่าจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ และเสร็จสิ้นภายในเดือนสิงหาคมเดียวกัน

ที่น่าจับตามองคือ บิ๊กบี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. ที่เดิมมีกำหนดการจะไปเยือนรัสเซียในต้นเดือนกรกฎาคมนี้ แต่ก็ต้องมอบหมายให้บิ๊กหยอย พล.อ.อุกฤษฏ์ บุญตานนท์ เสธ.ทบ. ไปแทน

หลังจากเดินสายเยือนมหาอำนาจ สหรัฐอเมริกา 2 สัปดาห์ เมื่อปลายเดือนพฤษภาคม ต่อด้วยเยือนจีนอีก 10 วัน กลางมิถุนายน และมีกำหนดจะไปเยือนรัสเซีย กรกฎาคมนี้ แต่ก็ไม่ได้ไป

ท่ามกลางกระแสข่าวว่า ให้ ผบ.เหล่าทัพ สแตนด์บาย รอดูสถานการณ์ เพราะกรกฎาคมเป็นช่วงที่จะมีการเปิดสภา เลือกประธานสภา และต่อด้วยเลือกนายกรัฐมนตรี

อีกทั้ง ผบ.เหล่าทัพชุดนี้ เป็นเพื่อนเตรียมทหาร 22 ด้วยกันหมด ทั้ง พล.อ.ณรงค์พันธ์ บิ๊กจ๊อด พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผบ.ทร. บื๊กตุ๊ด พล.อ.อ.อลงกรณ์ วัณณรถ ผบ.ทอ. กับบิ๊กเด่น พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ที่เป็นกำลังหลักในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย จึงประสานให้กองทัพช่วย

พล.ร.อ.เชิงชายให้สัมภาษณ์ไว้ว่า ฝ่ายความมั่นคงมีการเตรียมการ วางแผนดูแลความเรียบร้อย อพยพประชาชน กรณีมีความวุ่นวาย ซึ่งในส่วนของกองทัพเรือก็รับผิดชอบทางน้ำ และสถานที่ที่กองทัพเรือดูแล เพราะที่ผ่านมา ทร.เคยส่งเรือมารับ ส.ว.ออกจากรัฐสภา ทางแม่น้ำเจ้าพระยา เมื่อครั้งโดนม็อบล้อมสภา อีกทั้ง ผบ.เหล่าทัพก็ล้วนเป็น ส.ว.โดยตำแหน่งด้วยเช่นกัน

อีกทั้งกรกฎาคมเป็นเดือนที่อดีตนายกฯ ทักษิณจะกลับไทย ด้วยที่ฝ่ายความมั่นคงอาจต้องเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ต่างๆ ด้วย

แม้ตำรวจจะเป็นกำลังหลักในการดูแลสถานการณ์ความเรียบร้อยภายในก็ตาม แต่เพราะความที่ ผบ.ตร. และ ผบ.เหล่าทัพ เป็นเพื่อนกัน ก็อาจทำให้กองทัพต้องเตรียมเป็นกำลังเสริมด้วย

 

ถือเป็นภารกิจส่งท้ายของ ผบ.เหล่าทัพชุดนี้ ที่กำลังนับถอยหลังจะเกษียณ 30 กันยายนนี้ โดยไม่อาจรู้ได้ว่า 3 เดือนสุดท้ายก่อนเกษียณ จะต้องพบเจอกับวิกฤตการเมืองในระดับใด และจะต้องถึงขั้นที่ทหารทั้ง 3 เหล่าทัพต้องนำกำลังออกมาบนท้องถนน และอาจถึงขั้นต้องรัฐประหารอีกหรือไม่

แม้ว่า พล.อ.ณรงค์พันธ์จะเคยยืนยันว่ามีโอกาสเป็นศูนย์ถึงติดลบ และให้ลบคำว่า รัฐประหาร ออกไปพจนานุกรมทหาร แล้วก็ตาม แต่ ผบ.เหล่าทัพคนอื่นยังไม่มีใครเคยประกาศ

หรือหากสถานการณ์ผ่านไปได้จนถึง 30 กันยายน แต่การจัดตั้งรัฐบาล เลือกนายกฯ ยังไม่จบสิ้น เมื่อนั้น ก็ต้องเจอกับ ผบ.เหล่าทัพชุดใหม่

ที่จะได้เห็นแนวคิด สไตล์การทำงานของ ผบ.เหล่าทัพชุดใหม่ ว่าทิศทางจะเป็นอย่างไร โดยคาดกันว่า บิ๊กอ๊อบ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี เป็นตัวเต็ง ผบ.ทหารสูงสุดคอแดงคนใหม่ บิ๊กต่อ พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ตัวเต็ง ผบ.ทบ.คอแดงคนใหม่ บิ๊กวิน พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข ที่เป็นตัวเต็ง ผบ.ทร. บิ๊กณะ พล.อ.อ.ณรงค์ อินทชาติ ตัวเต็ง ผบ.ทร.คนใหม่ และบิ๊กต่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ตัวเต็ง ผบ.ตร.คนใหม่ ที่ดูแล้วต่างก็เข้มข้นไม่เบา

พร้อมรับทุกสถานการณ์เลยทีเดียว