นโยบายก้าวไกล ตร.ไม่เหมือนเดิม บนความคาดหวังปนความกังวล

ผลการเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม คะแนนพรรคก้าวไกลนำมา แต่ไม่คิดจะก้าวไปไกลขนาดนี้ กลายเป็นส้มเกือบทั้งแผ่นดิน

บางคนถึงกับบอกว่าไม่ใช่ “สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลง” แล้ว แต่เป็น “พายุแห่งการเปลี่ยนแปลง”

สโลแกนพรรคสีส้ม “วางความกลัวไว้ข้างหลัง เอาความหวังไว้ข้างหน้า” เน้นแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง เปลี่ยนแปลงประเทศไทยไม่ให้เหมือนเดิม

หนึ่งใน 9 นโยบาย คือ “ราชการเพื่อราษฎร” ให้ราชการไทยก้าวหน้าเพื่อราษฎรทุกคน

หน่วยงานราชการที่จะปฏิรูป มีในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ต้นธารกระบวนการยุติธรรม ที่ประชาชนฝากความหวังด้วย

จากนโยบายหาเสียง “กา ก้าวไกล ตำรวจไทย ไม่เหมือนเดิม” 13 ข้อ ดังนี้

1. เลือกทรงผมเองได้ ไม่บังคับเกรียน

– ยกเลิกการบังคับตัดผมเกรียน คืนทรงผมให้ตำรวจ คืนความตระหนักรู้ ถึงสิทธิในเนื้อตัวร่างกายของตำรวจทุกคน

2. เงินเดือน โอนตรง โอนครบ ไม่หัก ไม่ทอน

– ป้องกันการหักเงินเดือน เบี้ยเลี้ยงกำลังพล

3. ชีวิตมั่นคง รายได้ สวัสดิการเหมาะสม

– เงินเดือนสอดคล้องค่าครองชีพ จัดสรรงบฯ ทั่วถึง มีค่าน้ำมัน อุปกรณ์การทำงานเพียงพอ

4. ร้องทุกข์ได้อย่างปลอดภัย

– จัดตั้งผู้ตรวจการตำรวจที่เป็นอิสระจาก ตร. รับเรื่องร้องเรียน-ปกป้องสิทธิของตำรวจทุกระดับที่ถูกผู้บังคับบัญชากลั่นแกล้ง

5. เติบโต-โยกย้ายเป็นธรรม ไร้ตั๋ว เส้นสาย

– ก้าวหน้าได้ ขึ้นอยู่กับผลงาน ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับว่าเป็นคนของใคร

6. เพิ่มโอกาสเลื่อนยศเป็นสัญญาบัตร

– เพิ่มโควต้าสำหรับนายตำรวจชั้นประทวนผลงานดี ในการเลื่อนยศสู่ระดับสัญญาบัตร

7. ทำงานกับจังหวัดอย่างราบรื่น

– จัดตั้งคณะกรรมการนโยบายความปลอดภัยสาธารณะในทุกจังหวัด มีตัวแทนตำรวจและท้องถิ่นร่วมกันรับใช้ประชาชน

8. ลดภาระพนักงานสอบสวน

– เพิ่มอำนาจให้ตำรวจสายป้องกันและปราบปราม ยุติคดีเล็กน้อยได้ โดยไม่ต้องส่งต่อให้พนักงานสอบสวน

9. ลดภาระงานเอกสาร

– ลดการใช้เอกสาร เพิ่มการใช้เทคโนโลยี เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานสอบสวน

10. นักจิตวิทยาเพียงพอ

– เพิ่มจำนวนและการเข้าถึงนักจิตวิทยาเพิ่มความรวดเร็วของกระบวนการยุติธรรม

11. ตำรวจทุกเพศ โอกาสเท่ากัน

– ตำรวจหญิงทุกสถานี โอกาสเลื่อนขั้นเท่าเทียมในทุกสายงาน เติบโตเป็น ผบ.ตร.ได้

12. ผบ.ตร.เป็นที่ยอมรับของตำรวจทุกคน

– ส่งเสริมประชาธิปไตยภายในตำรวจ เพิ่มการมีส่วนร่วมของตำรวจทุกระดับในกระบวนการแต่งตั้ง ผบ.ตร.

13. ภูมิใจที่ได้เป็นตำรวจของประชาชน

กอบกู้ภาพลักษณ์ตำรวจ รักษาตำรวจน้ำดี ตำรวจอยู่ข้างประชาชน เพื่อให้สังคมกลับมาเชื่อมั่นในตำรวจไทย

นายรังสิมันต์ โรม ว่าที่ ส.ส.พรรคก้าวไกล ขยายความว่า เรื่องแรกที่จะทำเมื่อเป็นรัฐบาลคือ กำจัดระบบตั๋วตำรวจ ตั๋วช้าง

แม้ว่า พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติฉบับใหม่บังคับใช้ อ้างว่าปฏิรูปตำรวจแล้ว แต่ความเป็นจริง พ.ร.บ.ฉบับนี้ยังคงไว้ซึ่งสภาพเดิมๆ ต้องมีการแก้ไขใหม่

