‘เวลา’ | ปริญญากร วรวรรณ

ม.ล.ปริญญากร วรวรรณ

เวลาในป่า ทำหน้าที่แบ่งแยกระหว่างเด็กกับผู้ชาย ออกจากกัน

ผมรู้สึกเช่นนี้ ขณะแนบสายตากับช่องมองภาพที่มีเสือโคร่งตัวหนึ่งนั่งในลำห้วยตื้นๆ หันหลังให้ อยู่เต็มเฟรม

หลังกดชัตเตอร์ไปสองครั้ง ผมปรับความไวชัตเตอร์ลงเปิดรูรับแสงกว้างขึ้น แน่นอนสปีดช้าๆ กับงานบันทึกภาพสัตว์ป่า ภาพที่ได้ย่อมพร่าไหว ขาดความคมชัด

แต่นี่เป็นความตั้งใจ ภาพพร่าเลือน จะแสดงให้เห็นถึงความเป็นชีวิต

ชีวิตอีกด้านหนึ่งของเหล่าสัตว์ป่า ชีวิตที่พวกมันเป็น

 

เสือรู้สึกตัวเมื่อผมกดชัตเตอร์ไปได้อีกสี่ครั้ง มันลุกขึ้นยืน ช่วงล่างลำตัวเปียกโชกน้ำหยดเป็นทาง

ท่าทางที่จ้องมาทางผมเขม็ง ทำให้รู้ว่า มันไม่วางใจแล้ว แม้ว่าชัตเตอร์จะเงียบ ไร้เสียง แต่เสือก็สัมผัสได้

ผมหมอบนิ่ง เสือระแวงก็จริง แต่ไม่ได้แสดงอาการก้าวร้าว หรือมีทีท่าว่าจะเข้าโจมตี

ผมผ่อนลมหายใจ ดูว่าเสือจะทำอย่างไร และอดขำกับสิ่งที่มันทำไม่ได้

มันเดินเข้าใกล้ตลิ่งห้วย เอาหัวซุกเข้าไปในกอพงในลักษณะให้กอพงหนาบังไว้ โดยลืมว่า ส่วนลำตัวอีกกว่าครึ่งยังมองเห็นได้ชัด

เป็นอาการอันเรียกได้ว่า น่าเอ็นดู ราวกับลูกแมวซนๆ ไม่ใช่นักล่าผู้อยู่บนสุด ใครๆ ต่างหวั่นเกรง

ผมขยับตัวลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิ ดูว่ามันจะทำอะไรต่อ เสือยืนอย่างนั้นเกือบ 10 นาที ผมค่อยๆ ขยับไปข้างหน้าอีกราวสามเมตร

และนั่นคือ เลยระยะที่เสืออนุญาต มันถอยหลังเอาส่วนหัวออกจากกอพง

สายตาเราสบกัน มีสองวิธีที่เสือจะกระทำ ผมคิดในใจ

หนึ่ง เข้าโจมตี ที่ผมเข้าใกล้เกินระยะที่มันกำหนด

สอง ผละไป

เสือเลือกทำประการหลัง

มันเดินช้าๆ ไปตามป่าพง ที่กลายเป็นด่านโล่งเพราะรอยช้างย่ำไว้

การพบกันครั้งนี้ มีกลิ่นอายของมิตรภาพ

 

คืนแรม 14 ค่ำ ท้องฟ้ามืด สายลมพัดแรง เปลวไฟไหววูบวาบ ลูกไฟแตกกระจาย ผมนั่งมองกองไฟ ความรู้สึกปีติยังไม่จางหาย ได้รับโอกาสให้อยู่ใกล้นักล่าผู้อยู่บนสุดเป็นเวลานานอย่างช่วงบ่ายวันนี้ มันคือเรื่องอิ่มเอมใจ

น้ำค้างหยดลงกระทบฟลายชีตดังเปาะแปะจากบนเปล เสียงกวางร้องจากไม่ไกลลำห้วย พวกมันคงสัมผัสถึงกลิ่นอันตราย เสือคงกำลังเริ่มงาน

งานของเสือไม่ง่าย ต้องใช้เวลา อดทน ลงมือพลาด ต้องเริ่มต้นใหม่

เสียงกวางดังขึ้นมาอีก แววตาใสกลมโตของกวางคงฉายแววตื่นตระหนก ขณะเสือคงนิ่งซุ่มเงียบ

การล่าของเสือไม่ง่าย บางทีเสืออาจอยากลดความเปลี่ยวเหงาในการอยู่ลำพังด้วยการเข้ามาใกล้ชิดสัตว์อื่นๆ บ้าง แต่ชีวิตใดล่ะจะยอมให้มันเข้าใกล้

