จับกระแส ยื้อโผทหาร วัดพลัง ‘บิ๊กตู่’ ชิง ยึด จัด 4 เหล่าทัพ

จับกระแส ยื้อโผทหาร วัดพลัง ‘บิ๊กตู่’ ชิง ยึด จัด 4เหล่าทัพ ‘บิ๊กต่อ’ ยึด ทบ.1 ‘ทรงวิทย์-สุวิน-ณะ’ เต็ง กับอนาคต ‘บิ๊กบี้’

 

แม้จะไม่เร่งจัดโผโยกย้ายทหาร แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม รักษาการ ก็กระชับเวลาเล็กน้อย โดยให้ทุกเหล่าทัพส่งบัญขีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้าย ให้กลาโหมภายใน 15 สิงหาคม 2566

จากเดิมที่มีการเสนอให้เสร็จสิ้นในปลายเดือนมิถุนายน แต่เกรงจะถูกมองว่าเร่งจัดโผทหารตัดหน้ารัฐบาลใหม่ จึงให้รอให้ถึงใกล้ๆ เวลาตามวาระ เพื่อป้องกันข้อครหาในเรื่องมารยาททางการเมือง

โดยหมายให้ขั้นตอนทุกอย่างเสร็จสิ้น และนำขึ้นทูลเกล้าฯ ภายในเดือนสิงหาคม ส่วนรัฐบาลใหม่น่าจัดตั้งได้สำเร็จตาม “ดีล” ราวปลายสิงหาคม-ต้นกันยายน ที่เมื่อนั้น โผทหารจะโปรดเกล้าฯ ออกมาแล้ว โดยรัฐบาลใหม่ไม่สามารถไปแก้ไขได้

หากรัฐบาลใหม่ต้องการมีส่วนในการจัดโผทหารครั้งสำคัญครั้งนี้ ก็อาจจะต้องใช้ “พลังภายใน” ไปดึงโผไว้ที่กลาโหม โดยที่จะยังไม่ส่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ทูลเกล้าฯ

แต่ทว่า คนที่คุมโผที่กลาโหม และขั้นตอนธุรการ เป็นสายตรงบิ๊กตู่ คือบิ๊กช้าง พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ส่วนบิ๊กหนุ่ม พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม ก็เป็นสายตรงบ้านป่ารอยต่อฯ

ยกเว้นว่าสูตรรัฐบาลเปลี่ยนจากก้าวไกลเป็นพรรคเพื่อไทยแล้วมี “ดีล” จะร่วมรัฐบาลกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก็อาจเป็น พล.อ.ประวิตรที่จะสะกิด พล.อ.ชัยชาญ และ พล.อ.สนิธชนกได้ หากต้องการจะดึงโผ รอรัฐบาลใหม่ และ รมว.กลาโหมคนใหม่ โดยเฉพาะหาก พล.อ.ประวิตรจะกลับมานั่ง รมว.กลาโหมอีกครั้ง

แต่ก็ไม่ง่ายที่จะดึงโผ หาก ผบ.เหล่าทัพพร้อมใจกันส่งโผภายใน 15 สิงหาคม ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์กำหนด และต้องเข้าขั้นตอนการประชุมบอร์ด 7 เสือกลาโหม และส่งให้นายกฯ นำขึ้นทูลเกล้าฯ

อีกทั้งในส่วนของ ทบ. และ ฉก.ทม.รอ.904 และหน่วยเหนือ หากได้คัดเลือก ผบ.ทบ.คนใหม่แล้ว ก็ยากที่ฝ่ายการเมืองหวังจะมาเปลี่ยนแปลง

ประกอบกับตัวเลือก หรือแคนดิเดต ผบ.ทบ. ก็มีอยู่แค่ 2 คน ก็ล้วนเป็นสายตรง 3 ป. และจะต้องเป็น “พลเอกคอแดง” ด้วย

