จับสัญญาณ ‘บิ๊กตู่’ หลังพ่ายยับกาบัตร คนใกล้ตัวแย้ม ‘วางมือ’ ส.ว.สายลุงหวังพลิกขั้ว ไม่หนุน ‘พิธา’

ผลการเลือกตั้ง ส.ส.วาระทั่วไป เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม จากจุดยืนและอุดมการณ์ทางการเมืองที่แบ่งชัดกัน 2 ขั้ว คือ ขั้วอนุรักษนิยม ที่นำโดย “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะ “2 ป.” หรือ “2 ลุง” ต้องพ่ายให้กับขั้วประชาธิปไตยเสรีนิยม นำโดย “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) และแคนดิเดตนายกฯ พรรค ก.ก. มาพร้อมกับจุดยืนทางการเมืองที่ชัดเจน การสื่อสารแบบตรงไปตรงมา และกระแสแห่งความเปลี่ยนแปลงที่ชนะเลือกตั้งนำมาเป็นที่ 1 ของขั้วพรรคร่วมฝ่ายค้านเดิม ด้วยเสียง ส.ส. 152 ที่นั่ง แบ่งเป็น ส.ส.เขต 113 เสียง และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 39 เสียง

เป็นแกนนำของขั้วเสรีนิยม กุมความชอบธรรมที่ประชาชนมอบฉันทามติให้กว่า 14 ล้านเสียง ในการเป็นแกนนำจัดตั้งบาล

โดย “พิธา” ประกาศได้โทรศัพท์ไปเชิญพรรคร่วมฝ่ายค้านเดิมทั้ง 7 พรรค ได้แก่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย (พท.) พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) พรรคประชาชาติ (ปช.) พรรคเสรีรวมไทย (สร.) และพรรคเป็นธรรม (ปธ.) พรรคเพื่อไทรวมพลัง และพรรคพลังสังคมใหม่ รวมกัน 313 เสียง เพื่อร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก ปิดประตูตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย

โดย 7 พรรคพร้อมพูดคุยในรายละเอียดทั้งเรื่องคน นโยบาย แผนการทำงาน และจำเป็นต้องทำเอ็มโอยูเหมือนกับสากล ให้ประชาชนเห็นได้ว่า สิ่งที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทย 100 วัน และ 1 ปีจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง

ขณะเดียวกันรัฐบาลที่มีพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำ พิธาระบุว่า จะเปิดโรดแม็ปที่สัญญากับประชาชนมาปฏิบัติ ทำประชามติให้มี ส.ส.ร.จัดทำรัฐธรรมนูญ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลและเกิดการเปลี่ยนผ่านอำนาจอย่างเป็นรูปธรรม มีประสิทธิภาพ และจะเดินสายพบประชาชน ข้าราชการ ภาคธุรกิจ จะดำเนินการหลังจากนี้

พร้อมเดินหน้าทำความเข้าใจกับคนที่เห็นต่างกับพรรค ก.ก. จะตั้งรัฐบาลให้เร็วที่สุด เพื่อไม่ให้มีสุญญากาศการเมือง และเศรษฐกิจ ขอให้มั่นใจการทำงานพรรค ก.ก. จะทำงานอย่างละเอียด รวดเร็ว

ในส่วนการตั้งคณะทำงานจัดตั้งรัฐบาลได้คุยกับ น.ส.แพทองธารแล้ว โดย น.ส.แพทองธารได้แสดงความยินดีกับพรรค ก.ก. ประชาชน และฝ่ายประชาธิปไตย บอกว่าพร้อมทำงานร่วมกันในอนาคต ถือเป็นความโปร่งใสที่แจ้งให้สื่อทราบว่า คุยอะไรกันบ้าง

ขณะที่ท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ออกมาประกาศจุดยืนภายหลังรับทราบผลการเลือกตั้งผ่านคลิปของพรรค รทสช. โดยขอบคุณพี่น้องประชาชน พร้อมระบุว่า “พี่น้องประชาชนที่รัก ผม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ ขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ได้ออกมาใช้สิทธิ์ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา ในระหว่างการเลือกตั้ง พรรครวมไทยสร้างชาติได้นำเสนอนโยบายที่สำคัญหลายเรื่องที่เราเชื่อมั่นว่าจะช่วยให้ประเทศชาติและประชาชนมีความสุข มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และประเทศมั่นคงแข็งแรงเพียงพอที่จะผ่านพายุแห่งความขัดแย้งในการจัดระเบียบโลกใหม่

ถึงแม้ว่าเป็นพรรคใหม่ แต่พรรคได้รับการตอบรับอย่างดี และเป็นที่น่าพอใจ เราได้เห็นพี่น้องบางท่านออกจากโรงพยาบาลมาใช้สิทธิ์ เราได้เห็นคนที่เดินทางจากต่างประเทศกลับมาบ้านเกิดเมืองนอน เพื่อมาลงคะแนนเลือกตั้ง รวมทั้งผู้สูงวัย กลุ่มเปราะบางต่างๆ เราได้รับแรงใจ สนับสนุนมาจากทุกช่องทาง ทั้งที่เจอหน้ากัน ผ่านจดหมาย ผ่านการสื่อสารออนไลน์ การสนับสนุนลงคะแนนเสียงของท่านทำให้เราอบอุ่นใจ แม้จะไม่มีจำนวนเพียงพอที่จะทำให้เราเป็นผู้ทำต่อทั้งหมด หลังจากที่ได้ทำมาแล้วและทำอยู่

