บิ๊กตู่-รทสช. ทิ้งไพ่เด็ด ชูธงอนุรักษ์เข้มข้น สะดุดโค้งสุดท้าย ‘เลเซอร์สะพานพระราม 8’ เป็นพิษ

บิ๊กตู่-รทสช. ทิ้งไพ่เด็ด ชูธงอนุรักษ์เข้มข้นเรียกคะแนน สะดุดโค้งสุดท้าย-ลูกพรรคทวงเงิน ‘เลเซอร์สะพานพระราม 8’ เป็นพิษ

 

นับถอยหลังเหลือเพียงอีก 2 วันเท่านั้น สำหรับการเลือกตั้ง ส.ส.ที่จะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคมนี้ ยิ่งเหลือเวลาน้อยเท่าใด บรรดาพรรคการเมืองต่างเร่งลงพื้นที่ขอคะแนนเสียงพร้อมกับงัดนโยบายออกมาโชว์เพื่อหวังมัดใจประชาชนช่วงโค้งสุดท้าย ก่อนตัดสินใจเดินเข้าคูหากาบัตรเลือก “เบอร์ที่รัก พรรคที่ชอบ”

ยิ่งการเลือกตั้งปี 2566 เป็นการแข่งขันและต่อสู้กันอย่างชัดเจนระหว่าง “ขั้วเสรีนิยม” และ “ขั้วอนุรักษนิยม” ฉะนั้น หากฝ่ายใดคว้าชัยชนะ กวาดเก้าอี้ ส.ส. ได้มากเท่าใด โอกาสเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลย่อมมีเปอร์เซ็นต์สูงตามไปด้วย

อีกทั้งความน่าสนใจของการเลือกตั้งครั้งนี้ เมื่อ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตัดสินใจกระโดดลงสู่สนามการเมืองด้วยการสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) แม้สุดท้าย “บิ๊กตู่” จะไม่มีชื่อลงแข่งขันชิงเก้าอี้ ส.ส. แต่ก็ได้ตอบรับเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค รทสช. ถือว่าเป็นการสวมบทนักการเมืองแบบเต็มตัวเป็นครั้งแรก

แม้ว่ากระแสและความนิยมของกลุ่มขั้วอนุรักษนิยมจะตามหลังและตกเป็นรองฝ่ายเสรีนิยมทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล ค่อนข้างชัดเจน

แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ปัญหา เห็นได้ชัดเจนว่าตลอดช่วงเดือนเมษายนและต้นเดือนพฤษภาคม พล.อ.ประยุทธ์ และแกนนำพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ลงพื้นที่ถี่ยิบทั้งภาคเหนือ อีสาน ตะวันออก กลาง และภาคใต้

เร่งสปีดสร้างคะแนนนิยมเรียกเรตติ้งช่วงโค้งสุดท้าย

 

โดยที่แกนนำพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ต่างชูแนวคิดอนุรักษนิยมโดยเฉพาะการรักชาติออกมาปลุก “พลังเงียบ” ทุกคนให้เลือกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เพื่อสนับสนุน “ลุงตู่” เป็นนายกรัฐมนตรีต่ออีกสมัย

พร้อมกับยกผลงานที่โดดเด่นตลอด 8 ปีที่ผ่านมา ตอกย้ำว่า “ลุงตู่” คือคนเดียวที่จะนำพาประเทศให้เจริญรุ่งเรืองก้าวหน้า และเกิดความสงบสุขได้

ฉะนั้น หากอยากให้ “ลุงตู่” อยู่ต่อ พลังของคนรักชาติ ต้องแสดงออกมาด้วยการเข้าคูหาไปกาบัตรเลือกพรรครวมไทยสร้างชาติทั้งสองใบทั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งและแบบบัญชีรายชื่อ สู้กับแคมเปญและวาทะ “มีลุง ไม่มีเรา”

สอดคล้องกับเวทีปราศรัยที่จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคมที่ผ่านมา “ลุงตู่” พล.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ ชูแนวทางอนุรักษ์เข้มข้นมากล่าวบนเวทีปราศรัยปลุกพลังความรักชาติ ช่วยกันรักษาและปกป้องผืนแผ่นดิน ต้องสามัคคี อย่าสร้างความขัดแย้งหรือความแตกแยก อ้อนขอคะแนนจากประชาชนที่เชื่อมั่นและอยากเห็นประเทศเดินหน้า

นอกจากนี้ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ยังได้ปล่อยคลิปแนวรักชาติ-รักกองทัพออกมาตอบโต้ฝ่ายเสรีนิยมโดยเฉพาะพรรคก้าวไกล และคลิป “คุยกับลุงตู่” บอกเล่าเรื่องราวลึกแต่ไม่ลับตั้งแต่สมัยเด็ก ที่มาชื่อ “ประยุทธ์” บุคลิกและลักษณะนิสัยในมุมที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน

โดย “ลุงตู่” นั่งให้สัมภาษณ์แบบสบายๆ สวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว ลายหัวใจสีเหลือง กางเกงสแล็กสีดำ รองเท้าคัตชูลำลอง ภายในห้องมีโต๊ะที่มีรูปปั้นเซรามิกม้าสีขาวตั้งโชว์ เนื้อหาของบทสนทนาส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัว ตั้งแต่วัยเด็ก งานอดิเรก กีฬา และชีวิตครอบครัว

