เกมเปลี่ยน ทหารเสือฯ พ่ายศึก สะพัดขั้วลุงดิ้นสู้ ชู ‘แดง-พท.’ สู้ ‘ส้ม’-วางทายาท 2 ลุง

เกมเปลี่ยน ทหารเสือฯ พ่ายศึก ลือสะพัดขั้ว ‘ลุง’ ดิ้นสู้ ชู ‘แดง-พท.’ สู้ ‘ส้ม’ ก่อนถอย-วางทายาท 2 ลุง 2 พรรค กับเผือกร้อนในมือ ‘บิ๊กบี้-บิ๊กต่อ’

บิ๊กบี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. ชิงประกาศปิดประตูการปฏิวัติรัฐประหาร ไม่ว่าจะในเงื่อนไขใด ทั้ง 1.เกิดเหตุวุ่นวายจลาจล หลังเลือกตั้ง จากการจัดตั้งรัฐบาล ไม่ได้ และ 2.หากพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาลในที่สุด

“ผมยังยืนยันแน่นอนว่า โอกาสเป็นศูนย์ ถึงติดลบ… และให้ลบคำว่า ปฏิวัติ ออกจากพจนานุกรมผู้สื่อข่าว รวมทั้งของทหารด้วย แน่นอนสำหรับผม” พล.อ.ณรงค์พันธ์กล่าวก่อนเลือกตั้ง 3 วัน

แต่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ก็กำลังจะเกษียณราชการ 30 กันยายนนี้ พร้อมกับ ผบ.เหล่าทัพชุดปัจจุบัน ที่ก็เป็นสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ด้วย จึงทำให้มีการมองข้ามช็อตไปถึง ผบ.ทบ. และ ผบ.เหล่าทัพชุดใหม่ ไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาล

จึงทำให้บิ๊กต่อ พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ รอง ผบ.ทบ. ตัวเต็ง ผบ.ทบ.คนต่อไป ถูกจับตามองหากได้ขึ้นมาเป็น ผบ.ทบ. ท่าทีและจุดยืนต่อการเมืองจะเป็นอย่างไร

โดยเฉพาะถูกจับตามองว่า เป็นน้องรักสายตรงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เพราะเติบโตมาด้วยกันใน ร.21 รอ. เป็นทหารเสือราชินีด้วยกัน

พล.อ.เจริญชัยเป็นหนึ่งในน้องรักสายทหารเสือฯ ของ พล.อ.ประยุทธ์เพียงคนเดียว ที่ฝ่าด่านใน ทบ. จนขึ้นมาจ่อเป็น ผบ.ทบ.ได้ และมีโอกาสมากที่สุดที่จะเป็น ผบ.ทบ.คนต่อไป เพราะที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์เคยวางตัวและผลักดันน้องรักหลายคนให้เป็นทายาทใน ทบ. แต่ก็หลุดไลน์ พ้นวงโคจรไปหลายคน ตั้งแต่มี “ทหารคอแดง”

พล.อ.ประยุทธ์เคยพยายามจะดัน พล.อ.เจริญชัยให้ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. ตั้งแต่โยกย้ายตุลาคม 2565 เพราะเกรงว่า หลังเลือกตั้งจะไม่ได้กลับมาเป็นนายกฯ อีก แต่ก็ไม่อาจทำได้ เพราะ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ผบ.ทบ. ที่ตอนนั้นนั่งมา 2 ปีแล้ว เป็น “สายแข็ง” จึงได้เป็น ผบ.ทบ.ต่อถึง 3 ปี

แต่แม้ พล.อ.ประยุทธ์จะไม่ได้กลับมาเป็นนายกฯ แต่การเมืองก็ไม่อาจแทรกแซงการแต่งตั้ง ผบ.ทบ.ที่เป็นทหารคอแดงได้ เพราะเป็นอำนาจของ ผบ.ทบ. ที่เป็น ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 คุมทหารคอแดง ทบ. และหน่วยเหนือเท่านั้น