พรรครวมไทยสร้างชาติ ยืนยันว่า เราจะยังคงยึดมั่นในแนวทางของพรรค อุดมการณ์ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่เปลี่ยนแปลง นั่นคือยึดมั่นในชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะหรือบทบาทใดๆ ก็ตาม นี่คือคำสัญญา ขอบคุณครับ”

มีสัญญาณที่ส่งผ่าน “ธนกร วังบุญคงชนะ” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรองหัวหน้าพรรค รทสช. ในฐานะคนใกล้ชิดของ พล.อ.ประยุทธ์ จะออกมาระบุว่า เมื่อจัดตั้งรัฐบาลได้แล้วคิดว่านายกฯ คงจะวางมือทางการเมืองและพักผ่อน เพราะได้ทำงานให้กับประเทศมายาวนาน สร้างประโยชน์ให้กับประเทศชาติมากมาย เชื่อว่าประชาชนได้เห็นสิ่งที่นายกฯ ทํามา และคิดว่าถึงอย่างไรนายกฯ ก็ยังอยู่ในใจประชาชนทั้งประเทศ ส่วนตัวเห็นว่าถ้านายกฯ พักก็ดี เพราะตลอด 8 ปีที่ผ่านมา ไม่ได้ไปไหนเลย

ขณะที่ท่าทีล่าสุดของ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร ภายหลังที่พ่ายการเลือกตั้งแบบทิ้งห่าง โดยพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบันรวมเสียงกันได้เพียง 190 เสียง ห่างจากขั้วของพรรค ก.ก.ที่รวมเสียงกันได้เบื้องต้น 313 เสียง ถึง 123 เสียง ซึ่งเป็นเรื่องยากหากจะคิดรวมเสียงของขั้วรัฐบาลเดิมเพื่อตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยแข่ง เนื่องจากต้องหาเสียง ส.ส.มาเติมไม่น้อยกว่า 60 เสียงเพื่อให้ได้เป็นรัฐบาลเสียงข้างมากเกิน 250 เสียง ให้พอจะทำหน้าที่ฝ่ายบริหารได้

สัญญาณจากทั้ง 2 ป. ในขณะนี้คือ ปล่อยขั้วฝ่ายค้านที่มีพรรค ก.ก.เป็นแกนนำ รวมเสียงให้ได้ถึง 376 เสียง เพื่อให้ที่ประชุมรัฐสภาโหวตเลือก “พิธา” เป็นนายกฯ ให้ได้ก่อน

ซึ่งเสียงของ 6 พรรคที่รวมมาจัดตั้งรัฐบาลในขณะนี้ แม้จะมีเสียงข้างมากของสภาผู้แทนราษฎรอยู่ที่ 310 เสียง แต่ยังไม่เพียงพอจะปิดสวิตช์ ส.ว.ทั้ง 250 เสียง ที่มีอำนาจร่วมโหวตเลือกนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 วรรคหนึ่ง

ถือเป็นโจทย์ของพรรค ก.ก.ต้องเดินเกมการเมืองไปรวมเสียงให้ได้ 376 เสียง ถ้าจะรวมเสียงกันเฉพาะขั้ว ส.ส.ฝ่ายค้านเดิมจะมีเสียงแค่เพียง 314 เสียง ยังขาดอีก 62 เสียงให้เพียงพอต่อการโหวตเลือกนายกฯ ซึ่งพรรค ก.ก.ได้วางเงื่อนไขที่ขึงตึงไว้ คือ ไม่ใช้บริการเสียงของพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบันให้มาโหวตช่วย แต่จะเล่นเกมใช้เสียงข้างมากของ ส.ส. กดดันให้ทั้ง 250 ส.ว. ยอมโหวตเลือกนายกฯ จากพรรคที่รวมเสียงข้างมากเพื่อจัดตั้งรัฐบาลจากพรรค ก.ก.

ซึ่งต้องไปลุ้นกับ ส.ว.กลุ่มอิสระ และ ส.ว.กลุ่มอดีตข้าราชการ ที่มีประมาณ 50-60 เสียง ให้มาร่วมโหวตตั้งนายกฯ ให้

เพราะ ส.ว.ในสาย “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” ย่อมจะโหวตไปในทิศทางเดียวกัน คือ ไม่เอานายกฯ จากรัฐบาลก้าวไกล

ส่วนการรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลแข่งภายใต้การนำของ “2 ป.” ต้องดูความชัดเจนการรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลของพรรค ก.ก.ได้หรือไม่

ซึ่งอาจจะมีปฏิบัติการดีลข้ามขั้ว เพื่อโดดเดี่ยวให้พรรค ก.ก.เป็น ฝ่ายค้าน แต่ก็คงมีแรงเสียดทานทางการเมืองที่มวลชนสนับสนุนพรรค ก.ก. อาจจะออกมาต่อต้านรัฐบาลเสียงข้างน้อย ชนิดที่คาดไม่ถึงเหมือนกัน