ดังนั้น บิ๊กต่อ พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ รอง ผบ.ทบ. น้องรักบิ๊กตู่ จึงเป็นเต็งหนึ่งที่จะขึ้นเป็น ผบ.ทบ.คนต่อไป แทนบิ๊กบี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ที่จะเกษียณราชการจาก ทบ. และคาดว่าจะมีตำแหน่งสำคัญนอก ทบ.รองรับ ตามวิถีทหารคอแดง แถมเป็นระดับ ผบ.ทบ. และ ผบ ฉก.ทม.รอ.904

และเป็นที่จับตามองกันว่า พล.อ.ณรงค์พันธ์ที่ประกาศตัว และแสดงออกถึงการเป็นทหารพระราชา จะกลายเป็นคีย์แมนที่ได้ทำงานสำคัญต่อไป

พล.อ.สุขสรรค์ หนองบัวล่าง,พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์,พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้

สําหรับ พล.อ.ประยุทธ์แล้ว จัดโผทหารเสร็จ และมีโปรดเกล้าฯ ลงมาเมื่อใด ก็คงจะโล่งอก เพราะตอนนั้น สามารถดัน พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ รอง ผบ.ทบ. น้องรัก และทายาทอำนาจ ขึ้นเป็น ผบ.ทบ.ได้ตามแผนเดิม

เพราะหากตนเองไม่ได้กลับมาเป็นนายกฯ อีกสมัย ก็ยังอุ่นใจที่มีน้องรักเป็น ผบ.ทบ. ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่แน่นอน และกระแสต้านการแก้ไขมาตรา 112

เวลานี้มีสัญญาณชัดใน ทบ.แล้วว่า พล.อ.เจริญชัยจะเป็น ผบ.ทบ.คนใหม่ เพราะ พล.อ.ณรงค์พันธ์ผ่องถ่ายงาน และมอบหมายงานให้ตลอด พร้อมประกาศนับถอยหลังเกษียณ ในอีกกว่า 3 เดือนข้างหน้านี้แล้ว

สำหรับ พล.อ.เจริญชัย นั้นมีอายุราชการแค่กันยายน 2567 นั่งเป็น ผบ.ทบ.ได้แค่ปีเดียวเท่านั้น แต่ในโผนี้ ก็มีการดันบิ๊กปู พล.ท.พนา แคล้วปลอดทุกข์ แม่ทัพภาคที่ 1 เตรียมทหาร 26 ขึ้นมาเป็น 5 เสือ ทบ. เพื่อจ่อเป็น ผบ.ทบ.ต่อจาก พล.อ.เจริญชัย แถมเป็นยาวนานถึง 3 ปี เพราะ พล.ท.พนาจะเกษียณกันยายน 2570 เลยทีเดียว

กล่าวได้ว่า จะได้ดูแลสถานการณ์ในช่วงที่จะมีการเลือกตั้งใหม่ใน 3-4 ปีข้างหน้า ที่เชื่อกันว่า พรรคก้าวไกลอาจชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ หลังจากที่อาจจะพลาดการเป็นรัฐบาล และนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งพฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา

โดยที่ พล.ท.พนา ถูกจัดสายคอนเน็กชั่น ว่าเป็นสายตรงของ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ด้วย

 

ตอนนี้จึงอาจกล่าวได้ว่า แม้โผทหารมีกำหนดจะเสร็จสิ้นในกลางสิงหาคม แต่ตอนนี้เริ่มรู้กันเป็นการภายใน “หน่วยเหนือ” แล้วว่า ใครจะเป็น ผบ.เหล่าทัพชุดใหม่

เช่น บิ๊กอ๊อบ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี รอง ผบ.ทหารสูงสุด จะเป็น ผบ.ทหารสูงสุดคนต่อไป และจะเป็น ผบ.ทหารสูงสุดคอแดง คนที่ 2 ต่อจากบิ๊กแก้ว พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ที่จะเกษียณ