เพียงแต่ว่า เกมภายใน ทบ. และ ฉก.ทม.รอ.904 จะไปลงตัวที่ พล.อ.เจริญชัย เป็น ผบ.ทบ. หรือที่บิ๊กโต พล.อ.สุขสรรค์ หนองบัวล่าง ผช.ผบ.ทบ. นายทหารสายบูรพาพยัคฆ์คอแดง ที่ก็เป็นน้องรักของ 3 ป. และก็เป็นที่ไว้วางใจของ พล.อ.ณรงค์พันธ์

 

เพราะหากเทียบ พล.อ.เจริญชัย และ พล.อ.สุขสรรค์ ที่เป็นเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 23 ด้วยกัน เกษียณ 2567 พร้อมกัน อาจต่างสไตล์กัน เพราะคนหนึ่งเงียบๆ นิ่งๆ ออกแนวเป็นสายพิราบ สายบุ๋น ส่วนอีกคนเป็นสายเหยี่ยว สายบู๊ แต่มีความเด็ดขาด และมีความจงรักภักดีอย่างยิ่งทั้งคู่ จนร่ำลือกันว่า สถานการณ์ทางการเมืองหลังเลือกตั้ง จะมีผลต่อการเลือก ผบ.ทบ.ของหน่วยเหนือ

แต่ในเวลานี้ ยังถือว่า พล.อ.เจริญชัยเป็นเต็งหนึ่งอยู่ ด้วยสถานการณ์หลังเลือกตั้งในเวลานี้ แม้พรรคก้าวไกลได้ ส.ส.มากที่สุดในสภา มีความชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาลก่อน แต่ส่อเค้าวุ่นวาย เพราะคาดกันว่า พรรคก้าวไกล และนายพิธา ลิ่มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค อาจจะไม่ได้เป็นนายกฯ ไม่ได้จัดตั้งรัฐบาล ด้วยไม่อาจฝ่าด่าน 250 ส.ว.ที่ตั้งมาในยุค คสช.ได้ หรือโดนศาลรัฐธรรมนูญสอยจากคดีถือครองหุ้นสื่อ

และคาดการณ์ว่า มวลชนสีส้มจะออกมาก่อม็อบครั้งใหญ่ ที่จะเริ่มตั้งแต่วันโหวตเลือกนายกฯ ในสภา ในเดือนกรกฎาคมนี้ เพื่อกดดัน 250 ส.ว. ที่ส่วนใหญ่ส่งสัญญาณแล้วว่า ไม่โหวตให้นายพิธาเป็นนายกฯ ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง และสถาบัน จากเรื่องแก้ไข ม.112

เค้าลางของม็อบลงถนน ความวุ่นวายจะเกิดขึ้น ตำรวจมีหน้าที่หลักในการดูแลความสงบเรียบร้อย ในช่วงเปิดสภากรกฎาคมนี้ เพื่อเลือกประธานสภา และเลือกนายกฯ ที่จะยังเป็นช่วงที่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ยังเป็น ผบ.ทบ.อยู่ ที่ทหารก็คงไม่ได้ออกมาทำหน้าที่เกี่ยวกับม็อบ ยกเว้นม็อบบุกไปหน่วยทหารในบริเวณนั้น หรือไปเขตพระราชฐาน

ความวุ่นวายรออยู่เบื้องหน้า!

 

ดังนั้น คาดว่าในที่สุด อาจทำให้พรรคเพื่อไทยมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แล้วดึงหลายพรรคฝั่งประชาธิปไตยมารวมพรรคฝ่ายอนุรักษนิยม เช่น พรรคภูมิใจไทย พรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ หรือแม้แต่พรรครวมไทยสร้างชาติ ถอดสลักด่าน 250 ส.ว. โดยที่ 2 ลุง คือ บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องไม่อยู่ในพรรค

โดยมีตัวเลือกนายกฯ 3 คน คือ อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร เสี่ยนิด นายเศรษฐา ทวีสิน และเสี่ยหนู นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย

