‘ดื่มกาแฟใส่นม’ ทุกวัน เพิ่มสารต้านอักเสบ 2 เท่า | จักรกฤษณ์ สิริริน

ดร.จักรกฤษณ์ สิริริน

ลําพัง “ดื่มนม” อย่างเดียวก็มีประโยชน์มากมายกับร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น “แคลเซียม” โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “กรดอะมิโน”

“กรดอะมิโน” หรือ Amino Acid คือหน่วยของโปรตีน ที่ร่างกายจะทำหน้าที่ย่อยโปรตีนให้กลายเป็น “กรดอะมิโน” หลังจากเรารับประทานอาหารประเภทโปรตีน

จากนั้น ร่างกายจะทำการดูดซึม “กรดอะมิโน” ส่งเข้าสู่กระแสเลือด เพื่อนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “สมอง” ของเรา

เป็นที่ทราบกันดีในหมู่นักโภชนาการ ว่า “กรดอะมิโน” คือ Building Block of Life หรือ “โครงสร้างหลักของชีวิต” เพราะส่วนประกอบต่างๆ ของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นเซลล์ เนื้อเยื่อ เอ็นไซม์ ฮอร์โมน ใน DNA ของเราล้วนมี “กรดอะมิโน” เป็นองค์ประกอบสำคัญ

นอกจากนี้ “กรดอะมิโน” ยังมีบทบาทสำคัญในการสร้าง “สารสื่อประสาท” ใน “สมอง” ช่วยให้ “สมอง” ของเราทำงานได้ปกติ มีความตื่นตัว กระตุ้นการคิด ส่งเสริมความจำ และสนับสนุนการเรียนรู้

“กรดอะมิโน” นั้น มีทั้งแบบที่เราสร้างเองได้ และไม่สามารถสร้างได้

“กรดอะมิโน” ที่ร่างกายสร้างเองไม่ได้มี 9 ชนิด ซึ่งอยู่ในอาหารหมู่ 1 คือโปรตีน ไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัตว์ ไข่ ถั่ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “นม” เป็นแหล่งของ “กรดอะมิโน 9 ชนิด” ในปริมาณที่สูง

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “นม” หาบริโภคได้ง่าย ดื่มง่าย และรับประทานต่อครั้งได้ในปริมาณมาก เมื่อเทียบกับเนื้อสัตว์ ไข่ ถั่ว

 

“นม” มี “กรดอะมิโน” ที่จำเป็นต่อร่างกายเรา 9 ชนิด ได้แก่

1. Isoleucine ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโต และการทำงานของระบบประสาท

2. Histidine เสริมสร้างการทำงานของระบบประสาท

3. Leucine ช่วยเรื่องการทำงานของสมอง เพิ่มพลังกล้ามเนื้อ ทำให้เซลล์ประสาทแข็งแรงขึ้น

4. Lysine ซ่อมแซมกล้ามเนื้อที่สึกหรอ ช่วยเผาผลาญไขมัน ช่วยให้มีสมาธิ และดูดซึมแคลเซียม จึงช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน

5. Methionine เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ กำจัดสารพิษออกจากร่างกาย และช่วยย่อยสลายไขมัน

6. Phenylalanine เพิ่มความตื่นตัว ทำให้รู้สึกระฉับกระเฉง เสริมความจำ บรรเทาอาการซึมเศร้า และลดความอยากอาหาร

7. Threonine ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน ช่วยเผาผลาญไขมัน มีประโยชน์ต่อระบบย่อยอาหาร และการดูดซึมสารอาหารต่างๆ ในร่างกาย

8. Tryptophan ลดความเครียด และภาวะซึมเศร้า บรรเทาอาการไมเกรน ช่วยส่งเสริมการนอนหลับอย่างเป็นธรรมชาติ

9. Valine ช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง และทำให้กล้ามเนื้อประสานกันได้ดี

นอกจากนี้ “นม” ยังมี Beta Casein ที่ช่วยระบบขับถ่าย ช่วยให้ย่อยอาหารได้ง่าย และดูดซึมแร่ธาตุสำคัญในร่างกายได้ดี ทั้งแคลเซียม เหล็ก สังกะสี