พร้อมๆ กันนั้น ก็จะเป็นการตอกหมุดธรรมเนียมใหม่ทัพไทย ที่ ผบ.ทหารสูงสุด จะต้องมาจากนายทหารคอแดงอีกตำแหน่งหนึ่ง จากที่มีธรรมเนียม ผบ.ทบ.ต้องมาจากทหารคอแดงมาแล้ว

นายทหารคอเขียวใน บก.ทัพไทย จะหมดโอกาสลุ้นที่จะเป็น ผบ.ทหารสูงสุด และจะทำให้ ทบ.ต้องส่งนายทหารคอแดงมาเติบโตใน บก.ทัพไทย เพื่อเตรียมเป็น ผบ.ทหารสูงสุดในอนาคต

หรือในกรณีที่เป็นนายทหารใน บก.ทัพไทยเอง ก็อาจจะได้รับคำสั่งให้ไปฝึกหลักสูตรทหารคอแดงก่อนที่จะขึ้นตำแหน่งสำคัญก็ได้ เช่นที่ ทบ.ก็เคยมีคำสั่งจาก ฉก.ทม.รอ.904 ให้ พล.ท.พนา เมื่อครั้งเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1 เป็นทหารคอเขียวมาแล้ว

พล.อ.ทรงวิทย์ เป็นเตรียมทหารรุ่น 24 รุ่นเดียวกับ พล.อ.สนิธชนก ปลัดกลาโหม และมีอายุราชการถึงกันยายน 2568 จะนั่งเป็น ผบ.ทหารสูงสุด 2 ปี

พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข

ขณะที่ทัพเรือ เริ่มมีกระแสโฟกัสไปที่บิ๊กวิน พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข ผช.ผบ.ทร. ว่าเป็นเต็งหนึ่ง ผบ.ทร.คนต่อไป

โดยมีบิ๊กโอ๋ พล.ร.อ.ชลธิศ นาวานุเคราะห์ เสธ.ทร. เป็นคู่ชิงอย่างเข้มข้น เพราะทั้งคู่มีโปรไฟล์ไม่ธรรมดา แต่ พล.ร.อ.สุวินอาวุโสกว่า และโตมาในสายกำลังรบ คอมแมนเดอร์ ส่วน พล.ร.อ.ชลธิศ โตมาในฝ่ายอำนวยการ ฝ่ายเสนาธิการ

แม้ พล.ร.อ.สุวินจะเป็นสายกำลังรบ สายบู๊ มีบุคลิกรอมชอม แต่ก็เด็ดขาดในสถานการณ์ที่จำเป็น และอาจเป็นเพราะมีความใกล้ชิดและดูแลลูกน้อง กำลังพลอย่างเต็มที่ จนถูกกล่าวขานว่า ใจดี แถมทั้งโปรไฟล์ ผลการปฏิบัติงาน และที่สำคัญคือ อาวุโสสูงสุดในบรรดาแคนดิเดต ผบ.ทร. เพราะแม้จะเป็นรุ่นน้อง ตท.25 แต่ก็มีอายุราชการถึง 2568 พร้อมแคนดิเดตรุ่นพี่ และก็เป็นจังหวะพอดีที่ ว่าที่ ผบ.ทหารสูงสุดคนใหม่ ก็เป็นเตรียมทหาร 24 เช่นเดียวกับ พล.อ.สนิธชนก ปลัดกลาโหม

แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีพลังของเตรียมทหาร 23 ที่จะเกาะแผงกันขึ้นเป็น ผบ.เหล่าทัพ แบบยกแผง ทั้ง ผบ.ทบ. ผบ.ทร. และ ผบ.ทอ.