ท่ามกลางกระแสข่าวลือมี “ดีล” ที่จะให้ น.ส.แพทองธารเป็นนายกฯ และยอมให้โควต้าเก้าอี้ รมต.กระทรวงสำคัญแก่พรรคร่วมรัฐบาล

ทั้งการยกเก้าอี้ มท.1 รมว.มหาดไทย ให้พรรคพลังประชารัฐ แต่ พล.อ.ประวิตรจะถอยออกไปจาก พปชร. โดยจะให้บิ๊กป๊อด พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. น้องชาย มาดูแลพรรคแทน และนั่งเก้าอี้ มท.1 เพราะก็สนิทสนมกับนายทักษิณ ชินวัตร อยู่แล้ว ส่วน พล.อ.ประวิตรก็จะไปอยู่เบื้องหลัง ตั้งทำเนียบรัฐบาลน้อย ที่บ้านป่ารอยต่อฯ

แต่พรรคเพื่อไทยก็อาจต้องยอมยกกระทรวงคมนาคม และอีกหลายเก้าอี้ให้สมกับ 70 ส.ส. ที่พรรคภูมิใจไทยได้มา

 

ขณะที่พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ พล.อ.ประยุทธ์จะถอยห่างออกไป เล็งกระทรวงกลาโหม เพราะนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค สนใจเรื่องกองทัพ และเป็นลูกทหาร มีเพื่อนเป็นทหาร และเคยอยากจะเป็นทหาร และเพื่อดูแลกองทัพแทน พล.อ.ประยุทธ์ จากแผนเดิมที่เคยมีชื่อบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทบ. จะมาเป็น รมว.กลาโหม แต่สถานการณ์เปลี่ยนหลังเลือกตั้ง

แต่ก็มีอีกสูตรหนึ่ง ที่ขั้ว พล.อ.ประยุทธ์เจรจากับ พล.อ.ประวิตร ให้ช่วยเจรจาต่อรองกับพรรคเพื่อไทย ในการยอมให้นายอนุทินเป็นนายกฯ แม้จะได้ 70 ส.ส. น้อยกว่าพรรคเพื่อไทย 2 เท่าก็ตาม

แต่ด้วยเงื่อนไขที่อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร จะกลับไทย อาจทำให้พรรคเพื่อไทยจะยอมเปิดทางให้นายอนุทินเป็นนายกฯ ที่จะเป็นนายกฯ คนกลาง ที่ประสานได้ทั้ง 2 ขั้ว และเพื่อไม่ให้พรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะ น.ส.แพทองธารกลายเป็นเป้าจากการที่นายทักษิณจะกลับประเทศ มาติดคุก นายอนุทินก็จะดูแลภาพรวมให้ได้

เพราะหากย้อนกลับไปเมื่อการเลือกตั้งปี 2562 นายอนุทินเคยเปิดเผยว่า พรรคเพื่อไทยเคยเสนอเก้าอี้นายกรัฐมนตรีให้ตนเอง เพื่อให้ร่วมรัฐบาลด้วย แต่ได้พิจารณาแล้วว่าหากเป็นรัฐบาลในเวลานั้นจะอยู่ได้ถึงสามเดือนหรือไม่ จึงเลือกที่จะมาจับมือกับฝั่ง พล.อ.ประยุทธ์

นอกจากนี้ ยังมีข่าวว่า นายอนุทินได้รับการสนับสนุนจาก พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อให้นายอนุทิน “ระวังหลัง” ให้ ในยามที่ตนเองลงจากอำนาจ มากกว่าที่จะให้คนของพรรคเพื่อไทยเป็นนายกฯ และมีรายงานข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์จะเจรจากับ พล.อ.ประวิตรอีกแรงหนึ่ง เพราะก็รู้ว่า พล.อ.ประวิตรพร้อมจะหนุน น.ส.แพทองธารเป็นนายกฯ