เริ่มด้วยโครงสร้างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องยึดโยงประชาชนทุกระดับ ตั้งแต่ระดับประเทศ มี ผบ.ตร.เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด ขณะที่การบริหารงานและการแต่งตั้งอยู่ที่ ก.ตร. พรรคจึงเปลี่ยน ก.ตร.ใหม่ โดยกรรมการส่วนใหญ่ ผ่านผู้แทนฯ ที่เลือกจากฝ่ายค้าน และรัฐบาล แต่ยังคงให้มี ผบ.ตร. และอดีตนายตำรวจที่เกษียณแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปีมาจากการเลือกของตำรวจเป็นกรรมการ ทำให้ ก.ตร.ยึดโยงประชาชนมีความเป็นประชาธิปไตยภายใน ป้องกันไม่ให้ฝ่ายบริหารแทรกแซง ใช้เส้นสายและตั๋วตำรวจ กำหนดมาตรฐานตำรวจให้เป็นหนึ่งเดียวกันทั้งประเทศ และพิจารณานายตำรวจระดับสูง รวมถึง ผบ.ตร. โดยเปิดเผยต่อสาธารณะ

และมีคณะกรรมการนโยบายความปลอดภัยสาธารณะจังหวัดที่มีตัวแทนองค์กรท้องถิ่น, ราชการในจังหวัด และภาคประชาชน ช่วยแบ่งเบาหน้าที่ประเมินคุณภาพนายตำรวจในท้องที่ รับฟังความเห็นประชาชนมาปรับปรุง พัฒนางาน และถ่วงดุลการแต่งตั้งนายตำรวจจากส่วนกลางเพื่อให้ได้คนที่เหมาะสมทำงานในท้องที่

เมื่อส่วนกลางจะแต่งตั้งตำรวจนายใดให้มาเป็น ผบก.จว. ต้องผ่านมติคณะกรรมการชุดนี้ด้วย ดังนั้น ตำรวจประจำจังหวัดต่างๆ จะไม่ใช่มุ้งที่ผู้มีอำนาจจากส่วนกลางตั้งเพื่อต่อท่อผลประโยชน์หล่อเลี้ยงระบบเส้นสาย โดยไม่แยแสประชาชนในท้องที่อีกต่อไป แต่จะต้องเป็นคนที่ยอมรับจากภาคส่วนต่างๆ ในจังหวัดนั้น

โดยคณะกรรมการนโยบายฯ ถือเป็นการกระจายงานนี้ ไม่ทำงานเสียมาตรฐานข้าราชการตำรวจ เนื่องจากมีมาตรฐานกลางที่ ก.ตร.ได้กำหนดไว้แล้ว และเพื่อให้ ก.ตร.มุ่งเน้นงานนโยบาย ภารกิจสำคัญระดับประเทศได้มากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ มีคณะกรรมการตรวจสอบเรื่องร้องเรียนตำรวจที่เป็นอิสระ แยกขาดจาก ตร. โดยขึ้นตรงและรายงานต่อรัฐสภา มีอำนาจไต่สวนข้อเท็จจริง ที่มีผู้ร้องเรียน ที่สำคัญมีภารกิจเสนอแนะ ก.ตร.เพื่อให้ปรับปรุงปฏิบัติหน้าที่ให้ดียิ่งขึ้น

 

จากนโยบายดังกล่าว เมื่อสดับรับฟังแวดวงสีกากี ประมวลได้ว่า ถูกใจนโยบายแต่ไม่เชื่อว่าจะทำได้จริง เหมือนเป็นการออกนโยบายมาเพื่อแย่งพื้นที่สื่อ เรียกคะแนนจากกลุ่มเป้าหมายจากข้าราชการรุ่นใหม่ อย่าง เลือกทรงผมเองได้, เพิ่มโอกาสเลื่อนยศเป็นสัญญาบัตร และตำรวจทุกเพศมีโอกาสเท่าเทียมกัน เป็นนโยบายที่แสวงหาจุดร่วมตามหลักจิตวิทยามวลชน

นายพลตำรวจรายหนึ่งสะท้อนว่า เมื่อก้าวไกลเป็นรัฐบาลจะเข้าใจตำรวจดีกว่าตอนเป็นพรรคฝ่ายค้าน ส่วนเรื่องทรงผม ไม่ถือเป็นประเด็นของตำรวจส่วนใหญ่ ควรมุ่งทำอย่างไรให้ชีวิตตำรวจมั่นคง มีรายได้ และสวัสดิการเหมาะสม เป็นนโยบายข้อแรก เพราะตอนนี้ทำงานด้วยความขาดแคลนอุปกรณ์ เครื่องไม้เครื่องมือ รายได้ไม่พอค่าครองชีพ พรรคยังไม่เห็นลงรายละเอียดจะนำไปสู่การปฏิบัติอย่างไร เอางบประมาณมาจากไหน

ต้องลุ้นว่าทำได้หรือไม่ เพราะเงินเดือนตำรวจน้อยที่สุดในองค์กรกระบวนการยุติธรรม

ส่วนนโยบายเติบโต โยกย้ายเป็นธรรม ไร้ตั๋ว เส้นสายนั้น พยายามแก้มาทุกยุค ถ้ามีความมุ่งมั่นอาจต้องใช้เวลา ต้องแก้ไขกฎหมาย หากทำให้องค์กรนี้ปลอดการเมืองได้ ถือว่าเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง

การหาเสียงลดภาระพนักงานสอบสวน ลดภาระเอกสารนั้น ที่ผ่านมีความพยายามแก้ไขแต่ยังแก้ไม่ได้ เพราะงานเกี่ยวข้องกับศาล อัยการ และราชทัณฑ์ด้วย

“ถูกใจทุกนโยบาย แต่ไม่เห็นลงในรายละเอียด แล้วจะทำได้จริงหรือไม่ ขอพูดตรงๆ ว่ามีทั้งความคาดหวังปะปนความกังวล ที่สุดไม่รู้ว่าจะทำให้ตำรวจดีหรือแย่กว่าเดิม” นายพลตำรวจรายหนึ่งกล่าว

ที่สุดเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ทำได้จริง หรือแค่หาเสียงเพื่อให้ได้คะแนน