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “นม” อุดมด้วยเกลือแร่หลายชนิด เช่น แคลเซียม และฟอสฟอรัส ซึ่งเป็นธาตุที่สำคัญที่สุดในการสร้างโครงกระดูก และฟัน

 

ส่วน “กาแฟ” มี สาร Polyphenols สารต้านอนุมูลอิสระ สามารถลดปริมาณของอนุมูลอิสระได้ และสามารถต้านฤทธิ์ของอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุของอาการเสื่อมของร่างกาย และโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง

ซึ่งโดยปกติแล้ว ร่างกายคนเราจะมีกลไกการกำจัดสารอนุมูลอิสระได้เอง ซึ่งเราเรียกว่าสารต้านอนุมูลอิสระ หรือ Antioxidant แต่ด้วยอายุที่มากขึ้น ความเครียด และวิถีชีวิตในปัจจุบัน ทำให้สารต้านอนุมูลอิสระในร่างกายลดน้อยลง ไม่เพียงพอต่อการต้านอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “การอักเสบ” หรือ Inflammation ในร่างกายของเรา มีสาเหตุจากภาวะเครียด เพราะปฏิกิริยา Oxidative Stress หรือการที่อนุมูลอิสระเข้าไปทำลายระบบต่างๆ ภายในเซลล์จนเสียหาย

เช่น ขณะที่เกิดการติดเชื้อไวรัส หรือแบคทีเรีย หรือมีการใช้งานกล้ามเนื้อ และเส้นเอ็นหนักเกินไปจนอ่อนล้าบาดเจ็บ

ซึ่งสาร Polyphenols ในธรรมชาติ สามารถยับยั้งการอักเสบได้ดี และมีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพของมนุษย์เป็นอย่างมาก นอกจากจะช่วยป้องกันความเสียหายต่ออวัยวะต่างๆ แล้ว

ยังช่วยชะลอวัย โดยช่วยยับยั้งความเสื่อมถอยของร่างกาย สาร Polyphenols พบได้มากในผักผลไม้หลายชนิด รวมทั้งเบียร์ และไวน์แดง อีกด้วย

ร่างกายเราจึงต้องการสารต้านอนุมูลอิสระเพิ่มเติมจากอาหาร และเครื่องดื่มประจำวัน เช่น “กาแฟ” ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ คือสาร Polyphenols

 

สาร Polyphenols สามารถลดการอักเสบในเซลล์ต่างๆ และลดการเกิดโรคต่างๆ ได้ เช่น โรคหัวใจ และหลอดเลือด เนื่องจาก สาร Polyphenols จะช่วยเสริมให้หลอดเลือดแข็งแรง

นอกจากนี้ สาร Polyphenols ยังมีส่วนช่วยเพิ่มไขมันคอเลสเตอรอลชนิด HDL อีกทั้งมีส่วนช่วยลดการอักเสบ และการก่อตัวของลิ่มเลือดได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สาร Polyphenols ยังช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งได้อีกด้วย

แหล่งอาหารที่พบสาร Polyphenols มากได้แก่ พืชตระกูลถั่ว พืช ผัก และผลไม้ นอกจากนี้ ยังพบในองุ่น ช็อกโกแลต โกโก้ ชาเขียว น้ำมันมะกอก และธัญพืชต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “กาแฟ”

เพราะในเมล็ดกาแฟอุดมไปด้วยสาร Polyphenols ที่มีชื่อว่า “กรดคลอโรจีนิก” ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติ

ดังนั้น การดื่ม “กาแฟ” ในทุกๆ วัน จึงให้ประโยชน์ ที่ไม่เพียงรื่นรมย์กับกลิ่น และรสชาติของ “กาแฟ” เท่านั้น