ดังนั้น แคนดิเดต ผบ.ทร. ยังมีบิ๊กโอ๋ พล.ร.อ.ชลธิศ นาวานุเคราะห์ เสธ.ทร. และบิ๊กดุง พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผบ.กองเรือยุทธการ (ผบ.กร.) ที่เป็นเพื่อน ตท.23

พล.ร.อ.อะดุง เคยเป็นผู้ช่วยทูตทหารเรือ ประจำแคนเบอร์รา ออสเตรเลีย และรองผู้ช่วยทูตทหารไทย แคนเบอร์รา และรักษาการผู้ช่วยทูตฯ ประจำเวลลิงตัน นิวซีแลนด์ด้วย แต่จะเสียเปรียบ เพราะนอกจากอายุราชการเหลือปีเดียวแล้ว ที่ผ่านมาในรอบหลายสิบปี ยังไม่เคยมี ผบ.กร.ขึ้นมาเป็น ผบ.ทร.เลย

เช่น บิ๊กนุ้ย พล.ร.อ.นริศ ประทุมสุวรรณ จาก ผบ.กร. ก็ขึ้นเป็น ผช.ผบ.ทร.ก่อนขึ้นเป็น ผบ.ทร. หรือแม้แต่ พล.ร.อ.สุวิน ที่เคยเป็น ผบ.กร. ก็ไม่อาจขึ้นเป็น ผบ.ทร.เลย แต่ต้องขึ้นมาเป็น ผช. ผบ.ทร.ก่อน

ดังนั้น ตท.23 จึงมีแค่ พล.ร.อ.ชลธิศ ที่มีอายุราชการเหลือ 2 ปี เท่ากับ พล.ร.อ.สุวิน

 

พล.ร.อ.ชลธิศเติบโตมาในฝ่ายอำนวยการ สายบุ๋น แต่เป็นที่รู้กันใน ทร.ในเรื่องบุคลิกที่เข้มงวด เคยเป็น ผบ.เรือหลวงภูเก็ต และเคยเป็นผู้ช่วยทูตทหารเรือไทย ประจำวอชิงตัน ดี.ซี. และทำหน้าที่รองผู้ช่วยทูตทหาร แล้วกลับมาเติบโตในกรมข่าวทหารเรือ จนเป็นรองเจ้ากรมข่าว ทร. และ ผอ.สำนักนโยบายและแผน กรมยุทธการ ทร. เป็น ผอ.สำนักนโยบายและแผน กรมข่าวทหารเรือ และเป็นรอง ผบ.ทัพเรือภาคที่ 2 ก่อนขึ้นเป็นพลเรือโท เจ้ากรมข่าวทหารเรือ และเจ้ากรมยุทธศึกษา ทร. ก่อนขึ้น เสธ.ทร.

ส่วน พล.ร.อ.สุวิน เติบโตมาในสายกำลังรบ เรียกได้ว่า เส้นทางประดู่เหล็ก ผ่านมาทุกตำแหน่ง จนเป็นผู้บังคับการเรือหลวงชั้น 1 ถึง 3 ลํา ทั้งเรือหลวงสุโขทัย เรือหลวงปิ่นเกล้า และเป็น ผบ.เรือหลวงจักรีนฤเบศร นานที่สุด ถึง 5 ปี และใช้ชีวิตการเป็นนักรบชาวเรือนานถึง 22 ปี ก่อนได้ไปเป็นผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารเรือ ประจํากรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา ก่อนที่จะกลับมาเติบโตในสายกำลังรบ เป็น ผบ.กองเรือลำน้ำ และ ผบ.ฐานทัพเรือกรุงเทพฯ

และตำแหน่งสูงสุดของสายกำลังรบ คือ ผบ.กองเรือยุทธการ จนขึ้นเป็น ผช.ผบ.ทร. ที่ดูแลสายงานกำลังพล ที่ดูแลสวัสดิการ และช่วยเหลือกำลังพล