แต่เพราะเป็นที่รู้กันด้วยว่า นายอนุทินก็มี “แบ๊กอัพพิเศษ” ด้วยเช่นกัน ที่ก็อาจทำให้ พล.อ.ประวิตรยอมที่จะสนับสนุนนายอนุทินเป็นนายกฯ เพราะก็เคยพูดคุยกันที่บ้านป่ารอยต่อฯ ตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้งแล้วว่า ถ้าพรรคใครได้ ส.ส.มากกว่า ก็เป็นนายกฯ ไป

บางกระแสข่าวระบุด้วยว่า หากเป็นนายกฯ นายอนุทินพร้อมที่จะควบ รมว.กลาโหมเองก็ยินดี เพราะแม้จะเป็นพลเรือน แต่ก็มีเพื่อนฝูงเป็นทหารในหลายรุ่น และเข้าใจกองทัพเป็นอย่างดี

ที่สำคัญคือ ไม่ว่าจะอย่างไร จะต้องสกัดพรรคก้าวไกลไม่ให้เป็นรัฐบาล และถือเป็นมิชชั่นของพี่น้อง 3 ป. ทหารเสือฯ ที่เป็นแม่ทัพในทางการเมือง แต่ต้องพ่ายศึกเลือกตั้ง และบรรดา ส.ว.ที่ตั้งมาโดย คสช.

ดังนั้น จึงต้องปรับแผน มาจับมือกับพรรคเพื่อไทย และนายอนุทิน เพื่อแตะมือในการเป็นรัฐบาลต่อ ส่วน 2 ลุงก็จะค่อยๆ ถอยห่างออกจากอำนาจ และไปเฝ้าดูอยู่เบื้องหลัง

 

หากเป็นเช่นนั้น สถานการณ์ทางการเมืองจะคลี่คลายลง แต่พรรคก้าวไกล และมวลชนสีส้ม อาจจะมีความเคลื่อนไหวตลอดเวลา แต่อาจจะลดความรุนแรงลง

ด้วยเพราะมีกระแสข่าวถึงข้อเรียกร้องของพรรคก้าวไกล ที่ต้องการจะให้สำนักพระราชวังเท่านั้น ที่จะเป็นผู้ฟ้องร้องเอาผิด ม.112 ได้ จากที่ประชาชนทั่วไปฟ้องร้องได้ จนมีการนำไปใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง และสร้างผลกระทบต่อสถาบันนั้น ก็จะได้รับการตอบสนอง และบรรดาผู้ที่มีความผิด ม.112 ก็จะค่อยๆ ทยอยได้รับการปล่อยตัว ในเงื่อนไขและกรอบกฎหมาย ที่คาดว่าจะทำให้สถานการณ์คลี่คลายลง

แต่หากไม่สามารถทำให้อุณหภูมิการเมืองเย็นลง เกิดความวุ่นวายจนข้ามปี เมื่อนั้น ผบ.ทบ.คนใหม่ หากเป็น พล.อ.เจริญชัย จะถูกจับตามองเขม็ง

อย่างไรก็ตาม เป็นที่รู้กันในกองทัพว่า แม้การเมืองจะวุ่นวายแค่ไหน ทหารก็ไม่อาจจะปฏิวัติรัฐประหารได้ เพราะมีสัญญาณออกมานานเป็นปีแล้วว่า ในยุคนี้ จะต้องไม่มีการรัฐประหารอีก

แต่หากพรรคก้าวไกลไปต่อไม่ได้ แล้วไม่ยอมเปิดทางให้พรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาล และเกิดความวุ่นวายขึ้น โดยที่ไม่มีใครหยั่งรู้ได้ว่า ระดับความรุนแรงจะถึงขั้นไหน และอาจจะสร้างเงื่อนไขให้ฝ่ายทหารออกมาควบคุมสถานการณ์ และแก้ปัญหาในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งที่ไม่ใช่การรัฐประหาร เพื่อให้ทุกอย่างเดินหน้าต่อไปได้

จนเกิดกระแสข่าวลือการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ และมีนายกรัฐมนตรีคนกลาง หรือคนนอกเลยด้วยซ้ำ

แต่ไม่ว่าจะอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ ก็จะรักษาการนายกฯ ยาวไปๆ