ประชาชน มีผู้เหนือกว่าเสมอ | สถานีคิดเลขที่12 โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

กกต. ประกาศผลการนับคะแนนเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ

จากจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 52,195,920 คน

มีผู้มาใช้สิทธิ 39,514,973 คน คิดเป็นร้อยละ 75.71

ส.ส.แบบแบ่งเขต

เพื่อไทย ได้ ส.ส. 112 คน ก้าวไกล ได้ ส.ส. 112 คน ภูมิใจไทยได้ ส.ส. 68 คน พลังประชารัฐ ได้ ส.ส. 39 คน รวมไทยสร้างชาติ ได้ ส.ส. 23 คน ประชาธิปัตย์ ได้ ส.ส. 22 คน ชาติไทยพัฒนา ได้ ส.ส. 9 คน ประชาชาติ ได้ ส.ส. 7 คน ไทยสร้างไทย ได้ ส.ส. 5 คนรวมพลัง ได้ ส.ส. 2 คน ชาติพัฒนากล้า ได้ส.ส. 1 คน

ผลการนับคะแนน

ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ (คิดคำนวณ คะแนนค่าเฉลี่ย ส.ส. 1 คน คือ 375,227.34 คะแนน)

1.ก้าวไกลได้คะแนน 14,438,851 คะแนน ได้ส.ส. 39 คน 2. เพื่อไทย ได้คะแนน 10,962,522 คะแนน ได้ส.ส. 29 คน 3. รวมไทยสร้างชาติ ได้คะแนน 4,766,408 คะแนน ได้ส.ส. 13 คน 4. ภูมิใจไทย ได้คะแนน 1,138,202 คะแนน ได้ส.ส.3 คน5. ประชาธิปัตย์ได้คะแนน 925,349 คะแนน ได้ส.ส. 3 คน

6. ประชาชาติ ได้คะแนน 602,645 คะแนน ได้ส.ส. 2 คน 7. พลังประชารัฐ ได้คะแนน 537,625 คะแนน ได้ส.ส. 1 คน 8. เสรีรวมไทย ได้คะแนน 351,376 คะแนน ได้ส.ส. 1 คน 9. ไทยสร้างไทย ได้คะแนน 340,178 คะแนน ได้ส.ส. 1 คน 10.ประชาธิปไตยใหม่ ได้คะแนน 273,428 คะแนน ได้ส.ส. 1 คน

11. ใหม่ ได้คะแนน 249,731 คะแนน ได้ส.ส. 1 คน 12. ชาติพัฒนากล้า ได้คะแนน 212,676 คะแนน ได้ส.ส. 1 คน13. ท้องที่ไทย ได้คะแนน 201,411 คะแนน ได้ส.ส. 1 คน 14.ชาติไทยพัฒนา ได้คะแนน 192,497 คะแนนได้ส.ส. 1 คน

15. เป็นธรรมได้คะแนน 184,817 คะแนนได้ส.ส. 1 คน16.พลังสังคมใหม่ ได้คะแนน 177,379 คะแนนได้ส.ส. 1 คน 17. ครูไทยเพื่อประชาชนได้คะแนน 175,182 คะแนน ได้ส.ส. 1 คน

ที่เอาผล”ทางการ” มาตอกย้ำ

ก็เพื่อยืนยัน เจตนารมย์ “เป็นทางการ”ของประชาชน ว่าได้มอบฉันทามติให้กับ”ขั้วฝ่ายค้านเดิม” จัดตั้งรัฐบาล

โดยเฉพาะ 2 พรรคหลักคือ คือก้าวไกล และเพื่อไทย ได้คะแนนเลือกพรรครวมกันกว่า 25 ล้านคะแนน

ส่วนขั้วรัฐบาลเดิม 2 พรรคหลักคือ รวมไทยสร้างชาติและพลังประชารัฐ ได้คะแนนรวม 5 ล้านคะแนน

มีระยะห่างกว่า 20 ล้านเสียง

และเมื่อรวบรวมเสียงจาก 8 พรรค ก็ได้จำนวนส.ส.313เสียง มีเสียงข้างมากเพียงพอต่อการตั้งรัฐบาล

แต่เจตนารมย์ นี้ กำลังถูก 250 เสียง ของวุฒิสภา ชี้เป็นชี้ตายว่าขั้วพรรคเสียงข้างมากจะสามารถตั้งนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล ได้หรือไม่

กติกา อันพิลึกพิลั่น นี้เป็นผลมาจาก รัฐธรรมนูญปี 2560 ที่ถูกแบบให้เอื้อและสะกัด มิให้ ฝ่ายที่ไม่ใช่ผู้สืบทอดจากการรัฐประหาร มีโอกาสได้แบ่งปัน”อำนาจ”เพื่อเข้ามาบริหารประเทศ

จึงทำให้”ขั้วฝ่ายค้านเดิม”ตกอยู่ในภาวะแห่งความไม่แน่นอน

ทั้งการคาดหมายว่าจะไม่ได้รับการสนับสนุนจากวุฒิสภาจนได้เสียง 376 เสียงตามที่รัฐธรรมนุนูญกำหนด

ขณะเดียวกัน ยังคาดหมายต่อเนื่องไปอีกว่า หรือแม้จะได้เสียงสนับสนุนจากวุฒิสมาชิกเพียงพอ นายกฯและรัฐบาลจากฝ่ายค้านเดิม ก็จะถูกองค์กรอิสระ ที่สืบเนื่องมาในห้วงรัฐประหาร”กำจัด” ก่อนไปถึงเป้าหมาย โดยมี”นักร้อง”ตั้งแท่นเรื่องให้

ภาวะแห่งความไม่แน่นอนนี้เอง นำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนทั้งข่าวลือ ข่าวลวง ที่มีความพยายามจะแยก-สลาย-สลับขั้ว เพื่อให้ขั้วรัฐบาลเดิมกลับมาแชร์หรือครองอำนาจต่อไป

พร้อมกันนั้น ปัญหาความไม่ลงรอยของขั้วฝ่ายค้านเดิม ทั้งเรื่อง การต่อรองตำแหน่งประธานสภา รัฐมนตรี และการพยายามผลักดันนโยบายของตนเอง

ก็ยิ่งเพิ่มความไม่แน่นอนให้ขั้วฝ่ายค้านเดิม คือแม้ชนะเลือกตั้ง แต่ไม่อาจชนะในเกมการเมืองได้

นี่จึงเป็นความอึมครึม อึดอัด คับข้องใจ ที่เกิดขึ้นในตอนนี้

ตอกย้ำ ประชาชน คือ “อาคิว ของ หลู่ซิ่น” ที่โง่ งมงาย มีฝ่ายที่เหนือกว่าคอยเหยียบย่ำเสมอ?!?

———————–