Onkyo TX-RZ70 AVR | Premium A/V Receiver

กับแบรนด์ออนเกียว, พูดกันในแวดวงเครื่องเสียงบ้านเราแล้ว หลายๆ คนอาจจะรู้สึกเฉยๆ ไม่มีอะไรหวือหวาให้เป็นที่จดจำ

แต่กลับกันหากพูดถึงชื่อนี้กับมะกันชนคนหลงใหลและรักในการเล่นเครื่องเสียงแล้ว จะสัมผัสถึงสุ้มเสียงที่ให้รับรู้ได้ในที ว่าชื่อชั้นของแบรนด์นี้ไม่ธรรมดาเอาเลย

โดยเฉพาะกับเครื่องประเภท AVR : Audio/Video Receiver ที่เป็นหัวใจหลักของระบบภาพและเสียงแบบ Home Theatre นั้น ชื่อนี้อยู่แถวหน้าในความนิยมของนักเล่นแถบนั้นแบบตัวจริงเสียงจริงตลอดมา

เพราะมิเพียงติดอันดับขายดีแบบ Best Buy ในกลุ่มผู้บริโภคเท่านั้น หากในกลุ่มสื่อเองก็วิพากษ์วิจารณ์ถึงในเชิงชื่นชมยกย่องอยู่เนืองๆ

อย่างไรก็ตาม, ปีสองปีที่ผ่านมาข่าวคราวของออนเกียวออกจะเงียบๆ ไปสักหน่อย เนื่องเพราะถูกซื้อไปอยู่ในสังกัดของค่าย PAC : Premium Audio Company ที่ถือแบรนด์เครื่องเสียงและลำโพงระดับแถวหน้าของวงการเอาไว้ในมือมากมาย อาทิ Klipsch, Jamo, Magnat, Heco, Pioneer, Pioneer Elite, Energy รวมทั้ง Onkyo และ Integra ที่เป็นแบรนด์พี่แบรนด์น้องกันด้วย

โดย PAC เองก็อยู่ในเครือบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าสัญชาติอเมริกันรายใหญ่อย่าง Voxx International Corporation ที่ก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1960 และเป็นที่รู้จักกันดีมาอย่างยาวนานในชื่อดั้งเดิมคือ Audiovox Corporation (นักเล่นเครื่องเสียงบ้านเรายุคแรกๆ ของระบบเสียงไฮ-ไฟ สเตอริโอ จะรู้จักเครื่องอย่างรีซีฟเวอร์ของ Audiovox กันเป็นอย่างดี) ซึ่งเพิ่งเปลี่ยนชื่อบริษัทมาเป็น Voxx Int. เมื่อประมาณสิบปีนี้เอง (ค.ศ.2012)

ปัจจุบันเป็นบริษัทอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ของสหรัฐอเมริกา ภายใต้ชื่อ VOXX บนกระดานเทรดครับ

นับตั้งแต่อยู่ในความดูแลของ PAC มาตั้งแต่ปี ค.ศ.2021 แม้ออนเกียวจะไม่มีข่าวคราวของเครื่องอะไรเด็ดๆ ออกมาเลยก็ตาม

แต่ทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญและมากประสบการณ์ด้านระบบเสียง ซึ่งมีสถาบันออกแบบอันเปรียบได้กับศูนย์เทคโนโลยีอยู่ในโอซาก้าของออนเกียว ก็ได้ซุ่มทำงานกับทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์ของ PAC อย่างใกล้ชิด

และนำมาซึ่งผลิตภัณฑ์รุ่นล่าสุด ที่ออนเกียวบอกว่าคือเรือธงลำใหม่ของผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเอ/วี รีซีฟเวอร์ ซึ่งจะนำเสนอประสิทธิภาพการทำงานในระดับสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับเครื่องประเภทเดียวกันได้อย่างน่าตื่นใจ

ซึ่งก็คือเครื่องรุ่นที่จ่าหัวเอาไว้นั่นแหละครับ และมีกำหนดลงตลาดเร็วช้าอย่างไร, ก็ไม่เกินสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้อย่างแน่นอน

คุณสมบัติหลักๆ ของ Onkyo TX-RZ70 AVR ประกอบไปด้วยการเป็นเครื่องที่ทำงานในระบบ 11.2-แชนเนล (7.2.4-แชนเนล) โดยมีกำลังขับแชนเนลละ 140 วัตต์, ที่โหลด 8 โอห์ม มาพร้อมพอร์ต HDMI 2.1 รองรับความละเอียดภาพทั้งระดับ 4K และ 8K Ultra HD ผนวก Dolby Vision และ HDR10+ ด้วยความเร็วมาตรฐาน 40GPS

นอกจากนี้ ยังมีฟังก์ชั่นแบนด์วิดธ์เต็มรูปแบบ เพื่อการทำงานร่วมกับอุปกรณ์เกมที่เป็นพัฒนาการล่าสุด อาทิ X Box Series X และ PlayStation 5 ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

ประสิทธิภาพทางด้านเสียงนั้นโดดเด่นด้วยชุดประมวลผลคุณภาพสูง แบบ 32-bit ของ ESS Sabre DAC ที่ได้ชื่อว่าคือ Hyperstream DAC มีอัตราความพร่าเพี้ยนต่ำระดับ Ultra-Low Distortion และให้ไดนามิก เรนจ์ ออกมาอย่างยากหาใดเทียม รวมไปถึงการให้ความชัดเจนของเสียงที่หาใครเทียบได้ยาก และถูกออกแบบมาให้ปลอดจากการรบกวนอย่างสิ้นเชิง