ดังนั้น ตำแหน่ง ผบ.ทร. จึงเป็นการชิงกันระหว่าง พล.ร.อ.สุวิน และ พล.ร.อ.ชลธิศ ที่คนใน ทร.จับจ้องในสายสัมพันธ์ของ พล.ร.อ.ชลธิศ กับบิ๊กจ๊อด พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผบ.ทร. โดยเฉพาะครอบครัวที่สนิทกันมาก และ พล.ร.อ.ชลธิศนั้นเคยไปเป็นรอง ผช.ทูตทหารเรือที่วอชิงตัน ดี.ซี. ต่อจาก พล.ร.อ.เชิงชาย

พล.ร.อ.นริศ ประทุมสุวรรณ

แต่สิ่งที่กำลังเป็นประเด็นใน ทร. และเป็นที่จับตามองคือ การกู้เรือสุโขทัยที่อับปาง ที่ พล.ร.อ.เชิงชายให้สัมภาษณ์ว่า รอสำนักงบประมาณ และ กกต.อนุมัติงบฯ กู้เรือ ที่อาจจะไม่ทันปีงบประมาณนี้ ที่จะส่งผลให้ยังไม่สามารถสรุปผลการสอบสวนสาเหตุเรืออับปางได้ จนกว่าจะกู้เรือขึ้นมา เพื่อให้เรื่องนี้ถูกลืมไป

ทั้งนี้เพราะสำนักงบประมาณจะอนุมัติงบฯ กลางให้ได้แค่ 90 ล้าน ที่เหลืออีก 110 ล้าน ให้ใช้งบฯ ทร.เอง จึงทำให้การกู้เรือยังไม่มีความคืบหน้า และถูกมองว่า จะยื้อเวลาไปจนเลยการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ไปก่อน เพื่อไม่ให้เกิดแรงกระเพื่อมใน ทร.

เพราะก่อนหน้านี้ ทั้ง พล.ร.อ.ชลธิศ และ พล.ร.อ.อะดุง เคยถูกกระแสข่าวพาดพิงในเรื่อง “คำสั่งห้ามเรือจม” ถึงขั้นในโยกย้ายเมษายนที่ผ่านมา เคยเกิดข่าวลือจะโยกย้ายนายพลที่เกี่ยวข้องมาแล้ว

แต่ทว่า ในการสอบสวนเบื้องต้นของคณะกรรมการ ไม่มีประเด็นเรื่องคำสั่งดังกล่าวนี้ และยังไม่พบว่ามีระดับผู้บังคับบัญชาชั้นสูงบกพร่องใดๆ ดังนั้น การชิงเก้าอี้ ผบ.ทร. จึงไม่จบง่ายๆ

อีกทั้ง พล.ร.อ.อะดุง ที่แม้จะมีอายุราชการเหลือแค่ปีเดียว แต่ก็ยังไม่ท้อ เพราะที่ผ่านมา ผบ.ทร. ก็มีอายุราชการปีเดียวเป็นส่วนใหญ่ แม้แต่ พล.ร.อ.เชิงชาย ผบ.ทร.คนปัจจุบัน ก็ปีเดียว แถมทั้ง ผบ.เหล่าทัพอื่นๆ ที่จะขึ้นมาใหม่ ก็มีอายุราชการเหลือปีเดียวหลายคน

 

ส่วนตำแหน่ง ผบ.ทอ.นั้น แม้จะมีแคนดิเดตหลายคน ที่ส่วนใหญ่เป็น ตท.23 และเป็นนักบินเอฟ 16 แต่ทว่า เต็งหนึ่งก็ยังคงเป็นบิ๊กณะ พล.อ.อ.ณรงค์ อินทชาติ เสธ.ทอ. ที่บิ๊กป้อง พล.อ.อ.นภาเดช ธูปะเตมีย์ อดีต ผบ.ทอ. วางตัวไว้ต่อจากบิ๊กตุ๊ด พล.อ.อ.อลงกรณ์ วัณณรถ ผบ.ทอ.คนปัจจุบัน ตามสูตรอำนาจ “ป้อง-ตุ๊ด-ณะ” คนละปี