อย่างไรก็ดี ควรเลือกดื่ม “กาแฟ” ที่มีไขมันต่ำ และไม่มีส่วนผสมของ “น้ำตาลทราย” เพื่อลดความเสี่ยงปัญหาสุขภาพด้านอื่นๆ เช่น เบาหวาน

หรือเลือกดื่ม “กาแฟ” สำเร็จรูปที่เป็นสูตรเฉพาะเพื่อรักษารูปร่าง และสุขภาพแทน เพราะไม่ต้องกังวลกับปัญหาปริมาณ “น้ำตาล” และ “ครีมเทียม” ที่สูง

เพราะ “กาแฟ” กลุ่มนี้ จะให้ความหวาน 0 แคลอรีจาก “ซูคราโลส” ซึ่งเป็นสารความหวานเพื่อสุขภาพ และครีมเทียมจากพืช ซึ่งจะทำให้เรามีความสุขกับการดื่ม “กาแฟ” ได้ในทุกๆ วัน

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อนำ “กาแฟ” มา x กับ “นม” ก็จะเป็นสาร Polyphenols x “กรดอะมิโน”

 

ทีมนักวิทยาศาสตร์จาก “มหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน” ประเทศเดนมาร์ก ได้ทำการศึกษา “ปฏิกิริยาเคมี” ระหว่างสารต้านอนุมูลอิสระ หรือสาร Polyphenols ซึ่งมีอยู่มากใน “กาแฟ” กับ “กรดอะมิโน” ที่มีใน “นม”

ผลการทดลองพบว่า เมื่อสารทั้งสองชนิดทำปฏิกิริยากัน สารผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้นจะออกฤทธิ์เสริมให้เม็ดเลือดขาวยับยั้งการอักเสบในร่างกายได้ดีขึ้นกว่าเดิม เมื่อเทียบกับตอนที่ใช้สาร Polyphenols เพียงอย่างเดียว

บทความวิจัยดังกล่าวตีพิมพ์เผยแพร่อยู่ในวารสาร Journal of Agricultural and Food Chemistry ระบุว่า มีการทดลองให้เซลล์เม็ดเลือดขาวอยู่ในภาวะ “จำลองการอักเสบ” แล้วให้สาร Polyphenols กับเม็ดเลือดขาวจำนวนหนึ่ง

ในขณะที่เม็ดเลือดขาวอีกกลุ่ม จะได้รับทั้งสาร Polyphenols ในปริมาณที่เท่ากันกับกลุ่มแรก และยังให้ได้รับ “กรดอะมิโน” เพิ่มเข้าไปอีกด้วย

ผลการทดสอบปรากฏว่า เม็ดเลือดขาวกลุ่มหลังสามารถต่อสู้ยับยั้งการอักเสบได้ดีกว่าถึง 2 เท่า

ทีมนักวิทยาศาสตร์จาก “มหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน” ระบุว่า “กรดอะมิโน” เป็นตัวการสำคัญที่ช่วยให้เม็ดเลือดขาวดูดซึมสาร Polyphenols ไปใช้ในการต้านการอักเสบได้ดีขึ้น

ในขั้นตอนต่อไป ทีมนักวิทยาศาสตร์จาก “มหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน” มีแผนที่จะทดสอบปฏิกิริยาเคมีดังกล่าวในสัตว์ทดลอง และมนุษย์ในขั้นตอนสุดท้าย

ซึ่งหากสามารถยืนยันผลการทดลองได้เช่นเดิม ก็จะนำความรู้นี้ไปเป็นแนวปฏิบัติใหม่ด้านโภชนาการ โดยมุ่งส่งเสริมให้ผู้คนบริโภคอาหารที่อุดมไปด้วยสาร Polyphenols คู่กับ “กรดอะมิโน” เสมอ

ซึ่งในที่นี้ก็คือ การรณรงค์ให้มีการดื่ม “กาแฟใส่นม” นั่นเองครับ