 

แน่นอนว่าการเร่งเครื่องช่วงโค้งสุดท้ายของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ก่อนจะถึงวันเลือกตั้ง 14 พฤษภาคมนั้น ย่อมหวังผลต่อผลคะแนนเสียงจากฝ่ายอนุรักษ์ และเพิ่มจำนวนเก้าอี้ ส.ส. ให้เป็นไปตามที่พรรคตั้งเป้าหมายไว้ ด้วยเหตุนี้ พรรคจึงจำเป็นต้องงัดทุกกลยุทธ์ขึ้นมาต่อสู้กับกลุ่มเสรีนิยม ซึ่งคะแนนนิยมและกระแสต้องยอมรับว่าพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกระแสจากโลกโซเชียล กลุ่มคนรุ่นใหม่ และกลุ่มเฟิร์สต์โหวต ที่มีแนวโน้มเทคะแนนไปให้กลุ่มเสรีนิยมเป็นหลัก

ทว่า เส้นทางของพรรครวมไทยสร้างชาติ ช่วงโค้งสุดท้ายค่อนข้างจะขรุขระ เมื่อจู่ๆ ทวิตเตอร์ของทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แกนนำพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ทวีตภาพชุดยิงเลเซอร์หาเสียงบริเวณเสาบนสะพานพระราม 8 โดยระบุโลโก้พรรค และข้อความเชิญชวน เช่น “กาเบอร์ 22” ซึ่งเป็นเบอร์ของพรรค, มั่นคงมั่งคั่งลุงตู่อยู่ต่อ

จนทำให้เกิดประเด็นเป็นเรื่องราวใหญ่โต เดือดร้อนหลายฝ่ายต้องรีบออกมาชี้แจงกันพัลวัน เนื่องจากชาวเน็ตต่างออกมาวิพากษ์วิจารณ์ พร้อมกับตั้งข้อสงสัยว่า การขึ้นป้ายหาเสียงทำได้หรือไม่ หรือเข้าข่ายใช้ทรัพยากรของรัฐหาเสียงผิดกฎหมายการเลือกตั้งหรือไม่

เมื่อพรรครวมไทยสร้างชาติทราบเรื่องก็ออกแถลงการณ์ชี้แจงทันทีเลยว่า พรรคไม่ได้สั่งให้ทำ และจากการตรวจสอบพบว่า “ทิพานัน” ส่งหนังสือขออนุญาตต่อปลัดกรุงเทพมหานคร โดยไม่ได้หารือ หรือแจ้งให้พรรคทราบ หรือขออนุญาตผู้บริหารพรรคแต่อย่างใด เมื่อทราบข้อเท็จจริงก็ได้ตำหนิและทำหนังสือตักเตือนพร้อมทั้งสั่งการให้หยุดดำเนินการทันที

 

อีกหนึ่งปัญหาที่กำลังเป็นประเด็น สรุปแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เมื่อปรากฏภาพผู้สมัคร ส.ส.ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ปลดป้ายหาเสียง และป้ายที่ทำการพรรค นำโดยนายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข ผู้สมัคร ส.ส. จังหวัดเลย ที่ออกมาตัดพ้อว่าถูกหลอกให้มาลงสมัคร ส.ส. ในนามพรรค แต่ปรากฏว่าถูกพรรคลอยแพ ไม่มาดูแลหรือสนับสนุนผู้สมัครในช่วงของการหาเสียงเลย แม้กระทั่งเงินค่าน้ำมัน ค่าป้ายโฆษณาก็ไม่มี ไม่ได้รับการดูแลเหลียวแลสักนิด

แน่นอนว่า การออกมาเรียกร้องของผู้สมัคร ส.ส.กลุ่มดังกล่าวในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง ย่อมไม่เป็นผลดีกับพรรครวมไทยสร้างชาติแน่นอน ดังนั้น หัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค ต้องรีบออกมาเคลียร์ปัญหาหยุมหยิมภายในพรรคให้จบก่อนถึงวันเลือกตั้ง

อีกทั้งเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาเคลื่อนไหวด้วยการทวีตข้อความเชิงประกาศว่า เตรียมเดินทางกลับประเทศไทยในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ ซึ่งไม่รู้ว่าการออกมาเคลื่อนไหวของอดีตนายกฯ ในช่วงก่อนวันเลือกตั้งเพียงไม่กี่วันนั้น เป็นยุทธศาสตร์ปลุกกระแสเพื่อโกยแต้มหรือคะแนนอย่างไรหรือไม่

เดิมพันเกมการแข่งขันครั้งนี้ จึงวัดใจผู้เล่นโดยเฉพาะ “ฝ่ายอนุรักษนิยม” ว่าจะสามารถฝ่ากระแสคนอยากเปลี่ยนที่ฝากความหวังไว้ที่ “ฝ่ายเสรีนิยม”

เดินหน้าต่อผ่านเก้าอี้ “นายกรัฐมนตรี” และฟอร์มเสียงตั้งคณะรัฐมนตรี ได้อีกสมัยหรือไม่