ก่อนหลับ ผมได้ยินเสียงกวางร้องอีกครั้ง

เสือโคร่ง – แม้จะได้รับชื่อเสียงว่าเป็นสัตว์ร้ายอันตราย แต่หลายครั้งที่เสืออนุญาตให้คนอยู่ใกล้ๆ

บนด่าน รอยตีนเสือโคร่งที่เดินนำหน้าผมไป เป็นร่องรอยที่ใหม่ มันเดินล่วงหน้าไปไม่นาน

เมื่อด่านสิ้นสุดลงที่ลำห้วย ผมมองไปทางด้านซ้ายมือ ห่างไปราว 50 เมตร เสือโคร่งตัวหนึ่งนอนท้องแช่น้ำอยู่อย่างสบายอารมณ์

ผมอยู่ใต้ลม จึงหวังว่า ระหว่างเราที่ไม่มีอะไรกั้นขวาง จะทำให้เสือไม่ระแวงนัก

ผมค่อย ๆ คลานเข้าใกล้ คลานๆ หยุดๆ

เสือรู้ตัว เริ่มจากมองซ้ายขวา เปลี่ยนมาเขม้นมองมาทางผมอย่างเดียว ผมหยุดการเคลื่อนไหวหมอบนิ่งอยู่ร่วม 10 นาที

ระหว่างเราไม่มีอะไรขวางกั้น สิ่งที่อยู่ตรงกลาง มีเพียงความเชื่อมั่นเท่านั้น เชื่อมั่นว่าผมกำลังคลานเข้าไปหาสุดยอดนักล่า ไม่ใช่กำลังเข้าไปหาสัตว์ร้าย

 

ผมอยู่ในป่ามาหลายวันแล้ว ป่าอยู่ในช่วงเวลาแห่งความแห้งแล้ง ใบไม้ร่วงหล่นบนพื้นหนาทึบ นี่เป็นวิธีหนึ่งที่ต้นไม้ใช้ปกคลุมพื้นดินไว้ไม่ให้ความชื้นถูกแดดเผาไปจนหมด แต่ใบไม้แห้งเหล่านี้ย่อมเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีด้วย แม้ว่าใบไม้ที่ร่วงหล่นบนพื้นและถูกทับถมเป็นชั้นๆ จะมีการย่อยสลายไปส่วนหนึ่ง แต่ส่วนที่เหลือคือเชื้อเพลิง

หากว่าไฟป่ามาถึง ต้นเต็ง ต้นรัง ที่เป็นไม้ส่วนใหญ่ มีเปลือกหนาพอที่จะรับมือกับเพลิงที่ไหม้ผ่านไปได้

หลังไฟผ่านพ้นดูเหมือนทุกสิ่งจะถูกเผาผลาญต้นไม้เหลือแค่กิ่งก้าน และตอดำๆ

แต่ช่วงเวลาไม่เกินสองสัปดาห์ สีเขียวตามกิ่งก้านจะเริ่มปรากฏ บนพื้นที่มีแต่เถ้าดำ จะมีพืชบางประเภทปรงงอกขึ้นมาก่อน หลังจากนั้นความเขียวขจีของหญ้าแรกเกิด ที่เรียกว่าระบัด จะขึ้นปกคลุมเถ้าดำจนทั่ว

ระบัด คืออาหารที่เหล่าสัตว์ป่ารอคอย

ไฟป่า คือเพลิงร้อนแรงเผาผลาญทุกสิ่ง

อีกด้านหนึ่ง ความร้อนแรงนี่เองทำให้เกิดอาหาร

 

รุ่งเช้า ท้องฟ้าขมุกขมัวด้วยควันไฟ ไฟป่าหยุดไปกว่าหนึ่งสัปดาห์แล้ว ไม้ล้มท่อนใหญ่ ยังมีควันคุกรุ่น สายน้ำไหลเอื่อยๆ

ในตอนเช้าก่อนออกจากแคมป์ ผมโหลดรูปลงคอมพ์และตรวจสอบรูปเสือที่ถ่ายเมื่อวาน

มีรูปคมชัดอยู่สองรูป นอกนั้นเป็นรูปเสือพร่าเลือน

เวลาทำให้ผมไม่ได้เห็นเพียงรูปชัดๆ

เวลาทำให้ผมเติบโต จากเด็กเป็นผู้ใหญ่

และเวลาทำให้ผมเข้าใจถึงชีวิตสัตว์ป่า เรารู้จักพวกมันเพียงด้านเดียว เราเห็นสัตว์ป่าคล้ายเป็นภาพพร่าเลือน

ภาพพร่าเลือนที่ความคมชัดอยู่ในใจ

คือความหมายของงานที่ผมทำโดยใช้กล้องเป็นเครื่องมือ •

 

หลังเลนส์ในดงลึก | ปริญญากร วรวรรณ