โดยภายในเครื่องใช้สุดยอดชิพตัวนี้ถึงสองชุด ทั้งยังผนวกระบบแก้ไขสภาพห้องของ Dirac Live Room Correction ที่ช่วยปรับแต่งเสียงในย่านความถี่มาตรฐานออดิโอแบบ Full Bandwidth ให้ได้ความเหมาะสมกับทุกสภาพห้องที่นำเครื่องไปใช้งาน

โดยมีออปชั่นพิเศษให้สามารถเลือกซื้อระบบควบคุมเสียงเบส (Bass Control) ของ Dirac Live เพื่อปรับแต่งให้เสียงเบสในย่านความถี่ต่ำพิเศษ (LFE : Low Frequency Effect) มีความเหมาะสมกับสภาพห้องและกลมกลืนกับเสียงในย่านความถี่ออดิโออย่างสมบูรณ์ ในราคา US$349.- สำหรับการใช้สับ-วูฟเฟอร์ตู้เดียวในระบบ

หรือหากใช้มากกว่าหนึ่งตู้แบบ Multi Sub-Woofer Control ก็จ่ายเพิ่มเป็น US$499.- โดยที่เรือธงลำใหม่ของออนเกียวเครื่องนี้ มีเอาต์พุตให้สำหรับสับ-วูฟเฟอร์แยกอิสระถึงสองชุด

ปัจจุบันเทคโนโลยีระบบแก้ไขสภาพอะคูสติกของห้อง Dirac Live เป็นที่ยอมรับกันว่าใช้งานได้ผลเป็นที่น่าพอใจอย่างจริงจัง หลายๆ แบรนด์ได้ซื้อสิทธิบัตรระบบมาตรฐานนำไปใส่ไว้ในเครื่องตัวท็อปให้เห็นเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และมักแนะนำให้ผู้ใช้เครื่องซื้อออปชั่นระบบควบคุมเสียงย่านความถี่ต่ำพิเศษเพิ่ม เพื่อให้เพลิดเพลินกับคุณภาพเสียงที่เต็มรูปแบบซึ่งเครื่องสามารถให้ออกมาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

ในการสตรีมเพลงนั้นออนเกียวเครื่องนี้ยังให้เข้าถึงผู้ให้บริการชั้นนำได้อย่างรวดเร็ว อาทิ Spotify, Amazon Music HD, Tidal, Pandora, Deezer และ TuneIn ทั้งยังได้ผนวก ChromeCast, Apple AirPlay 2 และ DTS Play-Fi รวมถึงยังเป็นเครื่อง Roon Ready (พร้อมอัพเดตเฟอร์มแวร์ในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้) ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ผู้ใช้เครื่องสามารถจัดการไฟล์เพลงได้อย่างสะดวกและคล่องตัวแล้ว ยังให้คุณภาพเสียงออกมายอดเยี่ยมมากอีกด้วย เพราะรองรับไฟล์ความละเอียดสูงได้ถึงระดับ 32-bit/768kHz ทั้งยังทำงานกับไฟล์เพลงคุณภาพสูงอย่าง DSD : Direct Stream Digital ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพอีก

โดยการทำงานผ่านระบบไร้สายกับ Bluetooth นั้น เป็นแบบคุณภาพสูงของ Qualcomm aptX HD

ในการสั่งงานด้วยเสียงจากผู้ช่วยเสมือนจริงนั้น ออนเกียวเครื่องนี้รองรับทั้ง Google Assistant, Amazon Alexa และ Siri ของ Apple

การทำงานในโหมดบรรยากาศเสียงรายรอบ (Surround Mode) รองรับ Dolby Atmos, Dolby Surround, DTS : X, Neural : X, IMAX Enhanced รวมทั้ง Auro-3D ที่จะอัพเดตเฟิร์มแวร์ช่วงเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้ อีกทั้งยังเป็นเครื่อง THX Select ซึ่งเป็นการรับรองมาตรฐานเสียงระดับอ้างอิงโรงภาพยนตร์ สำหรับการใช้งานในพื้นที่ห้องขนาดกลางไปจนถึงห้องใหญ่ที่มีขนาดปริมาตร 2,000 ลูกบาศก์ฟุต และระยะนั่งชมที่ห่างจากจอภาพ 10 ฟุต

นอกจากนี้ ยังมีคุณสมบัติพิเศษจากฟังก์ชั่น Klipsch Optimize Mode ซึ่งได้พัฒนาร่วมกับลำโพง Klipsch เมื่อให้ทำงานร่วมกันกับลำโพงในตระกูล Reference Series และ Reference Premier Series เครื่องและลำโพงแต่ละรุ่นในซีรีส์ดังกล่าว จะปรับการตั้งค่าครอสส์โอเวอร์ให้เหมาะสมกันโดยอัตโนมัติ ทำให้ได้คุณภาพเสียงที่เปี่ยมไปด้วยอรรถรสและความสุนทรีย์อย่างถึงที่สุด

ในส่วนของช่องเสียบต่อทั้งระบบภาพและระบบเสียงนั้น มีให้อย่างครบครัน ประกอบไปด้วย HDMI เจ็ดชุด, RCA ห้าชุดรวมโฟโน อินพุต, Optical และ Coaxial อย่างละสองชุด รวมทั้งยังให้การทำงานแบบ Multi-Zone ระบบสเตอริโอ แยกเป็นโซนสองและโซนสามได้ด้วย

ที่ยุโรปและอเมริกามีกำหนดลงตลาดเรียบร้อยแล้วดังที่บอกไปข้างต้น ด้วยสนนราคา US$2,799.- ส่วนที่บ้านเราน่าจะเนิ่นไปกว่านั้นพอประมาณ

และคงต้องลุ้นเอาว่าจะมีค่าตัวเกินหกหลักไปสักกี่มากน้อย •

 

 

เครื่องเสียง | พิพัฒน์ คคะนาท

[email protected]