พล.อ.อ.ณรงค์ เติบโตจากกองบิน 1 โคราช มากับ พล.อ.อ.นภาเดช แต่ก็วางตัวทายาทสำรองไว้ เผื่อไว้อีกคนคือ บิ๊กจ๋า พล.อ.อพงษ์สวัสดิ์ จันทสาร ผช.ผบ.ทอ ที่ก็เป็นเพื่อน ตท.23 ของ พล.อ.อ.ณรงค์นั่นเอง

ขณะที่บิ๊กหนึ่ง พล.อ.อ.ชานนท์ มุ่งธัญญา รอง ผบ.ทอ. ตท.23 อีกคนนั้น แม้จะเป็นนายทหารคนเก่ง รอบรู้ เป็นทหารรุ่นใหม่ แต่ก็ส่อเค้าว่าจะไม่อาจเอาชนะใจ พล.อ.อ.อลงกรณ์ได้ แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล หรือนายกรัฐมนตรี แต่ทว่า โผนี้ก็จะถูกจัดวางในระหว่างที่ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ รักษาการ จนเสร็จเรียบร้อย ไม่รอให้รัฐบาลใหม่มาจัดโผทหาร

แต่ใน ทอ.ก็ยังไม่ปิดประตู โอกาสของบิ๊กไก่ พล.อ.อ.พันธุ์ภักดี พัฒนกุล ผช.ผบ.ทอ. ที่เป็น ตท.24 แต่มีความสามารถ

หรือแม้แต่บิ๊กป้อม พล.อ.อ.ธนศักดิ์ เมตะนันท์ รองปลัดกลาโหม ที่ยังเหลืออายุราชการอีก 1 ปี และเป็น ตท.22 ที่ยังคงเหลืออยู่อีกคน

ที่ผ่านมา พล.อ.อ.ธนศักดิ์ เคยเป็นนายทหารดาวรุ่งที่ถูกจับตามองจะเป็น ผบ.ทอ.มานานแล้ว แต่เส้นทางรับราชการพลิกผันไปมา จากที่เคยถูกเตะจากรอง เสธ.ทอ. ไปเป็นรอง เสธ.ทหาร บก.ทัพไทย แต่ที่สุด ก็ได้กลับมา ทอ. เป็นรอง ผบ.ทอ. 1 ปี แต่ที่สุดก็ถูกเตะโด่งไปเป็นรองปลัดกลาโหม

จึงมีเพื่อน ตท.22 ในเหล่าทัพต่างๆ เรียกร้องความเป็นธรรมให้ พล.อ.อ.ธนศักดิ์ ที่ถือเป็นนายทหารคนเก่ง และเป็นคนดีของ ทอ.อีกคน แต่กลับถูกเขี่ยพ้นเส้นทางอำนาจ

เพราะในโผนี้ ผบ.เหล่าทัพที่เป็นเพื่อน ตท.22 ต่างก็จะเกษียณราชการกันหมดแล้ว ในหมู่เพื่อนจึงต้องการให้คืนความชอบธรรมให้ พล.อ.อ.ธนศักดิ์ ในปีสุดท้ายก่อนเกษียณ ที่ต้องขึ้นอยู่กับ พล.อ.อ.อลงกรณ์ ที่ต้องตัดสินใจ แต่มีแนวโน้มที่จะเสนอชื่อ พล.อ.อ.ณรงค์ เป็น ผบ.ทอ.คนใหม่มากกว่า

ดังนั้น แม้จะเปลี่ยนรัฐบาล หรือนายกฯ ใหม่ ก็ไม่สำคัญ เพราะกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ พล.อ.ประยุทธ์ก็จัดโผทหารเสร็จเรียบร้อยโรงเรียนตู่ไปก่อนแล้ว

ไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์จะได้ไปต่อหรือไม่ก็ตาม แต่อย่างน้อยมี ผบ.ทบ.ที่เป็นน้องรัก และ ผบ.เหล่าทัพ ที่เป็นสายตรง ก็ถือว่ามีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว